ตม.รวบจีนเทาหนีหมายแดงซุกไทย คาสนามบิน

สุวรรณภูมิ 1 ธ.ค.-ตม.รวบจีนเทาหนีหมายแดงซุกไทย คาสนามบินสุวรรณภูมิ เตือนต่างชาติแฝงตัว ส่งกลับทุกราย

วันนี้ (1 ธ.ค.67) เวลาประมาณ 08.00 น. พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และโฆษก สตม. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ณัฐกิจ มีสุข ผกก.สส.ปป.บก.ตม.2 ว่า ชุดปฏิบัติการสืบสวน บก.ตม.2 นำโดย พ.ต.ต.ดิษฐภัท เรืองหัตถาการ สว.ฯ ได้ติดตามสืบสวน และจับกุม MR.CHEN SHUAI สัญชาติจีน ได้ที่บริเวณพื้นที่อาคารผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ


โดย พล.ต.ต.เชิงรณ เผยว่า MR.CHEN SHUAI เป็นบุคคลที่มีหมาย RED NOTICE ในระบบตำรวจสากล โดยผู้ต้องหากระทำการลักลอบและปลอมแปลงเอกสารเกี่ยวกับการเช่า-ซื้อขายรถยนต์หรูมือสองในประเทศจีน ตั้งแต่ พ.ย.2522 ถึง เม.ย. 2523 จนเกิดความเสียหายกว่า 2.53 ล้านหยวนหรือ 11 ล้านบาท หลังจากก่อเหตุได้เดินทางมาอาศัยในประเทศไทย เพื่อหลบซ่อนในพื้นที่

ซึ่งได้มีการประสานงานระหว่าง สตม.ไทย-จีน ซึ่งวันดังกล่าว ทาง บก.ตม2 ทราบว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีต่อไปประเทศกัมพูชา ผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในตอนเช้าวันที่ 1 ธ.ค.2567 เจ้าหน้าที่สืบสวนจึงได้วางกำลังสกัดกั้นจนได้ตัวผู้ต้องหาก่อนเข้าทำการ Check in เพื่อหลบหนี จากการตรวจสอบพบว่าอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาติสิ้นสุด จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สุวรรณภูมิและอายัดตัวเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


“ขอแจ้งเตือน คนต่างชาติผ่านสื่อมวลชนว่า ตม.ประเทศไทย ไม่ยินยอมให้คนต่างชาติใดๆ อาศัยประเทศไทย เป็นที่หลบซ่อน เพื่อหนีคดี หรือ เข้ามาทำธุรกิจบังหน้า เพื่อฟอกเงิน รวมถึงก่อเหตุใดๆเป็นอันขาด โดยเฉพาะช่วงเทศกาลท่องเที่ยว พบว่า มีคนต่างชาติ แฝงตัวโดยใช้หนังสือเดินทางวูนูอาตู เซนโลเซีย หรือประเทศแถบหมู่เกาะต่างๆ เข้ามาไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ ไม่มีตั๋วเครื่องบินขากลับ และไม่มีเป้าหมายการท่องเที่ยว ซึ่งจะถูกเชิญสัมภาษณ์โดยละเอียด หากมีความเสี่ยงต่อความมั่นคง จะถูกปฏิเสธการเข้าเมือง ทุกรายไป” พล.ต.ต.เชิงรณ กล่าว.-412.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คลอดลูกแฝดตกตึก

หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต

สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก

ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน

ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ

ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน

จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ

ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก

ข่าวแนะนำ

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสมีลูก 2 คนกับอดีตสามี ส่วนสามีคนปัจจุบัน คือ คู จุน ย็อบ หรือดีเจ คู เป็นนักร้องชาวเกาหลีใต้วัย 55 ปี.-814.-สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” พอใจผลเลือก อบจ. เผย “ทักษิณ” ทำเต็มที่

“นายกฯ แพทองธาร” พอใจผลเลือกตั้งนายก อบจ. บอกต้องนำมาวิเคราะห์หมด ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เผย “ทักษิณ” ทำเต็มที่ คุ้มสตางค์ค่าจ้างผู้ช่วยหาเสียง แจงปราศรัยเดือดไม่ใช่คาแรคเตอร์ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

นักวิชาการชี้เลือกตั้งนายก อบจ.ไม่ใช่ภาพสะท้อนเลือกตั้งใหญ่

การเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผ่านพ้นไปแล้วทั้ง 47 จังหวัด ขณะนี้รอประกาศผลอย่างเป็นทางการจาก กกต. แต่ผลที่ออกมาชี้ให้เห็นว่าผู้สมัครที่มีเครือข่ายพรรคการเมืองใหญ่สนับสนุนได้ชัยชนะหลายจังหวัด แต่นักวิชาการชี้ว่ายังไม่สามารถสะท้อนให้เห็นภาพชัดถึงผลสนามเลือกตั้งใหญ่ในอนาคตได้