ตำรวจ จ่อเอาผิดคนใกล้ชิดมือยิง ตร.สน.สายไหม ดับ

กทม. 4 ม.ค.-ตำรวจเตรียมขยายผลเอาผิดบุคคลใกล้ชิดผู้ก่อเหตุยิงตำรวจ สน.สายไหม ดับ หลังสอบปากคำแล้วพบว่าเอาปืนของผู้ก่อเหตุไปซ่อนในบ้าน

พันตำรวจโทศราวุธ บุตรดี รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลสายไหม เปิดเผยว่าพฤติการณ์ของนายอรรณพ หรือช่างสันต์ ผู้ต้องหายิง ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร รอง สวป. สน.สายไหม อายุ 55 ปี เสียชีวิต เป็นการกระทำแบบอุกอาจ โดยใช้อาวุธปืนยิงตำรวจจำนวน 15 นัด โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตำรวจได้ขยายผลถึงกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากข้อมูลการสืบสวนคาดว่าน่าจะมีผู้ร่วมกระทำความผิดอีกหลายคน รวมถึงบุคคลใกล้ชิดที่ให้การช่วยเหลือ นำวัตถุพยานไปซุกซ่อน โดยบุคคลใกล้ชิดได้อ้างว่า ที่นำปืนไปซุกซ่อนเนื่องจากกลัวผู้ก่อเหตุนำปืนไปก่อเหตุซ้ำ แต่จากที่สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานข้อเท็จจริงของตำรวจค่อนข้างที่ขัดแย้งกัน ซึ่งจะต้องสอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นความผิดตามกฎหมายหรือเจตนาช่วยคู่กรณีกระทำความผิดหรือไม่ หากพบเข้าข่ายกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนกลุ่มเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์จะร่วมกระทำความผิดด้วยหรือไม่นั้นขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้


ส่วนสาเหตุการทะเลาะวิวาทจนนำไปสู่การฆาตกรรม จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นให้การว่ามีปัญหากับชายเสื้อขาวคนหนึ่ง ที่ไม่พอใจจากการมองหน้ากัน โดยชายเสื้อขาวที่กล่าวอ้างเดินไปพูดคุยกับ ร.ต.ท.บรรรัง ทางผู้ก่อเหตุจึงเดินเข้าไปสอบถาม แต่กลับมีปากเสียงกัน และอ้างว่าทาง ร.ต.ท.บรรรัง พยายามควักปืนยิงใส่ ตัวเองจึงใช้ปืนที่พกมาด้วยป้องกันตัว แต่การป้องกันตัวด้วยการยิงปืนถึง 15 นัดซึ่งถือว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุ พนักงานสอบสวนยังไม่เชื่อคำให้การทั้งหมด อยู่ระหว่างเร่งสืบสวนให้หาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนชายเสื้อขาวที่ถูกกล่าวอ้าง ระบุว่าเป็นชายชาวเมียนมาก่อนหน้านี้ ตำรวจยังไม่สามารถติดตามตัว หรือสามารถระบุตัวตนได้ แต่เบื้องต้นฝ่ายสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานกล้องวงจรปิดในพื้นที่ไว้ครบทั้งหมดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการสืบสวนไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นเป็นอาวุธที่จดทะเบียน แต่ยังต้องตรวจสอบต่อไปว่าชื่อที่อยู่ในทะเบียนตรงกับผู้ก่อเหตุหรือไม่


โดยช่วงบ่ายของวันนี้ทางครอบครัวของ ร.ต.ท.บรรรัง จะเดินทางไปรับศพที่นิติเวชโรงพยาบาลภูมิพล เพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ที่วัดสายไหมโดยมีผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นประธานรดน้ำศพ และสวดอภิธรรมศพ

พลตำรวจโทสยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเปิดเผยว่า ได้เตรียมดูเรื่องเกี่ยวกับสวัสดิการให้เกี่ยวกับการปูนบำเหน็จให้ ร.ต.ท.บรรรัง 7 ชั้นยศ เนื่องจากเสียชีวิตปฏิบัติหน้าที่ จากการที่ไปร่วมสอบปากคำเมื่อคืนที่ผ่านมา ภรรยาผู้ก่อเหตุไม่ยอมรับว่านำอาวุธปืนที่ก่อเหตุไปซุกซ่อนไว้ จนกระทั่งได้หลักฐานว่า ภรรยาผู้ก่อเหตุเอาไปซ่อนในบ้าน ได้สั่งการให้ทาง สน.สายไหม ดำเนินคดีกับภรรยาที่ด้วย.-420.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นศ.ซิ่งเก๋งชนเสาไฟล้ม 12 ต้น ทับรถ 3 คัน โค้งถนนกาญจนาภิเษก

นักศึกษาซิ่งเก๋งชนเสาไฟฟ้าล้ม 12 ต้น ทับรถที่วิ่งผ่านไปมาเสียหาย 3 คัน บริเวณโค้งถนนกาญจนาภิเษก ตัดเพชรเกษม ประชาชน 150 ครัวเรือนเดือดร้อนไฟดับ การไฟฟ้านครหลวงเร่งซ่อมแซม คาดเย็นนี้กลับมาใช้การได้ตามปกติ

นายหน้าลอยแพ 250 แรงงานไทย ไร้ตั๋วบินทำงานต่างประเทศ

ฝันสลาย แรงงานไทย 250 ชีวิต เหมารถมาสนามบินเก้อ หวังได้ไปทำงานในต่างประเทศ สุดท้ายไม่มีตั๋วบิน รวมตัวแจ้งความตำรวจ หวั่นถูกหลอกสูญเงินกว่า 12 ล้านบาท

สั่งปิดกิจการโรงงานลอบขนขยะอิเล็กทรอนิกส์

“เอกนัฏ” ลุยจับโรงงานลักลอบขนย้ายขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกยึดอายัดจากปราจีนบุรี มามหาชัย จ.สมุทรสาคร พบเป็นเครือข่ายเดียวกับ 2 โรงงานที่ถูกสั่งปิดก่อนหน้านี้ ขยายผลตามจับจนเจอขยะอิเล็กทรอนิกส์ลอตใหม่อีกกว่า 1,200 ตัน สั่งปิดกิจการทันที

ข่าวแนะนำ

ประธาน Google Cloud ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พบนายกฯ

ประธาน Google Cloud ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เข้าพบนายกรัฐมนตรี ยืนยันความร่วมมือด้านความมั่นคงทางไซเบอร์และการป้องกันภัยจาก online scams

“เม้งการยาง” ยันไม่ทราบขวดที่ให้ “แบงค์ เลสเตอร์” กิน เป็นเจลหล่อลื่น

“เม้งการยาง” พบตำรวจไซเบอร์ เผยไม่ทราบว่าขวดที่ให้ “แบงค์ เลสเตอร์” กิน เป็นเจลหล่อลื่น หลังถ่ายรายการยังให้เงินน้องไป 2,000 บาท ด้าน “เมลาย รัชดา” เผยจะเลิกคอนเทนต์ขยะ และเลิกจัดทริปน้ำไม่อาบ

ดิจิทัลวอลเล็ตเฟส3

“ประเสริฐ” มั่นใจดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 เสร็จทัน มี.ค.นี้ ได้บริษัททำแอปแล้ว

“ประเสริฐ” รมว.ดีอี มั่นใจดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 เสร็จทัน มี.ค.นี้ หลัง “ทักษิณ” ประกาศซ้ำ เผยล่าสุดได้บริษัทจัดทำแอปพลิเคชันแล้ว ทดลองระบบ 1 เดือน แย้ม มี.ค. รอบสุดท้าย

น้ำค้างแข็งดอยอินทนนท์

ดอยอินทนนท์อุณหภูมิลดฮวบ เหลือ 0 องศาฯ

เหนือเย็นยะเยือกต่อเนื่อง ดอยอินทนนท์อุณหภูมิลดฮวบ เหลือ 0 องศาเซลเซียส อุณหภูมิยอดหญ้าติดลบ เกิดน้ำค้างแข็งเป็นครั้งที่ 4 ของปี 2568 และเป็นครั้งที่ 12 ของหน้าหนาว