พิสูจน์หลักฐานเร่งหาสาเหตุเพลิงไหม้โรงแรมย่านข้าวสาร

กรุงเทพฯ 30 ธ.ค. – สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เร่งหาสาเหตุเพลิงไหม้โรงแรมย่านข้าวสาร หลังพบมีนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 3 ราย


จากกรณีเมื่อคืนที่ผ่านมา (29 ธ.ค.) เกิดเพลิงไหม้โรงแรมสูง 6 ชั้น บนถนนตานี แขวงตลาดยอด เขตพระนคร ทำให้นักท่องเที่ยวติดค้างอยู่ภายในโรงแรมจำนวนมาก ภายหลังมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ 3 ราย เป็นผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 2 ราย

ช่วงเช้าที่ผ่านมา (30 ธ.ค.) ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณที่เกิดเหตุ พบว่ากรุงเทพมหานครปิดกั้นพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตอันตราย ห้ามบุคคลใดเข้า-ออกพื้นที่ ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่เทศกิจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม เฝ้าตรวจตราความเรียบร้อยของที่เกิดเหตุ


ขณะที่เวลา 08.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทีมฝ่ายวิศวกรโยธากรุงเทพฯ และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากการสอบถามผู้จัดการแผนกต้อนรับโรงแรมที่เกิดเหตุให้ข้อมูลว่ามีนักท่องเที่ยวจองห้องพักเข้ามาทั้งหมด 48 ห้อง ตามจำนวนห้องของโรงแรม แต่เช็กอินในวันเกิดเหตุ 38 ห้อง

นายชัชชาติ กล่าวว่า ต้นเพลิงคาดว่ามาจากชั้น 5 ห้องหมายเลข 511 ซึ่งอยู่บริเวณส่วนหลังของอาคาร ไม่ติดถนน ปีกขวา แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ได้แน่ชัด เบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบพบว่าอาคารดังกล่าวเป็นอาคารดัดแปลงจำนวน 11 ห้องแถว พื้นที่รวมประมาณ 1,515 ตารางเมตร ขออนุญาตถูกต้องเมื่อปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้วเปิดบริการให้บริการเมื่อเดือนเมษายน 2565

สำหรับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งได้รีบมาที่เกิดเหตุภายใน 5 นาที พบว่ามีกลุ่มควันหนาแน่นเป็นจำนวนมากภายในอาคาร ทำให้ผู้พักอาศัยส่วนใหญ่อพยพหนีขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าประมาณ 34 คน จากจำนวนผู้พักอาศัยทั้งหมด 75 คน ส่วนที่เหลือพักอาศัยอยู่ด้านล่าง สามารถหนีออกมาได้ทางบันไดหนีไฟ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงต้องใช้รถกระเช้าเพื่อช่วยลำเลียงผู้ประสบภัยจากชั้นดาดฟ้าลงมา


จากการเข้าสำรวจอาคารหลังเกิดเหตุ พร้อมทีมวิศวกรและฝ่ายโยธา พบว่าอาคารหลังดังกล่าวมีบันไดหนีไฟ 2 จุด และมีอุปกรณ์ถังดับเพลิงครบถ้วน เพียงแต่อาคารหลังดังกล่าวไม่เข้าเกณฑ์ที่ต้องบังคับติดตั้งสปริงเกอร์ เพราะเป็นเพียงอาคารขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาพอาคารเป็นสภาพปิดและไม่มีระเบียง ทำให้กลุ่มควันกระจายทั่วทั้งอาคาร

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าเนื่องจากเหตุอัคคีภัยดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทางกรุงเทพมหานครจะเรียกความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างไร นายชัชชาติ กล่าวว่า ในระยะแรกต้องเพิ่มความเชื่อมั่นด้วยการสั่งการให้ผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบโรงแรมและสถานประกอบการทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ให้มีระบบป้องกันอัคคีภัยที่มีประสิทธิภาพ มีมาตรฐาน และพร้อมใช้งานได้จริง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว ส่วนในระยะยาวต้องดำเนินการแก้กฎหมายควบคุมวัสดุภายในอาคาร เนื่องจากขณะนี้กฎหมายบังคับเฉพาะอาคารขนาดใหญ่ แต่ยังไม่รวมถึงอาคารโรงแรมขนาดเล็ก

สำหรับยอดผู้เสียชีวิตยืนยันอยู่ที่ 3 ราย เป็นผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย เพศหญิง สัญชาติบราซิล เพิ่งถูกขอแต่งงานเมื่อสัปดาห์ก่อน และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 2 ราย เป็นเพศชายทั้งคู่ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล และโรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ ซึ่งอยู่ในระหว่างรอการยืนยันชื่อและสัญชาติ

ส่วนยอดผู้บาดเจ็บเบื้องต้นมีทั้งหมด 5 ราย แบ่งเป็นบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย เพศชาย ไม่ประสงค์ไปโรงพยาบาล ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 1 ราย นำส่งโรงพยาบาลกลาง และได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย เป็นชาย 1 ราย สัญชาติแคนาดา มีอาการสำลักควันและกระดูกซี่โครงหักจากการไต่ลงจากชั้น 3 เพื่อเอาตัวรอด ส่งโรงพยาบาลกลาง กับหญิง 1 ราย มีอาการสำลักควัน ส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว

ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ได้สอบปากคำนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี 3 คน พี่เป็นผู้พักอาศัยในห้อง 511 คาดว่าเป็นห้องต้นเหตุ ทั้ง 3 คนให้การยืนยันตรงกันว่าไม่ได้อยู่ห้องขณะเกิดเหตุ และไม่ได้เสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ แต่ตำรวจต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เนื่องจากพบผู้เสียชีวิตในห้อง 511 แต่ผู้เสียชีวิตเช็กอินที่ห้อง 502 โดยต้องตรวจสอบรายละเอียดว่าทำไมผู้เสียชีวิตมาเสียชีวิตที่ห้องต้นเพลิง

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนายเจฟ จอห์นสัน อายุ 34 ปี ชาวอเมริกัน ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เพลิงไหม้ เล่าว่า ตนเองมาพักกับเพื่อนที่โรงแรมนี้ พักอยู่ชั้น 4 ตอนนั้นได้กลิ่นควัน แต่คิดว่าเป็นควันบุหรี่ จึงเปิดประตูและหน้าต่างออกมาดู เห็นกลุ่มควันเป็นจำนวนมาก ตนกับเพื่อนจึงหนีขึ้นไปชั้นดาดฟ้า ทันทีที่ขึ้นไปก็เห็นว่ามีผู้หลบอยู่บนดาดฟ้าประมาณ 40 กว่าคนได้ ทุกคนอยู่ในสภาพหวาดกลัวอย่างมาก อีกทั้งยังเห็นคนไต่ลงมาจากตึก ซึ่งเขาและเพื่อนไม่กล้า เพราะกลัวได้รับอันตราย แต่หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่กู้ภัยของไทยเข้ามาให้การช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ส่วนตัวไม่ได้กังวลอะไร แน่นอนว่าเมื่อคืนนี้ตนมีความหวาดกลัวและตกใจ แต่ตอนนี้ตนรู้สึกสบายใจมากขึ้น

ขณะนี้ทางสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ อยู่ระหว่างการเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว

ด้านนายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวถึงกรณีโรงแรมแห่งหนึ่ง ถนนตานี แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ เกิดเหตุเพลิงไหม้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 ธ.ค.) ว่าตนเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยว เนื่องจากขณะนี้มีการจองที่พักเต็มเกือบทุกแห่ง และไม่มีการยกเลิกการจองแต่อย่างใด ส่วนนักท่องเที่ยวที่อยู่ในละแวกที่เกิดเหตุไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังสามารถมาร่วมงานเคาท์ดาวน์เฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้ตามปกติ

