สน.หัวหมาก 30 ม.ค. – ผกก.สน.หัวหมาก เผยเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม หลังไรเดอร์แจ้งเอาผิดข้อหาพยายามฆ่า พบอาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้องทั้ง 5 กระบอก เป็นชื่อผู้ก่อเหตุ 1 กระบอก เร่งหาชื่อผู้ครอบครองที่เหลือ เบื้องต้นไม่พบสารเสพติด ด้านไรเดอร์เผยเอาผิดถึงที่สุด กังวลหากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว
พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยความคืบหน้าทางคดี ว่า ยังไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวน เนื่องจากยังสอบปากคำไม่เสร็จสิ้น เพราะตำรวจยังคงมีบางประเด็นที่จะต้องสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม และยังอยู่ในอำนาจการควบคุมตัวของตำรวจ 48 ชั่วโมง ทั้งนี้ ครอบครัวของผู้ต้องหายื่นประกันตัวมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก 70,000 บาท ครั้งที่สอง 100,000 บาท ขณะนี้ยังคงแจ้ง 3 ข้อหาเหมือนเดิม คือ ข้อหาทำร้ายผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย, กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น, ยิงปืนโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ และพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อหาพยายามฆ่า หลังไรเดอร์ผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติม และได้มีการแจ้งข้อหากับคนขับรถของผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวแต่ในชั้นจับกุมคนขับรถให้การปฏิเสธ ส่วนผู้ต้องหาในการสอบปากคำเบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นจับกุม แต่ว่าในชั้นสอบสวนยังอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหา
พ.ต.อ.พรทวี กล่าวว่า จากการตรวจสอบอาวุธปืนทั้ง 5 กระบอก พบว่ามีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทุกกระบอก โดยมีหนึ่งกระบอกที่มีชื่อของผู้ต้องหาเป็นผู้ครอบครอง ผู้ต้องหาเองนั้นก็มีใบอนุญาตที่ถูกต้องแต่มีเพียงแค่ 1 กระบอกเท่านั้น หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะต้องไปตรวจสอบอีก 4 กระบอกว่าใครเป็นผู้ครอบครอง และครอบครองถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เบื้องต้นผู้ต้องหาอาจจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ในข้อหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
เมื่อถามว่ามีการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ต้องหาแล้วหรือไม่ ผกก.สน.หัวหมาก ระบุว่า ในการก่อเหตุผู้ต้องหาไม่ได้ขับรถ จึงไม่ได้วัดปริมาณแอลกอฮอล์แต่ขณะเข้าจับกุมพบว่าผู้ต้องหาอยู่ในอาการมึนเมา และจากการสอบปากคำผู้ต้องหาก็ยอมรับว่าได้ดื่มสุราจริงตั้งแต่ตีห้าของวันที่เกิดเหตุ เบื้องต้นได้มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้ต้องหา พบว่าเคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 4-5 ปีก่อน และตำรวจยังตรวจหาสารเสพติดในร่างกายผู้ต้องหาแต่ไม่พบ
พ.ต.อ.พรทวี กล่าวว่า ผู้ต้องหายังให้การไม่ละเอียด เบื้องต้นให้การว่ามีคนขี่รถจักรยานยนต์มาวนเวียนที่บริเวณหน้าบ้านหลายวัน ทำให้วันที่เกิดเหตุเข้าใจว่าไรเดอร์คนดังกล่าวคือคนที่ขี่รถจักรยานยนต์มาวนเวียนที่หน้าบ้านจึงบันดาลโทสะ และเมาสุราจึงก่อเหตุขึ้น ทั้งนี้ผู้ต้องหานั้นมีความเครียดสะสมมาหลายวันเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจโดยประกอบธุรกิจส่วนตัวจึงได้มีการดื่มสุรา แต่ผู้ก่อเหตุให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่โดยการให้เข้าไปตรวจภายในบ้าน ตำรวจจึงประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ อาวุธปืน รวมถึงกล้องวงจรปิดภายในบ้าน
พ.ต.อ.พรทวี กล่าวว่า วันนี้ได้มีการเรียกไรเดอร์ผู้เสียหายเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติมประเด็นการส่งพัสดุว่าใครเป็นคนสั่งมาให้มารับออเดอร์ที่บ้านของผู้ต้องหาเพื่อให้คลายข้อสงสัยในทุกประเด็น เบื้องต้นผู้หญิงที่มีการจ้างงานให้กับผู้เสียหายนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นใคร
