ตร.จ่อแจ้งข้อกล่าวหาพยายามฆ่าเพิ่มหนุ่มทำร้ายไรเดอร์

ทำร้ายไรเดอร์

สน.หัวหมาก 30 ม.ค. – ผกก.สน.หัวหมาก เผยเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม หลังไรเดอร์แจ้งเอาผิดข้อหาพยายามฆ่า พบอาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้องทั้ง 5 กระบอก เป็นชื่อผู้ก่อเหตุ 1 กระบอก เร่งหาชื่อผู้ครอบครองที่เหลือ เบื้องต้นไม่พบสารเสพติด ด้านไรเดอร์เผยเอาผิดถึงที่สุด กังวลหากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว


พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยความคืบหน้าทางคดี ว่า ยังไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวน เนื่องจากยังสอบปากคำไม่เสร็จสิ้น เพราะตำรวจยังคงมีบางประเด็นที่จะต้องสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม และยังอยู่ในอำนาจการควบคุมตัวของตำรวจ 48 ชั่วโมง ทั้งนี้ ครอบครัวของผู้ต้องหายื่นประกันตัวมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก 70,000 บาท ครั้งที่สอง 100,000 บาท ขณะนี้ยังคงแจ้ง 3 ข้อหาเหมือนเดิม คือ ข้อหาทำร้ายผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย, กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น, ยิงปืนโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ และพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อหาพยายามฆ่า หลังไรเดอร์ผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติม และได้มีการแจ้งข้อหากับคนขับรถของผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวแต่ในชั้นจับกุมคนขับรถให้การปฏิเสธ ส่วนผู้ต้องหาในการสอบปากคำเบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นจับกุม แต่ว่าในชั้นสอบสวนยังอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหา

พ.ต.อ.พรทวี กล่าวว่า จากการตรวจสอบอาวุธปืนทั้ง 5 กระบอก พบว่ามีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทุกกระบอก โดยมีหนึ่งกระบอกที่มีชื่อของผู้ต้องหาเป็นผู้ครอบครอง ผู้ต้องหาเองนั้นก็มีใบอนุญาตที่ถูกต้องแต่มีเพียงแค่ 1 กระบอกเท่านั้น หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะต้องไปตรวจสอบอีก 4 กระบอกว่าใครเป็นผู้ครอบครอง และครอบครองถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เบื้องต้นผู้ต้องหาอาจจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ในข้อหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต


เมื่อถามว่ามีการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ต้องหาแล้วหรือไม่ ผกก.สน.หัวหมาก ระบุว่า ในการก่อเหตุผู้ต้องหาไม่ได้ขับรถ จึงไม่ได้วัดปริมาณแอลกอฮอล์แต่ขณะเข้าจับกุมพบว่าผู้ต้องหาอยู่ในอาการมึนเมา และจากการสอบปากคำผู้ต้องหาก็ยอมรับว่าได้ดื่มสุราจริงตั้งแต่ตีห้าของวันที่เกิดเหตุ เบื้องต้นได้มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้ต้องหา พบว่าเคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 4-5 ปีก่อน และตำรวจยังตรวจหาสารเสพติดในร่างกายผู้ต้องหาแต่ไม่พบ

พ.ต.อ.พรทวี กล่าวว่า ผู้ต้องหายังให้การไม่ละเอียด เบื้องต้นให้การว่ามีคนขี่รถจักรยานยนต์มาวนเวียนที่บริเวณหน้าบ้านหลายวัน ทำให้วันที่เกิดเหตุเข้าใจว่าไรเดอร์คนดังกล่าวคือคนที่ขี่รถจักรยานยนต์มาวนเวียนที่หน้าบ้านจึงบันดาลโทสะ และเมาสุราจึงก่อเหตุขึ้น ทั้งนี้ผู้ต้องหานั้นมีความเครียดสะสมมาหลายวันเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจโดยประกอบธุรกิจส่วนตัวจึงได้มีการดื่มสุรา แต่ผู้ก่อเหตุให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่โดยการให้เข้าไปตรวจภายในบ้าน ตำรวจจึงประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ อาวุธปืน รวมถึงกล้องวงจรปิดภายในบ้าน

พ.ต.อ.พรทวี กล่าวว่า วันนี้ได้มีการเรียกไรเดอร์ผู้เสียหายเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติมประเด็นการส่งพัสดุว่าใครเป็นคนสั่งมาให้มารับออเดอร์ที่บ้านของผู้ต้องหาเพื่อให้คลายข้อสงสัยในทุกประเด็น เบื้องต้นผู้หญิงที่มีการจ้างงานให้กับผู้เสียหายนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นใคร


เมื่อถามว่าผู้หญิงที่เรียกไปรับพัสดุนั้นเป็นบุคคลในบ้านหรือไม่ ผกก.สน.หัวหมาก ระบุว่า ไม่ใช่บุคคลในบ้าน เพราะบ้านหลังดังกล่าวอยู่กันเพียงแค่ 2 คน คือแม่และตัวผู้ต้องหา รวมถึงทราบมาว่าผู้ต้องหานั้นมีการเลิกรากับแฟนสาวไปแล้วหลายปี

