ทนาย “บอสพอล” ยันมีหลักฐานโอนเงินให้นักร้องเรียนสาว

กรุงเทพฯ 21 ต.ค. – ทนาย “บอสพอล” ยันมีหลักฐานโอนเงินกว่า 10 ล้านบาท ให้นักร้องสาว ก. แลกไม่ร้อง ปคบ. พร้อมมั่นใจหลักฐานสู้คดี ส่วน สคบ.หากเพิกถอนใบอนุญาตทำธุรกิจ ฟ้องกลับ ม.157 แน่นอน


วันนี้ (21 ต.ค.) ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ “บอสพอล” ผู้บริหารบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมกลุ่มผู้ต้องหาคดีดิไอคอนกรุ๊ป ระบุว่า ตนเองยังไม่มีโอกาสได้เยี่ยม “บอสพอล” เนื่องด้วยติดปัญหาทางเอกสาร จึงได้ข้ามไปเยี่ยมฝั่ง “บอสปัน” ที่ทัณฑสถานหญิงกลางก่อน

จุดประสงค์ที่ตนเองตั้งใจเข้าไปพบบอสพอลในวันนี้คือเพื่อหารือเรื่องงานของบริษัทและคดีความ แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยต่อสื่อมวลชนได้ ในวันนี้ตนเองได้ฝากให้ทนายความของบอสปีเตอร์ เป็นธุระแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างตนเองกับบอสพอล ซึ่งขณะนี้ทนายความของทุกผู้ต้องหา รวมทั้งบอสดารา ผนึกรวมเป็นทีมเดียวกันแล้วเพื่อจะได้ประสานข้อมูลทางคดี


นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า เรื่องหลักขณะนี้นอกจากแนวทางต่อสู้ทางคดี ทีมทนายจะช่วยกันพิจารณาสภาพจิตใจของลูกความตนเองว่าเป็นอย่างไร อยู่กันได้หรือไม่ ส่วนของบอสพอลยังแข็งแรงดี พูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มตามปกติไม่น่ากังวล แต่บอสวิน น่าเป็นห่วงที่สุดในกลุ่ม เพราะป่วยเป็นโรคมะเร็งต้องได้รับการรักษา ทนายจึงต้องหาทางขอประกันตัวออกมาให้ได้ก่อน

ส่วนการฝากข้อความถึงคนในครอบครัว ทนายความแต่ละท่านจะนำข้อความของแต่ละคนไปพูดคุยกับแต่ละครอบครัวเอง ทั้งนี้ กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมจาก 2 ข้อหาหลักคือ ฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ทางทนายได้ทำความเข้าใจกับลูกความตนเองไปแล้วว่าให้ต่อสู้ในส่วนข้อหาหลักให้จบ ถ้าข้อหาหลักผ่านไปได้ข้อหาอื่นแม้จะมีโทษหนักกว่าก็จะผ่านไปได้เช่นกัน ทำให้ขณะนี้กลุ่มลูกความไม่ได้กังวลมากนัก ซึ่งทั้งหมดไม่ได้กำชับให้ทนายความทำอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษ นอกจากเตรียมพยานหลักฐานให้ดี

นายวิฑูรย์ กล่าวยืนยันว่า ทางบริษัทขายสินค้าให้ลูกค้า ต้องแสดงหลักฐานว่ามีการซื้อขายจริง ส่งมอบสินค้าจริง มีเอกสารชัดเจน จากนี้ต้องแล้วแต่ดุลยพินิจของศาลว่าจะมองอย่างไร ส่วนที่สังคมมองว่ามีการระดมชวนคนมาลงทุน ตนมองว่าเป็นการให้คนเข้ามาเปิดบิลสินค้ามากกว่า สำหรับมาตรการเยียวยาของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปฯ ได้เปิดให้ประชาชนเข้ามาลงทะเบียนเป็นผู้เสียหายได้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567 จากนั้นจะปิดให้ลงทะเบียนเพื่อเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบว่าใครคือผู้เสียหายที่จะเยียวยาได้หรือไม่ได้ แต่ทั้งนี้ต้องเรียนว่าขณะนี้บัญชีของบริษัทถูกอายัดอยู่ แต่ทางบริษัทจะจัดเก็บข้อมูลนี้ไว้เพื่อให้ทราบว่าเราจะเยียวยาใครบ้าง


อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจยังไม่มีการประสานผ่านตนเข้ามาเพื่อที่จะขอคุยกับผู้ต้องหา ส่วนกรณีที่มีบุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นพยานรู้เห็นในเหตุการณ์ต่าง ๆ ออกมาเคลื่อนไหวตามสื่อ ทางกลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้มีความกังวล ส่วนเรื่องคลิปเสียงระหว่างบอสพอล กับผู้ที่เรียกรับประโยชน์ไม่ถือว่าเป็นคุณและเป็นโทษต่อผู้ต้องหา

นายวิฑูรย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีนักร้องเรียนตบทรัพย์บอสพอล 10 ล้านบาท โดยเฉลยว่าบุคคลดังกล่าวคือนักร้องเรียนหญิง อักษรย่อ ก.” ก่อนจะบอกว่า “รู้กันอยู่แล้ว ไปเช็คก็รู้ว่าใคร” ตนเองทราบรายละเอียดเรื่องนี้ดีแบบลึก พร้อมมีพยานบุคคลยืนยัน โดยจ่ายไป 10 ล้านบาท เป็นก้อนเดียว และจ่ายอีกก้อนสุดท้าย 4 แสนบาทเป็นเงินสด โดยช่วงที่ตบทรัพย์เกิดขึ้นช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งจำเดือนชัดเจนไม่ได้ แต่ยืนยันว่าจ่ายไป 10 ล้านบาท เป็นก้อนเดียว ไม่มีการแบ่งจ่าย ซึ่งวงการตบทรัพย์เขาจ่ายก้อนเดียวทั้งนั้นแหละ แต่ก็มีมาขอเพิ่มอีก 4 แสนบาท เป็นเงินสด ซึ่งก้อนสุดท้ายนี้อ้างว่าเป็นค่าดำเนินการเรื่องเอกสาร ค่าปริ้นท์งาน ค่าถ่ายเอกสาร ค่าเหนื่อย ยืนยันว่ามีคลิปเสียงดังกล่าวจริง

ทนายความ บอกว่าสำหรับนักร้องเรียนหญิง อักษรย่อ ก.นี้ มีคนแนะนำ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร ส่วนมาตบทรัพย์นั้น เขาอ้างว่าจะไปร้อง ปคบ.มาบอกว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นการขายตรง หรือแชร์ลูกโซ่อะไรทำนองนี้

เมื่อถามว่านักร้องเรียนหญิง อักษรย่อ ก. คนดังกล่าวมีการข่มขู่บอสอย่างไรบ้างทนายความบอกว่า “ตอนนั้นผมเข้าไปฉี่ก่อน จึงไม่รู้” ก่อนจะเล่าว่าพฤติการณ์ตบทรัพย์เป็นแบบนักร้องทั่วไป มีการมาขู่ว่า “คุณไม่อยากเดือดร้อนใช่ไหม ไม่งั้นเอามา” เมื่อถามต่อว่าแสดงว่าเรามีพฤติกรรมแบบนี้จริงหรือ ทนายความ ระบุว่า ไม่ใช่แบบนั้น แต่อยากบอกว่าบางทีคนทำธุรกิจไม่ใช่คนแข็งแกร่ง อย่างลูกความผมบางรายเขาแข็งแกร่งหากมีการรีดเอาทรัพย์เท่าไหร่ก็ไม่จ่าย แต่บางรายเขาไม่อยากมีปัญหาเพราะอาจกระทบกับธุรกิจได้ บอสพอลคงไม่อยากมีปัญหาขึ้นโรงขึ้นศาล หากมันจบได้ก็จบมากกว่า

