“ชาล็อต” เผยเป็นแพนิค ทำให้ตกเป็นเหยื่อโอนเงินมิจฉาชีพ 4 ล้าน

ชาล็อตโดนหลอกโอนเงิน

กทม. 10 ธ.ค.-“ชาล็อต” เผยเป็นแพนิค ทำให้ตกเป็นเหยื่อโอนเงินมิจฉาชีพ 4 ล้าน ยอมรับเสียใจ ด้านตำรวจไซเบอร์เข้ารับข้อมูล เตรียมโอนคดีมาไว้ในความรับผิดชอบ คาด 1 สัปดาห์มีความคืบหน้า

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 10 ธ.ค. ที่บริษัทมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่แนล จำกัด (มหาชน) น.ส.ชาล็อต ออสติน นางงามในสังกัดมิสแกรนด์ พร้อมด้วยนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานบริษัทมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่แนล จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าวประเด็นมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงิน 4 ล้านบาท


น.ส.ชาล็อต เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 7 ธ.ค.2567 เวลาประมาณ 17.00 น. ขณะที่ตนอยู่บนรถที่กำลังมุ่งหน้ามายังบริษัทมิสแกรนด์ ก็ได้มีเบอร์แปลกโทรมา โดยปกติตนเป็นคนที่ไม่รับสายเบอร์แปลก แต่ในวันดังกล่าวตนมีไปทำธุระที่ร้านแห่งหนึ่ง และมีการทิ้งเบอร์ไว้เพื่อจะทำการขอใบกำกับภาษี จึงคิดว่าเบอร์ดังกล่าวเป็นเบอร์จากร้าน ตนจึงตัดสินใจรับสาย เมื่อรับสายทางมิจฉาชีพก็ได้มีการแจ้งชื่อและยศและกล่าวอ้างว่าเป็นบุคคลากรของดีเอสไอ และมีการกล่าวอ้างว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายศรัทธา จันทรเศรษญเลิศ ที่เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินหุ้นบริษัท STARK ที่เคยมีข่าวช่วงเดือนส.ค. โดยมิจฉาชีพยังกล่าวอีกว่าทางตนมีการขายบัญชีให้กับนายศรัทธา และทางนายศรัทธา ได้มีการโอนเงินมาให้ตนทุกเดือน เดือนละ 800,000 บาท ซึ่งตนได้มีการหาข้อมูลและพบว่ามีคดีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ตนจึงยืนยันความบริสุทธ์ใจและแจ้งว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

จากนั้นทางมิจฉาชีพก็ได้ให้ตนกดโค้ดหนึ่ง เพื่อทำการโอนสายไปยังเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งท่านที่อ้างว่าเป็นบุคลากรของตำรวจไซเบอร์ แต่โค้ดดังกล่าวคาดว่าเป็นโค้ดที่ทำให้โทรศัพท์บล็อคเบอร์จากบุคคลอื่นให้ไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้ นอกจากนี้ยังมีการขอไลน์และวิดีโอคอลหาตน โดยทางมิจฉาชีพกล่าวอ้างว่าจะใช้ภาพและวิดีโอในส่วนนี้ไปใช้ในชั้นศาลเพื่อทำการฟ้องนายศรัทธา


หลังจากที่มีการพูดคุยไป ทางมิจฉาชีพก็กล่าวว่ามีการติดตามตำแหน่งตนอยู่ และห้ามไม่ให้ตนบอกใครเนื่องจากเป็นความลับทางราชการ และข่มขู่ว่าหากบอกใครจะทำให้ผู้นั้นโดนดำเนินคดีไปด้วย จึงทำให้ตนเกิดความกังวลและกลัว ทำให้ไม่สามารถบอกใครและไม่กล้าเดินทางมาที่บริษัทได้ อีกทั้งยังมีการนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีความดังกล่าว จากศาล และ ป.ป.ง. มาโชว์ให้ตนเห็น จึงทำให้ตนเชื่อสนิทใจ

จากนั้นมิจฉาชีพก็ให้ตนยืนยันความบริสุทธิ์ โดยให้โอนเงินอ้างว่านำไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน และจะได้รับคืนภายใน 10-15 นาที ตนจึงทำการโอนไปครั้งแรกเป็นจำนวน 2 ล้านบาท หลังจากถึงเวลากำหนดคืนเงิน ทางมิจฉาชีพก็อ้างว่าอยู่ในระหว่างการประชุมเพื่อนำเรื่องเรียนผู้บังคับบัญชาเพื่อทำการตรวจสอบ ซึ่งตลอดเวลาก็มีการห้ามวางสายวิดีโอคอล และมีการพูดคุยกันเป็นระยะ

