“บิ๊กเต่า” จ่อเรียกแม่อดีตนักการเมือง ส.ให้ปากคำ หลังมีเส้นเงินโยงดิไอคอน

บช.ก. 11 พ.ย. – “บิ๊กเต่า” เผยหลังประชุมเร่งรัดคดี เตรียมเรียกแม่ ส. ให้ปากคำภายในสัปดาห์นี้ ส่วนเรื่องนักร้อง ก. จะชัดเจนในสัปดาห์นี้เช่นกัน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการประชุมนานกว่า 2 ชม.ว่า วันนี้ได้มีการประชุมทั้งหมด 4 เรื่อง เรื่องแรกคือเรื่องของนางสาวกฤษอนงค์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง, เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องของอดีตนักการเมือง ส., เรื่องที่ 3 เรื่องของนายเอกภพ ผู้ก่อตั้งเพจสายใหม่ต้องรอด และเรื่องของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม

ในอาทิตย์นี้เป็นการดำเนินการความคืบหน้าของนางสาวกฤษอนงค์ โดยเนื้อหาพยานหลักฐานข้อเท็จจริงไปได้เยอะแล้ว จะมีการสอบพยานเพิ่มอีก 2 ปาก เป็นฝั่งของธนาคารและทนายความ และทางพนักงานสอบสวนยืนยันว่าในสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนในเรื่องนี้

ส่วนประเด็นของนาย ส. ตรวจพบเส้นเงินแล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการนำเอาคำสั่งต่างๆ ไล่ไทม์ไลน์ว่าได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลเมื่อไหร่ ปลดเมื่อไหร่ เป็นช่วงเวลาเดียวกับในคลิปเสียงหรือไม่ และจะเข้าข่ายความผิดมาตรา 148 ของ ป.ป.ช.หรือไม่ หรือจะเป็นเรื่องของการพยายามกรรโชกทรัพย์หรือไม่ คงต้องมีการคุยกับนักกฎหมายว่าเราจะดำเนินเรื่องตรงนี้ยังไงให้มีความชัดเจน ต้องขอเวลานิดนึงแต่จะจัดการให้เร็วที่สุด ส่วนแม่ของนาย ส. ได้มีการตรวจสอบย้อนหลัง 2 ปี มีเส้นเงินโอนมาจากบอสพอล 6 แสนกว่าบาท หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบย้อนหลังไปอีกหลายปี ว่ามียอดตรงไหนเพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่ รวมไปถึงเรื่องราวร้องเรียนที่เกิดขึ้นว่า มีการนัดเคลียร์เจรจากันหรือไม่ เชื่อว่าคนกลุ่มนี้ให้ความช่วยเหลือบริษัท The icon ในการแก้ปัญหาต่างๆ อย่างไรก็ตาม จะมีการเรียกคุณแม่ของ ส. เข้ามาให้การภายในสัปดาห์นี้

ส่วนในเรื่องการรับเงินของทนายตั้ม มีเส้นทางการเงินเกี่ยวกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากบริษัทดิไอคอนประมาณ 60 คน ที่น้องสาวทนายตั้มนำมาให้พนักงานสอบสวน เป็นข้อมูลตั้งแต่ 1-14 ตุลาคม เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าทั้งหมดมีความเสียหายจริงหรือไม่ มาติดต่อบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์มจริงหรือไม่ แต่ถ้ามีการติดต่อจริง มีความเสียหายจริงก็ต้องให้ความเป็นธรรม ยอดเท่าที่ดูประมาณ 10 ล้านบาท แต่ทนายตั้มเคยเรียก 7 ล้านบาท ต้องดูไทม์ไลน์ว่าเรียกเกินไปไหมเพราะผู้เสียหายบางคนยอดความเสียหายไม่เท่ากัน ต้องตรวจสอบเป็นคน ๆ ไป

ขณะที่เรื่องของนายเอกภพ สายไหมต้องรอด น่าจะเข้าความผิด พ.ร.บ.คอมฯ ส่วนพยานขอประชุมอีกครั้งหนึ่งว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ วันพุธจะมีการประชุมเรื่องนี้อีกรอบหนึ่งในการเร่งรัดให้จบไปเป็นเรื่อง ๆ. -420-สำนักข่าวไทย