จับอีก 1 ผู้ต้องหาคดีคอลเซ็นเตอร์หลอกเยาวชนและย่า สูญ 3.4 ล้านบาท

บช.สอท. 15 ม.ค.-ตำรวจไซเบอร์ จับเพิ่มอีก 1 ผู้ต้องหาบัญชีม้าแถวที่ 3 คดีคอลเซ็นเตอร์หลอกเยาวชนอายุ 17 ปี และย่า สูญเงิน 3.4 ล้านบาท ย้ำสืบจับต่อที่เหลือ ไม่ปล่อยผ่าน


พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รอง ผบช.สอท.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.ประจำ (สบ6) รรท.ผบก.สอท.1 และ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 รรท ผบก.สอท.3 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงขตำรวจไซเบอร์จับเพิ่มอีก 1 ผู้ต้องหาคดีคอลเซ็นเตอร์หลอกเยาวชนอายุ 17 ปี และย่า สูญเงิน 3.4 ล้านบาท ย้ำสืบจับต่อที่เหลือ ไม่ปล่อยผ่าน

พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ กก.1 บก.สอท.3 ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเยาวชนอายุ 17 ปี และย่า สูญเงิน 3.4 ล้านบาท รวม 9 ราย ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจได้ติดตาม จับกุมได้แล้ว 2 ราย คือ นายภีมากร (สงวนนามสกุล) เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.67 และ น.ส.กรรณิกา (สงวนนามสกุล) เมื่อวันที่ 6 ม.ค.68 จับกุมได้ที่จุดผ่านแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว


พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า กระทั่งวันที่ 14 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์นำกำลังจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวเพิ่มอีก 1 ราย ได้แก่ นายมารุด (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาบัญชีม้าแถวที่ 3 โดยจากการสืบสวนทราบว่า นายมารุดได้หลบหนีไปอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ จึงวางแผนจับกุมแต่ไม่พบตัว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า นายมารุด จะเดินทางกลับไปที่ จ.นครราชสีมาโดยรถยนต์ จึงประสาน สภ.บ้านปรางค์ ตรวจสอบและสกัดรถคันดังกล่าว จนกระทั่งสามารถสกัดรถยนต์ต้องสงสัยไว้ได้

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า ตรวจสอบภายในรถพบชาย 2 คน และหญิง 1 คน โดยหนึ่งในนั้นคือ นายมารุด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจด้วยการขู่เข็ญ, ร่วมกันโดยทุจริตหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า คดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงย่าและหลานชายวัย 17 ปี โอนเงินกว่า 3.4 ล้านบาทนั้น ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหา 9 ราย รวมจับกุมได้แล้ว 3 ราย ยืนยันผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ตำรวจไซเบอร์ไม่ปล่อยผ่านแน่นอน จะเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดี อีกทั้งคดีนี้มีความเชื่อมโยงกับคดีของ น.ส.ชาล็อต ออสติน ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นกลุ่มจีนเทาที่ไปตั้งฐานที่มั่นอยู่ที่ประเทศกัมพูชา เราจึงต้องมีการขยายผลและต้องดำเนินการเกี่ยวกับความมั่นคง ก็จะต้องมีการเข้าพูดคุยเจรจากับฝั่งของประเทศกัมพูชาอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป. -419-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

“อ.แจ็คพันศพ” ถูกเปลวไฟพุ่งใส่ขณะเผาศพ

“อาจารย์แจ็คพันศพ” สัปเหร่อและหมอผีชื่อดัง จ.บุรีรัมย์ ถูกเปลวไฟพุ่งใส่ขณะวางดอกไม้จันทน์เผาศพ ไฟลวกทั่วร่างกาย ต้องหามส่งโรงพยาบาล  เจ้าตัวงง! เผาศพมาเป็นพัน ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 30%

กรมอุตุฯ เตือนภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนโดยทั่วไป โดยมีฝนฟ้าคะนอง 30%

ตำรวจเร่งกวาดล้างแก๊งไทใหญ่ 999

กรณีแก๊งไทใหญ่ 999 ไล่ฟันหนุ่มกะเหรี่ยง ย่านห้วยขวาง ตำรวจยอมรับมีกลุ่มต่างด้าวกระทบกระทั่งกันในพื้นที่ เร่งพิสูจน์รวมแก๊งลักษณะอั้งยี่-ซ่องโจร หรือไม่ พร้อมลั่นดำเนินคดีไม่ละเว้น

ผู้การอยุธยา สั่งสอบ ตร. เก็บส่วยร้านอาหาร

แฉคลิปเสียงชายอ้างเป็นตำรวจ เรียกเก็บเงินรายเดือนจากร้านอาหาร พอปฏิเสธถูกลงตรวจถี่ยิบ ล่าสุด ผู้การฯ อยุธยา สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงด่วน

ปิด “จุดชมวิวภูชี้ฟ้า” ชั่วคราว เหตุเสียงปืนดังข้ามแดน-กระสุนตกใส่หลังคาบ้าน

อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า (เตรียมการ) ประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวจุดชมวิวภูชี้ฟ้า ชายแดนไทย-สปป ลาว อำเภอเวียงแก่น และอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว หลังเกิดเสียงปืนดังข้ามแดน และพบกระสุนตกใส่บ้านเรือนประชาชน