เมื่อถามว่าผู้หญิงที่เรียกไปรับพัสดุนั้นเป็นบุคคลในบ้านหรือไม่ ผกก.สน.หัวหมาก ระบุว่า ไม่ใช่บุคคลในบ้าน เพราะบ้านหลังดังกล่าวอยู่กันเพียงแค่ 2 คน คือแม่และตัวผู้ต้องหา รวมถึงทราบมาว่าผู้ต้องหานั้นมีการเลิกรากับแฟนสาวไปแล้วหลายปี
ต่อมาเวลา 13.10 น. นายอุทิตย์ อายุ 46 ปี ผู้เสียหาย เดินทางที่ สน.หัวหมาก เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยทางพนักงานสอบสวนได้นัดมาเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม นายอุทิตย์ได้เล่าเหตุการณ์ในวันที่เกิดเหตุว่า ได้รับออเดอร์ขณะที่อยู่คอนโดแห่งหนึ่งจึงไปรับออเดอร์ในซอยพระราม 9 ซอย 35 เมื่อไปถึงในซอยดังกล่าว ส่วนตัวไม่ทราบว่าบ้านลูกค้าคือหลังไหนจึงได้โทรไปสอบถามกับลูกค้าเพิ่มเติม โดยทางด้านลูกค้าได้ถามกลับมาว่าบ้านหลังดังกล่าวมีรถยี่ห้ออะไรอยู่บ้าง แต่ขณะที่กำลังอธิบายอยู่นั้นผู้ต้องหาได้ออกจากบ้านมาพอดี ขับรถเลยไปก่อนที่จะขับวนกลับมา ก่อนเข้าไปทำร้ายร่างกายภายในบ้านพัก ตอนแรกผู้ต้องหาถามกับตนว่า “เป็นสายมาสืบหรือเปล่า” ตัวเองจึงปฏิเสธ พร้อมเอาโทรศัพท์มาโชว์กับผู้ต้องหาว่ามารับออเดอร์จริงๆ แต่ผู้ต้องหาไม่รับฟังพร้อมพูดว่า “ รู้ไหมว่ากูเป็นใคร” ก่อนจะนำอาวุธมาข่มขู่ และลากตนเข้าไปในบ้าน โดยหยิบปืนทีละกระบอกมาโชว์ และนำปืนมาทั้งทุบทั้งตีที่ร่างกายของตน พร้อมยิงปืนออกไปที่ประตู 1 นัด ไม่แน่ใจว่าผู้ต้องหาต้องการยิงขู่หรือไม่ แต่ทางตำรวจได้มีการตรวจสอบปืนกระบอกดังกล่าวพบว่ามี ยังมีลูกกระสุนปืนคาอยู่ในลำกล้องปืนอีก 1 นัด ซึ่งตอนที่ผู้ต้องหานำปืนมาจ่อศีรษะตนนั้นไม่รู้ว่าเขายิงมาแล้วแต่ปืนมันด้านหรือไม่ แต่ถ้าในวันที่เกิดเหตุถ้าถูกยิงขึ้นมาจริงๆ ก็คงตายอยู่ในนั้น
นายอุทิตย์ ยังเล่าว่าในระหว่างที่ผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายอยู่นั้น ลูกค้าที่เป็นผู้หญิงปลายสายนั้นก็ยังคงโทรศัพท์อยู่และพยายามขอคุยกับผู้ต้องหาแต่ผู้ต้องหานั้น ไม่คุยพร้อมทำร้ายร่างกายตนต่อ แม้จะพยายามกราบร้องขอชีวิตแต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้ได้รับบาดเจ็บหนักทั้งร่างกายแขนซ้ายหักจนผิดรูป ส่งผลทำให้ไม่สามารถทำงานได้ 15 วัน และจะต้องทำการผ่าตัดที่ รพ.ในสังกัด ทำให้ไม่สามารถทำงานได้และขาดรายได้ ทั้งที่มีภาระในการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ถึงแม้จะไม่มีลูกแต่ก็ต้องมีภาระที่ต้องใช้จ่าย ยอมรับว่าเป็นกังวลในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล จึงอยากจะดำเนินคดีในถึงที่สุด แม้ผู้ต้องหา คนขับรถ และผู้หญิงที่เป็นลูกค้า ก็จะไม่ให้อภัยต่อให้ก้มกราบก็ตาม ตนยังได้สอบถามผู้หญิงที่เป็นลูกค้าว่าเรียกตนมาให้ถูกทำร้ายหรือไม่ แต่ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ไม่ตอบและตัดสายทิ้งไป นายอุทิตย์ยังบอกอีกว่าขณะที่ผู้หญิงคนดังกล่าวอยู่ในสายตอนที่ตัวเองโดนทำร้ายร่างกายก็พยายามที่จะขอคุยแต่กับผู้ชายผู้ก่อเหตุเพียงอย่างเดียว
นายอุทิตย์ ยืนยันว่า ไม่รู้จักทั้งลูกค้าที่เป็นผู้หญิงและผู้ต้องหารับออเดอร์ที่บ้านหลังดังกล่าวนั้นเป็นการมาครั้งแรก พร้อมบอกว่าอยากให้ทุกคนเห็นภาพกล้องวงจรปิดขณะที่ถูกทำร้ายร่างกาย อยากให้รู้ว่าตอนนั้นตัวเองถูกกระทำอะไรบ้าง จำได้ว่าถูกทำร้ายนานกว่าครึ่งชั่วโมง ส่วนในทางคดีอยากจะให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และไม่อยากให้ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว ยอมรับว่าถ้าผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวก็จะกังวล เพราะผู้ต้องหาเป็นคนมีฐานะ ส่วนตัวไม่มีอะไรไปสู้ อีกทั้งยังไม่รู้กฎหมายมีเพียงแค่ตำรวจกับสื่อมวลชนที่จะช่วยได้เท่านั้น ในส่วนของค่าเสียหายก็ให้ทางตำรวจเป็นผู้ดำเนินการแทน. -419- สำนักข่าวไทย