ทนาย “บอสพอล” ยันมีหลักฐานโอนเงินให้นักร้องเรียนสาว

กรุงเทพฯ 21 ต.ค. – ทนาย “บอสพอล” ยันมีหลักฐานโอนเงินกว่า 10 ล้านบาท ให้นักร้องสาว ก. แลกไม่ร้อง ปคบ. พร้อมมั่นใจหลักฐานสู้คดี ส่วน สคบ.หากเพิกถอนใบอนุญาตทำธุรกิจ ฟ้องกลับ ม.157 แน่นอน


วันนี้ (21 ต.ค.) ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ “บอสพอล” ผู้บริหารบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมกลุ่มผู้ต้องหาคดีดิไอคอนกรุ๊ป ระบุว่า ตนเองยังไม่มีโอกาสได้เยี่ยม “บอสพอล” เนื่องด้วยติดปัญหาทางเอกสาร จึงได้ข้ามไปเยี่ยมฝั่ง “บอสปัน” ที่ทัณฑสถานหญิงกลางก่อน

จุดประสงค์ที่ตนเองตั้งใจเข้าไปพบบอสพอลในวันนี้คือเพื่อหารือเรื่องงานของบริษัทและคดีความ แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยต่อสื่อมวลชนได้ ในวันนี้ตนเองได้ฝากให้ทนายความของบอสปีเตอร์ เป็นธุระแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างตนเองกับบอสพอล ซึ่งขณะนี้ทนายความของทุกผู้ต้องหา รวมทั้งบอสดารา ผนึกรวมเป็นทีมเดียวกันแล้วเพื่อจะได้ประสานข้อมูลทางคดี


นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า เรื่องหลักขณะนี้นอกจากแนวทางต่อสู้ทางคดี ทีมทนายจะช่วยกันพิจารณาสภาพจิตใจของลูกความตนเองว่าเป็นอย่างไร อยู่กันได้หรือไม่ ส่วนของบอสพอลยังแข็งแรงดี พูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มตามปกติไม่น่ากังวล แต่บอสวิน น่าเป็นห่วงที่สุดในกลุ่ม เพราะป่วยเป็นโรคมะเร็งต้องได้รับการรักษา ทนายจึงต้องหาทางขอประกันตัวออกมาให้ได้ก่อน

ส่วนการฝากข้อความถึงคนในครอบครัว ทนายความแต่ละท่านจะนำข้อความของแต่ละคนไปพูดคุยกับแต่ละครอบครัวเอง ทั้งนี้ กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมจาก 2 ข้อหาหลักคือ ฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ทางทนายได้ทำความเข้าใจกับลูกความตนเองไปแล้วว่าให้ต่อสู้ในส่วนข้อหาหลักให้จบ ถ้าข้อหาหลักผ่านไปได้ข้อหาอื่นแม้จะมีโทษหนักกว่าก็จะผ่านไปได้เช่นกัน ทำให้ขณะนี้กลุ่มลูกความไม่ได้กังวลมากนัก ซึ่งทั้งหมดไม่ได้กำชับให้ทนายความทำอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษ นอกจากเตรียมพยานหลักฐานให้ดี

นายวิฑูรย์ กล่าวยืนยันว่า ทางบริษัทขายสินค้าให้ลูกค้า ต้องแสดงหลักฐานว่ามีการซื้อขายจริง ส่งมอบสินค้าจริง มีเอกสารชัดเจน จากนี้ต้องแล้วแต่ดุลยพินิจของศาลว่าจะมองอย่างไร ส่วนที่สังคมมองว่ามีการระดมชวนคนมาลงทุน ตนมองว่าเป็นการให้คนเข้ามาเปิดบิลสินค้ามากกว่า สำหรับมาตรการเยียวยาของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปฯ ได้เปิดให้ประชาชนเข้ามาลงทะเบียนเป็นผู้เสียหายได้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567 จากนั้นจะปิดให้ลงทะเบียนเพื่อเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบว่าใครคือผู้เสียหายที่จะเยียวยาได้หรือไม่ได้ แต่ทั้งนี้ต้องเรียนว่าขณะนี้บัญชีของบริษัทถูกอายัดอยู่ แต่ทางบริษัทจะจัดเก็บข้อมูลนี้ไว้เพื่อให้ทราบว่าเราจะเยียวยาใครบ้าง


อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจยังไม่มีการประสานผ่านตนเข้ามาเพื่อที่จะขอคุยกับผู้ต้องหา ส่วนกรณีที่มีบุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นพยานรู้เห็นในเหตุการณ์ต่าง ๆ ออกมาเคลื่อนไหวตามสื่อ ทางกลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้มีความกังวล ส่วนเรื่องคลิปเสียงระหว่างบอสพอล กับผู้ที่เรียกรับประโยชน์ไม่ถือว่าเป็นคุณและเป็นโทษต่อผู้ต้องหา

นายวิฑูรย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีนักร้องเรียนตบทรัพย์บอสพอล 10 ล้านบาท โดยเฉลยว่าบุคคลดังกล่าวคือนักร้องเรียนหญิง อักษรย่อ ก.” ก่อนจะบอกว่า “รู้กันอยู่แล้ว ไปเช็คก็รู้ว่าใคร” ตนเองทราบรายละเอียดเรื่องนี้ดีแบบลึก พร้อมมีพยานบุคคลยืนยัน โดยจ่ายไป 10 ล้านบาท เป็นก้อนเดียว และจ่ายอีกก้อนสุดท้าย 4 แสนบาทเป็นเงินสด โดยช่วงที่ตบทรัพย์เกิดขึ้นช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งจำเดือนชัดเจนไม่ได้ แต่ยืนยันว่าจ่ายไป 10 ล้านบาท เป็นก้อนเดียว ไม่มีการแบ่งจ่าย ซึ่งวงการตบทรัพย์เขาจ่ายก้อนเดียวทั้งนั้นแหละ แต่ก็มีมาขอเพิ่มอีก 4 แสนบาท เป็นเงินสด ซึ่งก้อนสุดท้ายนี้อ้างว่าเป็นค่าดำเนินการเรื่องเอกสาร ค่าปริ้นท์งาน ค่าถ่ายเอกสาร ค่าเหนื่อย ยืนยันว่ามีคลิปเสียงดังกล่าวจริง

ทนายความ บอกว่าสำหรับนักร้องเรียนหญิง อักษรย่อ ก.นี้ มีคนแนะนำ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร ส่วนมาตบทรัพย์นั้น เขาอ้างว่าจะไปร้อง ปคบ.มาบอกว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นการขายตรง หรือแชร์ลูกโซ่อะไรทำนองนี้

เมื่อถามว่านักร้องเรียนหญิง อักษรย่อ ก. คนดังกล่าวมีการข่มขู่บอสอย่างไรบ้างทนายความบอกว่า “ตอนนั้นผมเข้าไปฉี่ก่อน จึงไม่รู้” ก่อนจะเล่าว่าพฤติการณ์ตบทรัพย์เป็นแบบนักร้องทั่วไป มีการมาขู่ว่า “คุณไม่อยากเดือดร้อนใช่ไหม ไม่งั้นเอามา” เมื่อถามต่อว่าแสดงว่าเรามีพฤติกรรมแบบนี้จริงหรือ ทนายความ ระบุว่า ไม่ใช่แบบนั้น แต่อยากบอกว่าบางทีคนทำธุรกิจไม่ใช่คนแข็งแกร่ง อย่างลูกความผมบางรายเขาแข็งแกร่งหากมีการรีดเอาทรัพย์เท่าไหร่ก็ไม่จ่าย แต่บางรายเขาไม่อยากมีปัญหาเพราะอาจกระทบกับธุรกิจได้ บอสพอลคงไม่อยากมีปัญหาขึ้นโรงขึ้นศาล หากมันจบได้ก็จบมากกว่า

เมื่อถามว่ามีนักร้องคนอื่นนอกจากนักร้องเรียนหญิง ก. หรือไม่ ทนายความ หัวเราะ บอกว่า “เดี๋ยวมันจะลาม บอกไม่ได้” ก่อนย้ำว่าไม่ใช่นักการเมือง เพราะนักการเมืองเขาไม่ค่อยยุ่ง ขณะเดียวกันตนมีข้อมูลเพียงเท่านี้ไม่รู้ว่ามีนักร้องท่านอื่นมาตบทรัพย์มากกว่า 10 ล้านบาท หรือไม่ แต่ที่มีข้อมูลตอนนี้ ก. ตบทรัพย์มากที่สุด ส่วนที่เหลือรายละเอียดอยู่กับตำรวจ นอกจากนี้ ตนยังเป็นทนายให้บอสคนอื่นๆ ด้วย คือ บอสพอล, บอสปัน, บอสหมอเอก, บอสโซดา, บอสโอม, บอสแม่หญิง, บอสสวย, บอสวิน และบอสปีเตอร์ (มีทนายทำอยู่ แต่ญาติอยากให้ทางตนดูร่วมด้วย)

