พิสูจน์หลักฐานเร่งหาสาเหตุเพลิงไหม้โรงแรมย่านข้าวสาร

กรุงเทพฯ 30 ธ.ค. – สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เร่งหาสาเหตุเพลิงไหม้โรงแรมย่านข้าวสาร หลังพบมีนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 3 ราย


จากกรณีเมื่อคืนที่ผ่านมา (29 ธ.ค.) เกิดเพลิงไหม้โรงแรมสูง 6 ชั้น บนถนนตานี แขวงตลาดยอด เขตพระนคร ทำให้นักท่องเที่ยวติดค้างอยู่ภายในโรงแรมจำนวนมาก ภายหลังมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ 3 ราย เป็นผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 2 ราย

ช่วงเช้าที่ผ่านมา (30 ธ.ค.) ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณที่เกิดเหตุ พบว่ากรุงเทพมหานครปิดกั้นพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตอันตราย ห้ามบุคคลใดเข้า-ออกพื้นที่ ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่เทศกิจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม เฝ้าตรวจตราความเรียบร้อยของที่เกิดเหตุ


ขณะที่เวลา 08.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทีมฝ่ายวิศวกรโยธากรุงเทพฯ และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากการสอบถามผู้จัดการแผนกต้อนรับโรงแรมที่เกิดเหตุให้ข้อมูลว่ามีนักท่องเที่ยวจองห้องพักเข้ามาทั้งหมด 48 ห้อง ตามจำนวนห้องของโรงแรม แต่เช็กอินในวันเกิดเหตุ 38 ห้อง

นายชัชชาติ กล่าวว่า ต้นเพลิงคาดว่ามาจากชั้น 5 ห้องหมายเลข 511 ซึ่งอยู่บริเวณส่วนหลังของอาคาร ไม่ติดถนน ปีกขวา แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ได้แน่ชัด เบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบพบว่าอาคารดังกล่าวเป็นอาคารดัดแปลงจำนวน 11 ห้องแถว พื้นที่รวมประมาณ 1,515 ตารางเมตร ขออนุญาตถูกต้องเมื่อปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้วเปิดบริการให้บริการเมื่อเดือนเมษายน 2565

สำหรับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งได้รีบมาที่เกิดเหตุภายใน 5 นาที พบว่ามีกลุ่มควันหนาแน่นเป็นจำนวนมากภายในอาคาร ทำให้ผู้พักอาศัยส่วนใหญ่อพยพหนีขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าประมาณ 34 คน จากจำนวนผู้พักอาศัยทั้งหมด 75 คน ส่วนที่เหลือพักอาศัยอยู่ด้านล่าง สามารถหนีออกมาได้ทางบันไดหนีไฟ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงต้องใช้รถกระเช้าเพื่อช่วยลำเลียงผู้ประสบภัยจากชั้นดาดฟ้าลงมา


จากการเข้าสำรวจอาคารหลังเกิดเหตุ พร้อมทีมวิศวกรและฝ่ายโยธา พบว่าอาคารหลังดังกล่าวมีบันไดหนีไฟ 2 จุด และมีอุปกรณ์ถังดับเพลิงครบถ้วน เพียงแต่อาคารหลังดังกล่าวไม่เข้าเกณฑ์ที่ต้องบังคับติดตั้งสปริงเกอร์ เพราะเป็นเพียงอาคารขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาพอาคารเป็นสภาพปิดและไม่มีระเบียง ทำให้กลุ่มควันกระจายทั่วทั้งอาคาร

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าเนื่องจากเหตุอัคคีภัยดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทางกรุงเทพมหานครจะเรียกความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างไร นายชัชชาติ กล่าวว่า ในระยะแรกต้องเพิ่มความเชื่อมั่นด้วยการสั่งการให้ผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบโรงแรมและสถานประกอบการทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ให้มีระบบป้องกันอัคคีภัยที่มีประสิทธิภาพ มีมาตรฐาน และพร้อมใช้งานได้จริง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว ส่วนในระยะยาวต้องดำเนินการแก้กฎหมายควบคุมวัสดุภายในอาคาร เนื่องจากขณะนี้กฎหมายบังคับเฉพาะอาคารขนาดใหญ่ แต่ยังไม่รวมถึงอาคารโรงแรมขนาดเล็ก

สำหรับยอดผู้เสียชีวิตยืนยันอยู่ที่ 3 ราย เป็นผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย เพศหญิง สัญชาติบราซิล เพิ่งถูกขอแต่งงานเมื่อสัปดาห์ก่อน และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 2 ราย เป็นเพศชายทั้งคู่ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล และโรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ ซึ่งอยู่ในระหว่างรอการยืนยันชื่อและสัญชาติ

ส่วนยอดผู้บาดเจ็บเบื้องต้นมีทั้งหมด 5 ราย แบ่งเป็นบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย เพศชาย ไม่ประสงค์ไปโรงพยาบาล ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 1 ราย นำส่งโรงพยาบาลกลาง และได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย เป็นชาย 1 ราย สัญชาติแคนาดา มีอาการสำลักควันและกระดูกซี่โครงหักจากการไต่ลงจากชั้น 3 เพื่อเอาตัวรอด ส่งโรงพยาบาลกลาง กับหญิง 1 ราย มีอาการสำลักควัน ส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว

ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ได้สอบปากคำนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี 3 คน พี่เป็นผู้พักอาศัยในห้อง 511 คาดว่าเป็นห้องต้นเหตุ ทั้ง 3 คนให้การยืนยันตรงกันว่าไม่ได้อยู่ห้องขณะเกิดเหตุ และไม่ได้เสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ แต่ตำรวจต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เนื่องจากพบผู้เสียชีวิตในห้อง 511 แต่ผู้เสียชีวิตเช็กอินที่ห้อง 502 โดยต้องตรวจสอบรายละเอียดว่าทำไมผู้เสียชีวิตมาเสียชีวิตที่ห้องต้นเพลิง

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนายเจฟ จอห์นสัน อายุ 34 ปี ชาวอเมริกัน ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เพลิงไหม้ เล่าว่า ตนเองมาพักกับเพื่อนที่โรงแรมนี้ พักอยู่ชั้น 4 ตอนนั้นได้กลิ่นควัน แต่คิดว่าเป็นควันบุหรี่ จึงเปิดประตูและหน้าต่างออกมาดู เห็นกลุ่มควันเป็นจำนวนมาก ตนกับเพื่อนจึงหนีขึ้นไปชั้นดาดฟ้า ทันทีที่ขึ้นไปก็เห็นว่ามีผู้หลบอยู่บนดาดฟ้าประมาณ 40 กว่าคนได้ ทุกคนอยู่ในสภาพหวาดกลัวอย่างมาก อีกทั้งยังเห็นคนไต่ลงมาจากตึก ซึ่งเขาและเพื่อนไม่กล้า เพราะกลัวได้รับอันตราย แต่หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่กู้ภัยของไทยเข้ามาให้การช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ส่วนตัวไม่ได้กังวลอะไร แน่นอนว่าเมื่อคืนนี้ตนมีความหวาดกลัวและตกใจ แต่ตอนนี้ตนรู้สึกสบายใจมากขึ้น

ขณะนี้ทางสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ อยู่ระหว่างการเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว

ด้านนายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวถึงกรณีโรงแรมแห่งหนึ่ง ถนนตานี แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ เกิดเหตุเพลิงไหม้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 ธ.ค.) ว่าตนเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยว เนื่องจากขณะนี้มีการจองที่พักเต็มเกือบทุกแห่ง และไม่มีการยกเลิกการจองแต่อย่างใด ส่วนนักท่องเที่ยวที่อยู่ในละแวกที่เกิดเหตุไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังสามารถมาร่วมงานเคาท์ดาวน์เฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้ตามปกติ

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม และเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพระนคร ได้ประชุมหารือเรื่องความปลอดภัยของสถานประกอบการในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง ทั้งเรื่องระบบไฟฟ้า ทางออก ทางหนีไฟ ถังดับเพลิง และอบรมการ์ด (Guard) ถึงข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งการห้ามนักท่องเที่ยวและสถานประกอบการใช้ดอกไม้เพลิงและวัตถุไวไฟ รวมทั้งตรวจตราสถานประกอบการมาแล้วครั้งหนึ่ง และจะมีการตรวจซ้ำอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (31 ธ.ค.) เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและประชาชน

เบื้องต้นในส่วนของการเยียวยา ทาง ผอ.เขตพระนคร ระบุว่าจะมีการเยียวยาเหมือนกับคนไทย ผู้เสียชีวิตรายละไม่เกิน 29,700 บาท บาดเจ็บรายละไม่เกิน 4,000 บาท

พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. ระบุว่า เมื่อวาน (29 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าไปตรวจที่เกิดเหตุแล้ว 1 รอบ ในส่วนของวันนี้ (30 ธ.ค.) เป็นเจ้าหน้าที่ของกลุ่มงานเคมีฟิสิกส์เข้าไปตรวจสอบ หลังจากนี้ต้องรอผลจากห้องแล็บ ซึ่งได้มีการเร่งรัดแล้ว คาดว่าจะทราบผลเร็วๆ นี้ เบื้องต้นยังไม่สามารถสันนิษฐานได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด.-420-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]

“เต้ มงคลกิตติ์” หอบกล้องวงจรปิด 34 จุดคดี “แตงโม” มอบดีเอสไอ

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อมอบหลักฐานและให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

“อนุทิน” ยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวค่าสลาก

“อนุทิน” บอกยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวเงินค่าสลาก ชี้หากจริง ผู้ว่าฯ เหนื่อยแน่

ข่าวแนะนำ

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

สมช.เคาะพรุ่งนี้ 9 โมง! ตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุด

สมช.เคาะตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดในเมียนมา โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พรุ่งนี้ 09.00 น. เชื่อ เข้าใจหลังมีการหารือแจ้งให้เตรียมความพร้อมแล้ว ย้ำ ไม่แทรกแซงเรื่องภายใน

ผบช.ภ.2 สั่งย้าย ผกก.สภ.องครักษ์ เซ่นปม จนท.บุกทลายบ่อน

รมว.มหาดไทย ชื่นชมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนนครนายก ขณะที่ ผบช.ภ.2 สั่งย้ายผู้กำกับการ สภ.องครักษ์ เซ่นปมบ่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ใครบกพร่อง-รับผลประโยชน์ ยืนยันเอาผิดไม่มีละเว้น