เมื่อถามว่ามีนักร้องคนอื่นนอกจากนักร้องเรียนหญิง ก. หรือไม่ ทนายความ หัวเราะ บอกว่า “เดี๋ยวมันจะลาม บอกไม่ได้” ก่อนย้ำว่าไม่ใช่นักการเมือง เพราะนักการเมืองเขาไม่ค่อยยุ่ง ขณะเดียวกันตนมีข้อมูลเพียงเท่านี้ไม่รู้ว่ามีนักร้องท่านอื่นมาตบทรัพย์มากกว่า 10 ล้านบาท หรือไม่ แต่ที่มีข้อมูลตอนนี้ ก. ตบทรัพย์มากที่สุด ส่วนที่เหลือรายละเอียดอยู่กับตำรวจ นอกจากนี้ ตนยังเป็นทนายให้บอสคนอื่นๆ ด้วย คือ บอสพอล, บอสปัน, บอสหมอเอก, บอสโซดา, บอสโอม, บอสแม่หญิง, บอสสวย, บอสวิน และบอสปีเตอร์ (มีทนายทำอยู่ แต่ญาติอยากให้ทางตนดูร่วมด้วย)

เมื่อถามว่า ถ้าระหว่างนี้ สคบ.เพิกถอนใบอนุญาตจะเป็นอะไรไหม ทนายวิฑูรย์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา บอสพอลยังให้การ สคบ.ไม่จบ แต่ทาง ตร.ปคบ. เข้ามาจับเสียก่อน ซึ่งตรงนี้ยังต้องให้การเพิ่ม ถ้าวันนี้ยกเลิกใบอนุญาตตลาดตรงของบริษัทฯ ตนฟ้องแน่นอน เพราะตามกฎหมาย บอสพอลยังให้การไม่จบ โดยทางบริษัทต้องให้ปากคำจนเสร็จสิ้นก่อนถึงเริ่มจะพิจารณาเพิกถอนได้ ต่อมาถ้าดูแล้วน้ำหนักของการร้องเรียนมีมากกว่าสิ่งที่ทางเราชี้แจงจะเพิกถอนก็สามารถทำได้ตามขั้นตอน แต่ถ้าเกิดวันนี้มาบอกว่าไม่ฟังข้อมูลเพิ่มเติมและตัดตรงนี้และเพิกถอนเลยก็มีเรื่องกันแน่ โดยจะมีการฟ้องตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

เมื่อถามว่าเป็นการข่มขู่หรือไม่ ทนายวิฑูรย์ บอกว่า ไม่ได้ข่มขู่แต่เป็นไปตามกฎหมาย โดยตอนนี้ทาง สคบ.ยังไม่ได้มีการประสานเข้ามาขอข้อมูลเพิ่มเติม. -420- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เร่งกู้ระเบิดตกค้าง-พิสูจน์กลิ่นศพทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 4 ส.ค. – ตลอดทั้งวัน ชุด EOD ตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด ขณะที่กลิ่นศพทหารกัมพูชา ยังไม่ส่งผลกระทบฝั่งไทย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันมีกลิ่นจริง ตลอดทั้งวัน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และตำรวจภูธรพนมดงรัก รวมถึง ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังสถานการณ์ปะทะสงบลง โดยพบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดให้ข้อมูลว่า ระเบิดส่วนใหญ่ทำงานไปแล้ว เหลือเพียง 7 จุดที่ยังคงอยู่ระหว่างการเก็บกู้ แต่มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ เนื่องจากอยู่ติดแนวชายแดน และอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ อีกทั้งสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม ทำให้บางจุดลูกระเบิดฝังลึกมาก ทำให้การเก็บกู้ยากลำบาก จึงทำได้เพียงล้อมรั้วแสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้ […]

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]