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม และเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพระนคร ได้ประชุมหารือเรื่องความปลอดภัยของสถานประกอบการในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง ทั้งเรื่องระบบไฟฟ้า ทางออก ทางหนีไฟ ถังดับเพลิง และอบรมการ์ด (Guard) ถึงข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งการห้ามนักท่องเที่ยวและสถานประกอบการใช้ดอกไม้เพลิงและวัตถุไวไฟ รวมทั้งตรวจตราสถานประกอบการมาแล้วครั้งหนึ่ง และจะมีการตรวจซ้ำอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (31 ธ.ค.) เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและประชาชน

เบื้องต้นในส่วนของการเยียวยา ทาง ผอ.เขตพระนคร ระบุว่าจะมีการเยียวยาเหมือนกับคนไทย ผู้เสียชีวิตรายละไม่เกิน 29,700 บาท บาดเจ็บรายละไม่เกิน 4,000 บาท

พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. ระบุว่า เมื่อวาน (29 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าไปตรวจที่เกิดเหตุแล้ว 1 รอบ ในส่วนของวันนี้ (30 ธ.ค.) เป็นเจ้าหน้าที่ของกลุ่มงานเคมีฟิสิกส์เข้าไปตรวจสอบ หลังจากนี้ต้องรอผลจากห้องแล็บ ซึ่งได้มีการเร่งรัดแล้ว คาดว่าจะทราบผลเร็วๆ นี้ เบื้องต้นยังไม่สามารถสันนิษฐานได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด.-420-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน

2 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน ลั่นมีเอกภาพ แจงรัฐบาลเชื่อมั่นท่าที 2 ประเทศลดความรุนแรงได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเรียน สื่อมวลชน ทุกท่าน ตามที่มีข่าวกระจายกันในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อปัญหาการจัดการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปิดด่านชายแดน ผมขอยืนยันว่า ผมกับกองทัพได้หารือร่วมกันหลายครั้ง และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศต่างพยายามหาทางออกในการคลี่คลายวิกฤติ โดยยึดผลประโยชน์ประชาชนและอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เราจึงกำหนดขอบเขตในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามลดเงื่อนไขที่จะระงับยับยั้งมิให้เหตุการณ์ความขัดแย้งขยายตัวมากไปกว่านี้ สำหรับเรื่องการปิดชายแดนขณะนี้ รัฐบาลเห็นว่าท่าทีและการแสดงออกของทั้งสองประเทศ ยังเป็นการแสดงออกที่สามารถลดระดับความรุนแรงได้ เพราะการปิดด่านชายแดนแม้ไม่ใช่เรื่องการสู้รบทางตรง แต่กลับจะเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ทำให้สถานการณ์ยากต่อการคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็ตั้งอยู่ในความระมัดระวังและไม่ได้ละเลยในการปกป้องตนเองและอธิปไตยเหนือดินแดน ขณะนี้รัฐบาล ร่วมกับกำลังเหล่าทัพและกระทรวงต่างประเทศ กำลังใช้กลไก JBC เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเวทีถกเถียงตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ผมจึงขอเรียนชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และมีพันธะสัญญาที่มั่นคงในการรักษาความสงบสุขให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และความปลอดภัยมากที่สุด ขอให้มั่นใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายในทุกด้าน ที่ผ่านมา เราร่วมกันใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ทั้งการประชุม หารือ […]

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]

โควิด-19 ระบาดปักธงชัย ตายแล้ว 2

นครราชสีมา 2 มิ.ย.- เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดที่ อ.ปักธงชัย จ.นคราชสีมา รุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รัฐบาลเตือนระวังสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 แพร่กระจายไว ที่ อ.ปักธงชัย พบผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบนี้แล้ว 2 ราย ผู้ป่วยรายแรกเป็นชายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ส่วนรายที่ 2 เสียชีวิตช่วงค่ำวานนี้ เป็นชายอายุ 72 ปี ที่โรงพยาบาลปักธงชัย ไปประกอบพิธีทางศาสนา โควิด-19 แม้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ต้องรู้จักวิธีการป้องกันตัวเองและดูแลบุคคลในครอบครัวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศเตือนหลังพบพฤติกรรมของเชื้อ SARS-CoV-2 สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 3 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ แปซิฟิกตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และเชื้อโควิด-19 […]