5 ธ.ค.- แก๊งตุ๊กตุ๊กรุมทำร้ายโบลท์ ย่องเงียบมอบตัวยามวิกาล ด้านผู้เสียหายเปิดใจ เห็นเป็นที่สาธารณะเลยจอด ไม่คิดว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขณะที่ตำรวจเตรียมหารือหลายหน่วยงานร่วมกันบูรณาการสร้างความปลอดภัยในสังคมและถนน
12.30 น. จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา โบลท์ถูกกลุ่มรถตุ๊กตุ๊กรุมทำร้ายร่างกายบนถนนเยาวราช บริเวณใกล้ปากทางเข้าซอยผดุงด้าว แขวงและเขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ จนปรากฏคลิปลงในสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้โบลท์ได้รับบาดเจ็บและได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 2
ความคืบหน้าล่าสุดที่ สน.พลับพลาไชย 2 พบว่ามีกลุ่มโบลท์มารวมตัวกันเกือบ 20 คน เพื่อให้กำลังใจเพื่อนไรเดอร์ที่ถูกทำร้ายร่างกาย หลังสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง นายรุจ อายุ 36 ปี ผู้เสียหายเปิดเผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้มาชี้ตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งตอนนี้ได้ชี้ตัวยืนยันผู้ก่อเหตุที่ลงมือทำร้ายร่างกาย จำนวน 2 คน ส่วนคนอื่นๆ จำไม่ได้ เพราะมองไม่เห็น เนื่องจากโดนทำร้ายร่างกายแล้ว โดยวันที่เกิดเหตุตนมาจอดรถส่งผู้โดยสาร เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเห็นว่าเป็นที่สาธารณะและมีกลุ่มรถตุ๊กตุ๊กจอดรอคิวอยู่ ทำให้ตนตัดสินใจเข้าไปจอดรอ แต่จู่ ๆ ก็ถูกหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุ ใช้ไฟฉายส่องใส่หน้า เพื่อให้ขยับรถออกไป ซึ่งตนก็ถอยรถออกมาเรื่อยๆ แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุเหมือนจะยังไม่พอใจ ลงมาต่อว่าจอดขวางที่จอดรถของตัวเอง ให้ขยับรถออกไป ด้วยความที่ตนก็ไม่พอใจที่ถูกกลุ่มพวกก่อเหตุใช้ไฟฉายส่องไฟใส่หน้ามาก่อนหน้านี้ ตนจึงไม่ยอมขยับต่อ เพราะเห็นว่าเป็นที่สาธารณะ และต่อว่าคู่กรณีว่าตรงนี้เป็นที่สาธารณะ ใครๆ ก็สามารถจอดได้ และควรพูดจากันดีๆ นั่นจึงทำให้คู่กรณีไม่พอใจมากขึ้น ก่อนจะยก ว. เพื่อเรียกพวกมาในที่เกิดเหตุ จากนั้นได้มีการโต้เถียงกันพอสมควร ตนจึงตัดสินใจยอมขอโทษ แต่ในระหว่างที่กำลังจะไปเลื่อนรถออกไป ปรากฏว่ามีรถแท็กซี่มาจอดขวางหน้ารถของตน ส่วนด้านข้างก็มีรถตุ๊กตุ๊กของกลุ่มผู้ก่อเหตุประกบข้างอยู่ ทำให้ไม่สามารถขยับออกไปไหนได้ กลุ่มผู้ก่อเหตุเข้ามาล็อคคอ และอีกคนเข้ามาชกใบหน้า ตามด้วยไม้เบสบอล ซึ่งคู่กรณีมุ่งเน้นไปบริเวณใบหน้าและศีรษะเท่านั้น รวมทั้งยังใช้ไม้เบสบอลตีเข้าไปที่บริเวณรถของตนอีกหลายครั้ง
หลังเกิดเรื่องตนได้ไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์บอกเบื้องต้นว่ายังไม่มีปัญหาร้ายแรงหรือได้รับการกระทบกระเทือนเกี่ยวกับสมองแต่อย่างใด แต่บริเวณตาฝั่งขวายังไม่สามารถให้คำตอบได้เนื่องจากยังต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งตนเป็นกังวลว่าจะเป็นปัญหาในอนาคตได้
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะตนและกลุ่มผู้ก่อเหตุมีอาชีพไม่ต่างกัน ควรเห็นใจซึ่งกันและกัน อีกทั้งทุกอย่างควรจะจบลงตั้งแต่ตนยกมือไหว้ขอโทษแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ตนไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกในอนาคตไม่ว่ากับใครทั้งนั้น ในเมื่อที่จอดรถสาธารณะ ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันไม่ควรมีใครมาเป็นมาเฟียจับจองพื้นที่เช่นนี้
ส่วนความคืบหน้าทางคดี พันตำรวจเอก วิทวัส เข่งคุ้ม ผู้กำกับการ สน.พลับพลาไชย 2 เปิดเผยว่า หลังเกิดเรื่อง ฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้มีพยานหลักฐานจนทราบบุคคลที่ก่อเหตุทั้ง 4 คน ประกอบไปด้วย นายภูวเดช หรือ โจ้ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นคนที่ใช้ไม้เบสบอลทำร้ายผู้เสียหาย นายวุฒิชัย หรือ ก๊อป อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นคนชกผู้เสียหาย นายวิศรุต หรือ ก่ำ อายุ 23 ปี และนายศรัณย์ หรือ ต่อ อายุ 27 ปี ซึ่งสองคนนี้คอยยืนคุมเชิงและล้อมรถผู้เสียหาย
จากการสอบปากคำ ผู้ก่อเหตุอ้างว่า ผู้เสียหายได้ขับรถยนต์มาจอดทับที่ของพวกตน จึงได้มีการส่องไฟฉายไล่ แต่ผู้เสียหายไม่ยอมไปและมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน จึงเกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น เบื้องต้นพนักงานสอบสวน แจ้งข้อหานายภูวเดช และนายวุฒิชัย ในข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่น และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น และปฏิเสธข้อหาร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากขอตรวจสอบก่อนว่าทรัพย์สินของผู้เสียหายได้เสียหายจริงหรือไม่ และให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ เนื่องจากผู้ต้องหาได้มามอบตัวเอง ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งสามารถติดต่อได้ ส่วนนายวิศรุตและนายศรัณย์ จากการสอบสวนยังไม่พบว่าได้ร่วมกันจะทำความผิดจึงได้สอบปากคำไว้เป็นพยานในคดีก่อน นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบอีกว่านายวิศรุตและนายศรัณย์ ไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ซึ่งจะมีการแจ้งข้อหาและปรับเงินในภายหลัง
ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย หลังจากนี้จะส่งฝ่ายสืบสวนและสายตรวจลงพื้นที่เพื่อกวดขันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะประสานผู้ประกอบการแอปพลิเคชันโบลท์ เจ้าของอู่รถยนต์สามล้อ มาทำข้อตกลงในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.จราจร เพื่อความเป็นสงบเรียบร้อยในสังคม .414.-สำนักข่าวไทย