ต่อมาเวลา 13.10 น. นายอุทิตย์ อายุ 46 ปี ผู้เสียหาย เดินทางที่ สน.หัวหมาก เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยทางพนักงานสอบสวนได้นัดมาเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม นายอุทิตย์ได้เล่าเหตุการณ์ในวันที่เกิดเหตุว่า ได้รับออเดอร์ขณะที่อยู่คอนโดแห่งหนึ่งจึงไปรับออเดอร์ในซอยพระราม 9 ซอย 35 เมื่อไปถึงในซอยดังกล่าว ส่วนตัวไม่ทราบว่าบ้านลูกค้าคือหลังไหนจึงได้โทรไปสอบถามกับลูกค้าเพิ่มเติม โดยทางด้านลูกค้าได้ถามกลับมาว่าบ้านหลังดังกล่าวมีรถยี่ห้ออะไรอยู่บ้าง แต่ขณะที่กำลังอธิบายอยู่นั้นผู้ต้องหาได้ออกจากบ้านมาพอดี ขับรถเลยไปก่อนที่จะขับวนกลับมา ก่อนเข้าไปทำร้ายร่างกายภายในบ้านพัก ตอนแรกผู้ต้องหาถามกับตนว่า “เป็นสายมาสืบหรือเปล่า” ตัวเองจึงปฏิเสธ พร้อมเอาโทรศัพท์มาโชว์กับผู้ต้องหาว่ามารับออเดอร์จริงๆ แต่ผู้ต้องหาไม่รับฟังพร้อมพูดว่า “ รู้ไหมว่ากูเป็นใคร” ก่อนจะนำอาวุธมาข่มขู่ และลากตนเข้าไปในบ้าน โดยหยิบปืนทีละกระบอกมาโชว์ และนำปืนมาทั้งทุบทั้งตีที่ร่างกายของตน พร้อมยิงปืนออกไปที่ประตู 1 นัด ไม่แน่ใจว่าผู้ต้องหาต้องการยิงขู่หรือไม่ แต่ทางตำรวจได้มีการตรวจสอบปืนกระบอกดังกล่าวพบว่ามี ยังมีลูกกระสุนปืนคาอยู่ในลำกล้องปืนอีก 1 นัด ซึ่งตอนที่ผู้ต้องหานำปืนมาจ่อศีรษะตนนั้นไม่รู้ว่าเขายิงมาแล้วแต่ปืนมันด้านหรือไม่ แต่ถ้าในวันที่เกิดเหตุถ้าถูกยิงขึ้นมาจริงๆ ก็คงตายอยู่ในนั้น

นายอุทิตย์ ยังเล่าว่าในระหว่างที่ผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายอยู่นั้น ลูกค้าที่เป็นผู้หญิงปลายสายนั้นก็ยังคงโทรศัพท์อยู่และพยายามขอคุยกับผู้ต้องหาแต่ผู้ต้องหานั้น ไม่คุยพร้อมทำร้ายร่างกายตนต่อ แม้จะพยายามกราบร้องขอชีวิตแต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้ได้รับบาดเจ็บหนักทั้งร่างกายแขนซ้ายหักจนผิดรูป ส่งผลทำให้ไม่สามารถทำงานได้ 15 วัน และจะต้องทำการผ่าตัดที่ รพ.ในสังกัด ทำให้ไม่สามารถทำงานได้และขาดรายได้ ทั้งที่มีภาระในการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ถึงแม้จะไม่มีลูกแต่ก็ต้องมีภาระที่ต้องใช้จ่าย ยอมรับว่าเป็นกังวลในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล จึงอยากจะดำเนินคดีในถึงที่สุด แม้ผู้ต้องหา คนขับรถ และผู้หญิงที่เป็นลูกค้า ก็จะไม่ให้อภัยต่อให้ก้มกราบก็ตาม ตนยังได้สอบถามผู้หญิงที่เป็นลูกค้าว่าเรียกตนมาให้ถูกทำร้ายหรือไม่ แต่ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ไม่ตอบและตัดสายทิ้งไป นายอุทิตย์ยังบอกอีกว่าขณะที่ผู้หญิงคนดังกล่าวอยู่ในสายตอนที่ตัวเองโดนทำร้ายร่างกายก็พยายามที่จะขอคุยแต่กับผู้ชายผู้ก่อเหตุเพียงอย่างเดียว

นายอุทิตย์ ยืนยันว่า ไม่รู้จักทั้งลูกค้าที่เป็นผู้หญิงและผู้ต้องหารับออเดอร์ที่บ้านหลังดังกล่าวนั้นเป็นการมาครั้งแรก พร้อมบอกว่าอยากให้ทุกคนเห็นภาพกล้องวงจรปิดขณะที่ถูกทำร้ายร่างกาย อยากให้รู้ว่าตอนนั้นตัวเองถูกกระทำอะไรบ้าง จำได้ว่าถูกทำร้ายนานกว่าครึ่งชั่วโมง ส่วนในทางคดีอยากจะให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และไม่อยากให้ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว ยอมรับว่าถ้าผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวก็จะกังวล เพราะผู้ต้องหาเป็นคนมีฐานะ ส่วนตัวไม่มีอะไรไปสู้ อีกทั้งยังไม่รู้กฎหมายมีเพียงแค่ตำรวจกับสื่อมวลชนที่จะช่วยได้เท่านั้น ในส่วนของค่าเสียหายก็ให้ทางตำรวจเป็นผู้ดำเนินการแทน. -419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]