ตร. 13 ธ.ค. – โฆษก ตร.เผย “บิ๊กต่าย” สั่งทำคดี “สจ.โต้ง” ตรงไปตรงมา เด็ดขาดยุติธรรม เตรียมพิจารณากรณีภรรยาร้องขอโอนสำนวนให้กองปราบฯ -สั่งสอบตำรวจพื้นที่ทำตัวเป็นลูกสมุนนักการเมืองผู้มีอิทธิพล ลั่นไม่เหมาะสมฟันวินัยและอาญา ไม่เว้น
จากกรณี นส.ณภาภัช หรือ สจ.จอย ภรรยาของ สจ.โต้ง ที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านของนายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อคืนวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมด้วยนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และทนายนิติศักดิ์ มีขวด เข้ายื่นหนังสือขอโอนสำนวนคดีการตายของ สจ.โต้ง มาที่กองบังคับการปราบปราม เนื่องจากเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดเผยว่า คดีนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะต้องดำเนินคดีนี้อย่างตรงไปตรงมาและเด็ดขาดยุติธรรม คาดว่าจะมีการพิจารณาในเรื่องที่ร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าว พร้อมระบุ ผบ.ตร.ยังได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้าไปดูเรื่องคดี เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในทุกมิติ และสั่งการให้ผู้บัญชาการภาคต่างๆ และผู้บังคับการตำรวจที่อยู่ในพื้นที่ให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและเด็ดขาดกับผู้มีอิทธิพล หรือมีการกวาดล้างอาวุธเพื่อไม่ให้เกิดความไม่สงบในพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่อาจจะมีการเลือกตั้งต่าง ๆ จึงขอให้ประชาชนได้มั่นใจว่าตำรวจดำรงตนอยู่ในความยุติธรรมและบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่และเก็บรวบรวมพยานหลักฐานทุกมิติเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดทุกกรณี
โฆษก ตร. ย้ำว่า แม้คดีนี้จะเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลและการเมืองท้องถิ่น แต่ยืนยันว่าตำรวจจะดำเนินการด้วยความยุติธรรม โดยไม่สนใจเป็นใครหรือเป็นมาอย่างไรแต่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีตำรวจในพื้นที่เข้าไปเกี่ยวข้องและเป็นลูกน้องของ สจ.โต้ง นั้น ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการตรวจสอบให้ครบถ้วนทุกมิติว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องในด้านไหนบ้างแม้จะไม่มีส่วนร่วมในการกระทำผิดแต่หากพบมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมก็จะต้องดำเนินการทั้งวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด.-419-สำนักข่าวไทย