กรุงเทพฯ 18 ธ.ค. – ตำรวจไซเบอร์รวบสาวทำคลิปโป๊ขายกลุ่มลับโอนลี่แฟน สารภาพทำมาแล้วกว่า 4 ปี มีรายได้เฉลี่ย 5 หมื่นต่อเดือน
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญา ที่ 1123/2567 ค้นบ้านเช่าหลังหนึ่งในหมู่บ้านเจริญสุข ซอยเสือใหญ่ แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เข้าจับกุม น.ส.ศศิธร อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 6102/2567 ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ในความผิดฐาน “ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสีสิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก“
ทั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจชุดสืบสวน กก.2 บก.สอท.4 ตรวจพบคลิปลามกอนาจารเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลในลักษณะมีคู่ชายหญิงสร้างคอนเทนท์ แสดงในบททำทีสั่งของจากไรเดอร์ โดยฝ่ายหญิงนั้นเปลือยกายล่อนจ้อน โดยใช้สถานที่ถ่ายทำกันกลางถนน ภายในซอยแห่งหนึ่ง ในช่วงกลางวันแสก ๆ ซึ่งรายล้อมไปด้วยบ้านเรือนประชาชนนับสิบหลัง อีกทั้งไม่แคร์สายตาผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา
จึงทำการสืบสวนจนทราบว่านักแสดงหญิงรายนี้คือ น.ส.ศศิธร โดยมีการเปิดเพจทางเฟซบุ๊ก โฆษณาช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจหรือต้องการดู ในการซื้อขายคลิปลามกนี้ รวมท้้งคลิปที่ตัวเองแสดงในบทบาทอื่นๆ โดยจะให้เพิ่มเพื่อนในแอพพลิเคชันไลน์ เพื่อดึงเข้ากลุ่มลับในโอนลี่แฟน จึงแฝงตัวสมัครเป็นสมาชิก ก่อนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายค้นและหมายจับ ก่อนเข้าจับกุมตัวไว้ได้ที่บ้านเช่า พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง ตรวจสอบพบมีข้อมูลคลิปโป๊ลามกจำนวนมาก
จากการสอบสวน น.ส.ศศิธร ให้การยอมรับว่า ได้เข้ามาสู่วงการโชว์สยิวมานานราว 4 ปี โดยเปิดกลุ่มลับในโอนลี่แฟน เพื่อเรียกเก็บเงินค่าสมาชิกเข้ากลุ่มครั้งแรกในราคา 499 บาท หากต้องการดูไลฟ์ขณะร่วมรักจะคิดในราคา 1,500 บาท นอกจากนี้ยังรับทำคลิปโป๊ตามรูปแบบความต้องการของลูกค้า โดยมีรายได้เฉลี่ย 5 หมื่นบาทต่อเดือน ก่อนควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.4 ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.-412-สำนักข่าวไทย