กระทั่งเวลาประมาณ 00.00 น. ของวันที่ 8 ธ.ค. ทางมิจฉาชีพก็อ้างว่ามีการตรวจสอบยอดแล้ว และให้ตนโอนเพิ่มอีก 2 ล้านบาท เพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งตนก็โอนให้โดยเป็นการโอนอีก 2 รอบ รอบแรก 500,000 บาท อีกรอบจำนวน 1,500,000 บาท โดยรวมการโอนทั้งสิ้น 3 ครั้ง จำนวนเงิน 4 ล้านบาท และเป็นการโอนไปยังบัญชีเดียวชื่อว่า น.ส.ปริชาติ แซ่เอี๊ยว


จากนั้นตนเริ่มเกิดความสงสัยและเริ่มแน่ใจว่าถูกหลอกในช่วงเช้าของวันที่ 8 ธ.ค. จึงได้ตัดสินใจโทรทำการอายัดบัญชีชั่วคราวและบันทึกภาพวิดีโอไว้เป็นหลักฐานพร้อมเดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดยอมรับว่าตนรู้สึกเสียใจที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

ด้านนายณวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนมีการนำคลิปวิดีโอขณะที่ น.ส.ชาล็อต พูดคุยกับมิจฉาชีพ ไปให้คนรู้จักตรวจสอบ คาดว่าคลิปวิดีโอคอลดังกล่าวเป็น AI อีกทั้งตนยังคิดว่า น.ส.ชาล็อต จะไม่ได้รับเงินคืนเนื่องจากว่ามิจฉาชีพส่วนมากอยู่ต่างประเทศ แต่ที่มาแถลงข่าวในวันนี้ก็เพื่อที่จะเป็นอุทาหรณ์ให้ใครอีกหลายๆ คน

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. และพล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและสอบสวน ได้เดินทางเข้ามารับข้อมูลเพื่อจะโอนย้ายคดีจาก สน.สุทธิสาร มายัง บช.สอท.

โดย พล.ต.ต.วิวัฒน์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่ได้รับเบื้องต้นทราบว่าทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร แล้วและทางพนักงานสอบสวนได้อายัดบัญชีไว้เยื้องต้นแล้ว ทราบเป็นการโอนเข้าบัญชีม้า และถูกโอนออกไปยังบัญชีอื่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยจะโอนย้ายคดี ที่อยู่ในความรับผิดชอบ สน.สุทธิสาร มาอยู่ในความรับผิดชอบของ สอท. ยืนยันจะเร่งติดตามสืบสวนขยายผลให้เร็วที่สุด คาดว่าจะมีความคืบหน้าภายในหนึ่งสัปดาห์ ส่วนหลักฐานที่เป็นคลิปบันทึกเอาไว้ขณะมีการพูดคุยกับมิจฉาชีพที่ใช้ระบบ AI เป็นลักษณะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่นั้น ยอมรับว่านวัตกรรมของมิจฉาชีพ มีความก้าวหน้าไปมาก โดยจะใช้การเชื่อมต่อสัญญาณผ่านระบบดาวเทียวสตาร์เทค สุ่มผู้เสียหายหลอกเอาเงิน โดยไม่ได้เจาะจงไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะล้วงถามเอาข้อมูล ตามแผนการของมิจฉาชีพ โดยที่ผ่านมามีหลายคดีที่ตำรวจสามารถนำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายได้ ซึ่งจากหลักฐานเบื้องต้นคาดว่าคดีของคุณชาล๊อต ไม่ใช่คดีที่ซับซ้อน ถึงแม้ปลายทางจะมีการโอนเงินเปลี่ยนเป็นสกุลดิจิตอลแล้วก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถติดตามเส้นทางการเงินได้.-414.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

บกปภ.ช. แถลงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว

บกปภ.ช. แถลงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว สั่งพื้นที่เร่งสำรวจและให้ความช่วยเหลือ หากงบประมาณไม่เพียงพอให้ขอขยายวงเงินทันที ด้านอาคารที่ถล่มได้ส่งทีม USAR Thailand สลับกำลังเพิ่มเติม

นายกฯ กล่าวในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1446 ส่งความปรารถนาดีชาวไทยมุสลิม

นายกรัฐมนตรี กล่าวในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1446 ส่งความรัก ความปรารถนาดียังชาวไทยมุสลิมทุกคน ชื่นชมศรัทธาที่เข้มแข็ง ความอดทน อดกลั้น ความมุ่งมั่น เสียสละ

เร่งปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากใต้ซากอาคาร สตง.

ปฏิบัติการค้นหาผู้ติดใต้ซากอาคาร สตง. ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผ่านมาเกือบ 54 ชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ยังไม่พบผู้รอดชีวิตเพิ่ม ส่วนยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็น 11 รายแล้ว

สตง.ตั้งศูนย์ประสานงานช่วยผู้ประสบภัยตึกถล่มจากแผ่นดินไหว

สตง. เร่งตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้ได้รับผลกระทบ จากกรณีอาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว พร้อมยืนยันกระบวนการดำเนินโครงการฯ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย