14 ม.ค. – สืบนครบาล ได้จับกุมนายชาคิต หรือ “ชำนาญ” อายุ 47 ปี ข้อหา “กระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดแม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตามผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดในฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” จับกุมตัวได้ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
คดีนี้ตำรวจได้มีการขยายผลรวบเพิ่มผู้สนับสนุน “จ่าเอ็ม” หลังจากที่มีการสืบสวนสอบสวนขยายผลการจับกุม “จ่าเอ็ม” อย่างละเอียดจนวินาทีสุดท้ายก่อนส่งตัวฝากขังต่อศาล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พบพยานหลักฐานถึง “ผู้สนับสนุน” รายหนึ่ง ซึ่งมีหลักฐานบ่งชี้ไปถึงการวางแผนกับจ่าเอ็มตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ไปจนถึงหลังเกิดเหตุยังได้เป็นผู้ขับขี่รถกระบะ โตโยต้า 4 ประตูสีเทา พาจ่าเอ็มหลบหนีไปยังจุดข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านเขาดิน จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 7 ม.ค. เวลาประมาณ 23.45 น. ซึ่งจากการขยายผลทราบว่าผู้สนับสนุนรายนี้คือ นายชาคิต จากนั้นจึงได้ขอหมายจับต่อศาลอาญาในทันที
ขณะจับกุมชุดจับกุมพบรถกระบะ โตโยต้า 4 ประตูสีเทาหมายเลขทะเบียน 3ขก 83XX กรุงเทพฯ คันที่พาหนี จอดอยู่บริเวณที่กบดาล ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่ามีตำหนิรูปพรรณตรงกับภาพจากกล้องวงจรปิดขณะที่จ่าเอ็มกำลังหลบหนีข้ามชายแดนด้วยช่องทางธรรมชาติ โดย นายชาคิต ก็ยอมรับว่าเป็นรถที่ใช้ขับพาจ่าเอ็มไปที่ชายแดนในวันเกิดเหตุจริงๆ และชายเสื้อเขียวในภาพจากกล้องวงจรปิดก็คือตนเองจริง และจากการขยายผลพบข้อมูลในโทรศัพท์ของนายชาคิต ว่ามีการติดต่อสื่อสารกับจ่าเอ็มตั้งแต่เวลา 13.54 น. ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 4 ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุ ชุดสืบนครบาลจึงทำการจับกุมตัวตามหมายจับ
ในชั้นจับกุม นายชาคิต ให้การ “ภาคเสธ” โดยให้การว่า “ตนเองรู้จักกับจ่าเอ็มมาได้ประมาณ 2 ปี ตั้งแต่สมัยที่จ่าเอ็ม ยังรับราชการอยู่ ตนเองทำอาชีพขับรถรับจ้าง โดยจะรับผู้โดยสารไปๆมาๆ ส่งระหว่างชายแดน เขาดิน , บ้านแหลม และ ผักกาด โดยคดีนี้ตนเองยอมรับว่าเป็นคนไปส่งจ่าเอ็มจริง ส่วนรถกระบะคันที่ขับไปส่งนั้น ตนได้ยืมมาจากพวกละแวกบ้าน ส่วนที่จ่าเอ็มไปก่อคดีมานั้นตนเองไม่ทราบ”
หลังการจับกุมได้นำตัวนายชาคิต มาที่ สน.ชนะสงคราม เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนนำตัวฝากขังในช่วงบ่ายของวันนี้ ที่ศาลอาญารัชดา พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากกลัวผู้ต้องหาหลบหนี และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน. -420-สำนักข่าวไทย