ตร.เปิดปฏิบัติการบุกถล่มแพลตฟอร์มเว็บพนัน ยึดของกลางจำนวนมาก

บช.ก. 24 ธ.ค. – ตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฏิบัติการบุกถล่ม แพลตฟอร์ม เว็บพนัน หวยออนไลน์ ฟอกเงินผ่านคริปโต ยึดเงินสด 59 ล้านบาท พบเงินหมุนเวียนทะลุหมื่นล้าน


พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผู้บังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.บก.ปอท.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท. พ.ต.ท.เสริมศักดิ์ น้อยหัวหาด รอง ผกก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.หญิงสุธัญดา เอมเอก สว.กก.3 บก.ปอท. และตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการเปิดปฏิบัติการบุกถล่มแพลตฟอร์ม “เว็บพนันหวยออนไลน์” ฟอกเงินผ่านคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาเป้าหมาย 10 คน สามารถจับกุมได้ 8 คน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้รับผลประโยชน์, กลุ่มบัญชีม้า บัญชีถอนเงิน, และกลุ่มฟอกเงิน พร้อมยึดของกลางเป็นเงินสด 59 ล้านบาท, สมุดบัญชีธนาคาร 34 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 15 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ 12 เครื่อง, รถยนต์ออดี้ มูลค่า 2.3 ล้านบาท, สลากออมสิน 3.6 ล้านบาท, โฉนดที่ดินอีก 35 ฉบับ มูลค่ารวม 250 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งสิ้นกว่า 300 ล้านบาท

คดีนี้ตำรวจพบการเคลื่อนไหวทางการเงินในบัญชีอย่างผิดปกติ คือ มีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารกว่า 12,000 ล้านบาท และมีการถอนเงินสดปริมาณสูงถึง 5,000 ล้านบาท จึงเข้าตรวจสอบจนพบว่าเป็นบัญชีม้าของเว็บพนันหวยออนไลน์ LTO BET ที่จัดให้มีการเล่นพนันหวยรัฐบาล, หวยลาว, หวยฮานอย, หวยหุ้น, หวยปิงปอง, หวยยี่กี เป็นต้น มีเว็บไซต์ย่อยในเครือ 30-40 เว็บ ก่อตั้งมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ผู้เล่นกว่า 10,000 คน มีบัญชีพักเงิน และการฟอกเงินอย่างเป็นระบบ คือการนำไปซื้อคริปโตเคอเรนซีเสมือน ที่ตั้งขึ้นมาภายในกลุ่มผู้กระทำความผิด ไม่ใช่เหรียญดิจิทัลจริง และซื้อขายโดยไม่ผ่านช่องทางที่ได้รับการรับรอง, อีกส่วนก็จะนำไปลงทุนในบริษัทนอมินีที่จดทะเบียนขึ้นมาเป็นบริษัทซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และ Block Chain ซึ่งในแต่ละวันมียอดถอนเงินเฉลี่ย 20-30 ล้านบาท และสูงสุดถึง 130 ล้านบาทต่อวัน


ตำรวจ บก.ปอท. จึงได้ขยายผลเส้นทางการเงิน และติดตามตัวบุคคคลที่เกี่ยวข้อง โดยเริ่มจากติดตามจับกุมผู้ที่ถอดเงินจากบัญชี ก่อนจะขยายผลไปยังบัญชีม้าและผู้รับผลประโยชน์ อย่างไรก็ตามยังเหลือผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี 2 คน และยังมีผู้ดูแลเว็บที่ตำรวจอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบและเตรียมออกหมายจับ รวมไปถึงการขยายผลไปถึงผู้ร่วมขบวนการที่เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการนี้ทั้งในและต่างประเทศ

