11 ก.พ. – ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการ “ล่าปิดเกาะ ทลายทุนเทาข้ามชาติ” นำกำลังบุกรวบแก๊งไต้หวันเทากลางเกาะภูเก็ต ร่วมคนไทยสร้างระบบปกปิดเส้นเงินเว็บพนัน
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. , พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น.รรท.รอง ผบช.สอท. ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ “ล่าปิดเกาะ ทลายทุนเทาข้ามชาติ” นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านหรู จังหวัดภูเก็ต จับกุมชาวไต้หวันได้ 3 คน และคนไทยอีก 3 คน ซึ่งเป็นทีมดูแลระบบการเงินและปกปิดเส้นทางการเงินให้กับเว็บพนันออนไลน์หลายเว็บไซต์ พร้อมยึดของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ 119 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคาร 19 เล่ม, ยาอี 6 เม็ด และคีตามีน 74.5 กรัม
พฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหา จะเข้ามาในไทยและเช่าบ้านหรู หรือคอนโดมิเนียมราคาแพงเป็นฐานบัญชาการ โดยจะย้ายสถานที่อยู่ไปเรื่อย ๆ จากนั้นก็จะสร้างระบบการเงินเฉพาะขึ้นมา ให้นักพนันเติมเงินผ่านแอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นมา และระบบจะโอนเงินไปยังบัญชีที่ตั้งไว้อัตโนมัติ โดยได้ว่าจ้างคนไทยให้เปิดบัญชีม้าและทำหน้าที่สแกนใบหน้า และมีขบวนการอยู่ทั้งในไทยและในต่างประเทศ เมื่อมีการโอนเงินเข้าบัญชีเว็บไซต์การพนัน ยอดเงินดังกล่าวจะถูกโอนไปยังบัญชีที่ตั้งไว้อัตโนมัติ ครั้งละหลาย 10 บัญชี แตกต่างจากระบบบัญชีม้ารูปแบบเดิม ที่จะโอนเงินต่อ ๆ กันทีละบัญชีเป็นทอดๆ จนถึงผู้รับผลประโยชน์ โดยขบวนการนี้ใช้ช่องว่างของธุรกรรมทางการเงินของประเทศไทยที่ยังบกพร่องเป็นการสร้างระบบ payment การเงินของเว็บพนัน จากการตรวจสอบพบมียอดเงินหมุนเวียนในบัญชีเดือนละ 20 ล้านบาท สามารถอายัดไว้ได้ทัน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาชาวไต้หวัน ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างให้เดินทางมาทำงานดูแลระบบในประเทศไทย โดยได้เงินเดือน ๆ ละ 50,000 บาท สลับสับเปลี่ยนกันทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดูแลให้ระบบทำงานตลอดเวลา และคอยตรวจสอบยอดเงินให้ตรงกับสลิปที่นักพนันโอนเงินเข้ามา หากโปรแกรมแจ้งเตือนให้สแกนหน้ายืนยันตัวตนบัญชีธนาคาร ก็จะให้คนไทยที่เป็นบัญชีม้ามาสแกนหน้าให้ โดยคนไทยได้รับค่าจ้างเปิดบัญชีคู่กับลงทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์ บัญชีละ 2,500 บาท โดยจะให้เปิดคนละ 4 บัญชี และได้เงินเดือนในการสแกนหน้าอีกเดือนละ 20,000 บาท
เบื้องต้นตำรวจแจ้งหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาต, สมคบกันฟอกเงิน, เป็นธุระจัดหาโฆษณาให้มีการซื้อขายบัญชีเงินฝาก เลขหมายโทรศัพท์, เปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากหรือหมายเลขโทรศัพท์ โดยรู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิด และมียาเสพติดให้โทษประเภทประเภท 1 และ 2 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”
อย่างไรก็ตาม ขบวนการนี้ตำรวจไซเบอร์ขอศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหานี้ไว้ จำนวน 29 ราย ยังเหลืออีก 26 ราย ที่อยู่ระหว่างติดตามจับกุม ซึ่งก็มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลต่อไป.-420-สำนักข่าวไทย