เมื่อถามว่า ถ้าระหว่างนี้ สคบ.เพิกถอนใบอนุญาตจะเป็นอะไรไหม ทนายวิฑูรย์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา บอสพอลยังให้การ สคบ.ไม่จบ แต่ทาง ตร.ปคบ. เข้ามาจับเสียก่อน ซึ่งตรงนี้ยังต้องให้การเพิ่ม ถ้าวันนี้ยกเลิกใบอนุญาตตลาดตรงของบริษัทฯ ตนฟ้องแน่นอน เพราะตามกฎหมาย บอสพอลยังให้การไม่จบ โดยทางบริษัทต้องให้ปากคำจนเสร็จสิ้นก่อนถึงเริ่มจะพิจารณาเพิกถอนได้ ต่อมาถ้าดูแล้วน้ำหนักของการร้องเรียนมีมากกว่าสิ่งที่ทางเราชี้แจงจะเพิกถอนก็สามารถทำได้ตามขั้นตอน แต่ถ้าเกิดวันนี้มาบอกว่าไม่ฟังข้อมูลเพิ่มเติมและตัดตรงนี้และเพิกถอนเลยก็มีเรื่องกันแน่ โดยจะมีการฟ้องตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

เมื่อถามว่าเป็นการข่มขู่หรือไม่ ทนายวิฑูรย์ บอกว่า ไม่ได้ข่มขู่แต่เป็นไปตามกฎหมาย โดยตอนนี้ทาง สคบ.ยังไม่ได้มีการประสานเข้ามาขอข้อมูลเพิ่มเติม. -420- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

ทบ.ยันไม่พบทหารกัมพูชาปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต

กทม. 15 มิ.ย.-กองทัพบก ยืนยันไม่พบทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธครบมือ ปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต ขอฟังข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น จากกรณีเพจแจ้งข่าวศรีสะเกษ เผยแพร่ข่าวทหารกัมพูชา พร้อมอาวุธครบมือ ปิดถนนทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต บริเวณช่องบก ห้ามไม่ให้ทหารไทยขึ้นไปซ่อมแซมถนน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา เป็นครั้งที่ 2 เมื่อเวลา 12.45 น. ล่าสุด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในพื้นที่ พบว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว โดยขอให้ฟังข้อมูลข่าวสารจากทางราชการเป็นหลัก หรือสามารถสอบถามกองทัพบกได้เป็นกรณีไป พร้อมระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการทำถนนไว้ส่งกำลังบำรุง แต่อยู่ในเขตเราทั้งหมด ซึ่งทางกัมพูชาเข้าใจ.-313.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน”​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรฯ

อุดรธานี ​15 มิ.ย.​- “อนุทิน”​ โหมโรง​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรธานี​ เปิดตัว​ “อดิศักดิ์​” ไทยสร้างไทย บอก​ “นู๋หนู​-​ดู๋ดี๋”​ ซี้กัน​ อวยเป็น สส.คุณภาพ​ ภูมิใจไทย​ ภูมิใจแทน​ รอบหน้าขอชาวอุดรฯ​ เลือกเป็น สส.ภท.​ โอดแทนชาวบ้าน​ ซัด​ห่วย 3 ปี งบโยธาแค่​ 700 ล้าน​ บอกถ้าเลือกภูมิใจไทยซัดไปแล้ว​ 3,000 ล้าน​ เหน็บ​ถนน 4 เลน ใครทำให้กุดอย่าไปเลือก นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์​ สัมพันธรัตน์​ ปลัดกระทรวงมหาดไทย​ และผู้บริหารระดับสูง​ ลงพื้นที่เทศบาลตำบลจำปี​ อำเภอศรีธาตุ​ จังหวัดอุดรธานี​ เพื่อพบปะประชาชน ที่โรงเรียนศรีธาตุพิทยาคม​ โดยมี​นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี​ พรรคไทยสร้างไทย​ ให้การต้อนรับ โดยนายอนุทิน​ ได้รับฟังการรายงานความคืบหน้าการ​แก้ไขปัญหา​ในพื้นที่ ก่อนจะขึ้นเวทีพร้อมกับ […]

จับตาประชุม JBC วันที่ 2 หลังกัมพูชายื่นศาลโลก

กัมพูชา 15 มิ.ย.-ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา วันที่ 2 เริ่มขึ้นแล้ว ที่กรุงพนมเปญ หลังวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมีการประชุมวงเล็กก่อน จากนั้นอาจมีการแถลงร่วมกัน ต้องจับตาว่าวันนี้จะได้ข้อยุติหรือไม่ รวมถึงท่าทีของแต่ละฝ่าย หลังกัมพูชายื่นศาลโลก.-สำนักข่าวไทย