เครือข่ายดังกล่าวมีการดำเนินการที่ซับซ้อน โดยใช้บัญชีพักเงินหลายบัญชี เพื่อกระจายความเสี่ยงและปกปิดเส้นทางการเงิน ก่อนจะรวบรวมและถอนออกเป็นเงินสด โดยเจ้าหน้าที่สามารถระบุผู้ต้องสงสัยจำนวนหลายราย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเครือข่าย ทั้งผู้จัดการระบบ ผู้โอนเงิน และผู้รับเงิน พร้อมขอศาลออกหมายจับเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ประกอบไปด้วย ผู้เป็นเจ้าของบัญชีม้ารับเงินแทงพนันและจ่ายเงินพนัน จำนวน 2 ราย, ผู้เป็นเจ้าของบัญชีม้าพักเงิน จำนวน 4 ราย, ผู้เป็นเจ้าของบัญชีม้าถอนเงินสด จำนวน 2 ราย, ผู้ที่รับเงินที่ได้จากการจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ และฟอกเงิน จำนวน 1 ราย และผู้ที่รับประโยชน์ จำนวน 1 ราย นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ต้องหาแต่ละคนที่ปรากฏในเส้นทางการเงิน ได้มีพฤติการณ์โอนเงินต่อกันไปเป็นทอด ๆ โดยมีเงินหมุนเวียนในระบบช่วงเวลาที่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบันจำนวนหลายหมื่นล้านบาท ทั้งจากการตรวจสอบ พบว่าผู้ต้องหาบางรายมีการนำเงินที่ได้จากการร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ไปแปลงสภาพเป็นทรัพย์สิน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย

ทั้งหมดถูกดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และสมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน


พล.ต.ต.อธิป กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการปิดเว็บไซต์เว็บดังกล่าวแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ กล่าวว่า ขบวนการดังกล่าวพบเงินหมุนเวียนปีละ 12,000 ล้านบาท และพบการถอนเงินสดมากถึง 5,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งขบวนการดังกล่าวดำเนินการตั้งแต่กรกฎาคม 2563 โดยได้เงินนำไปฟอกถึง 2 รูปแบบ คือ 1.นำไปลงทุนซื้อคริปโตเคอเรนซี ที่ลงทุนเฉพาะกลุ่มผู้กระทำความผิดด้วยกันเอง 2.นำไปลงทุนบริษัทนอมินีที่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโดยมีวัตถุประสงค์เกี่ยวข้องกับทำธุรกิจบล็อกเชนหรือซื้อสินทรัพย์ดิจิตอล แต่ไม่ได้ทำธุรกิจดังกล่าวจริงๆ

ทั้งนี้ เมื่อผู้ต้องหาต้องการจะเปลี่ยนทรัพย์สินที่มีการฟอกให้เป็นเงินสดมาแจกจ่ายกับขบวนการ ก็จะแปลงเป็นเงินสดด้วยวิธีการซื้อขายคริปโตเคอเรนซี ที่ทำแบบผิดกฎหมาย กล่าวคือ ไม่ได้แลกเปลี่ยนผ่านบริษัทผู้รับแลกเงินที่ถูกกฎหมายหรือจดทะเบียนถูกกฎหมาย เมื่อเปลี่ยนสภาพเป็นเงินสดแล้ว ก็จะนัดหมายส่งมอบเงินสดให้กับกลุ่มคนที่อยู่ในเครือข่าย ซึ่งเฉลี่ยแล้วถอนเงินตกวันละ 20-30 ล้านบาท บางวันพบการถอนเงินสดมากถึง 130 ล้านบาท ทำให้สามารถตรวจยึดเงินสดได้เป็นจำนวนมากถึง 59 ล้านบาท

สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถจับกุมตัวการใหญ่ที่เป็นผู้รับผลประโยชน์ได้ ซึ่งยังคงไม่ให้การในชั้นพนักงานสอบสวน แต่พยานหลักฐานเงินสดและโฉนดที่ดินที่ ได้จากการจับกุมผู้รับผลประโยชน์ ก็สามารถมัดตัวผู้กระทำความผิดได้ในส่วนของโฉนดที่ดินต้องนำไปตรวจสอบเพิ่มเติม เพราะคาดว่าบางส่วนน่าจะมาจากการรับจำนองที่ดิน เนื่องจากพบชื่อของบุคคลที่ 3 เป็นเจ้าของที่ดิน ไม่ใช่ชื่อของผู้ต้องหา

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ามีบุคคลที่ให้การช่วยเหลือและเบื้องหลังในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป ส่วน Server ของเว็บไซต์ พบจดทะเบียนโดเมนในต่างประเทศ แต่ผู้ควบคุมบริหารจัดการเว็บไซต์อาจจะอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากเว็บไซต์ดังกล่าวให้บริการเฉพาะคนไทย เชื่อว่ามียอดผู้เล่นเว็บไซต์นี้มีไม่ต่ำกว่าหมื่นกว่าคน รวมทั้งยังพบว่า เว็บไซต์ดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนชื่อโดเมนอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับของทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้ดูแลเว็บไซต์ คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน ในการจับกุมแอดมินเว็บไซต์ดังกล่าว. -419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย