บช.ก. 18 ต.ค. – “สายไหมต้องรอด” ร้องตรวจสอบธุรกรรมโอนเงินสกุลดิจิทัลของบัญชีต้องสงสัย ที่เกิดช่วงการจับกุมบอส “ดิไอคอน” คนสุดท้าย อาจเป็นการยักย้ายถ่ายเทเงินก้อนใหญ่มูลค่าเกือบ 9 พันล้านบาท
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด นำหลักฐานการทำธุรกรรมโอนเงินดิจิทัลสกุล USDT ที่น่าสงสัยรวม 5 รายการ มูลค่ากว่า 8,000-9,000 ล้านบาท มามอบให้กับพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ตรวจสอบว่าเป็นการโอนเงินสกุลดิจิทัลของกลุ่มบอสดิไอคอนหรือไม่
นายเอกภพ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสกุลเงินดิจิทัลที่จับตาดูการเคลื่อนไหวการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล USDT ในห้วงเวลาที่บอสคนสุดท้ายของดิไอคอนถูกจับกุม พบความผิดปกติรายการขายเงินสกุลดิจิทัล USTD จำนวนมาก ก่อนที่จะนำไปซื้อสกุลเงินดิจิทัล อีเธอร์เรียม อีกสกุลหนึ่งทันทีผ่านระบบออโตเมติก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ขายอาจไม่สะดวกในการกดขายเอง หรืออาจถูกจับกุมอยู่ก็ได้ จึงต้องการให้ตำรวจตรวจสอบเส้นทางกระเป๋าเงินดิจิทัลต้องสงสัยดังกล่าว ว่าเชื่อมโยงกับกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ตรวจยึดได้จากผู้ต้องหาหรือไม่
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ตำรวจติดตามหา Hardware Wallet ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญเข้ารหัสสำหรับเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งมีรหัสกำกับ โดยมีลักษณะคล้ายแฟลชไดร์ฟ ซึ่งหากตำรวจหาพบ ก็จะอาจช่วยให้พบกระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้ต้องหาได้ โดยยังได้นำตัวอย่างของ Hardware Wallet มาให้ตำรวจดูด้วย อย่างไรก็ตาม Hardware Wallet นี้ก็ยังมีรหัส ที่หากใส่รหัสผิด กระเป๋าเงินดิจิทัลก็จะทำลายตัวเองทันที มีเพียงเจ้าของที่จะมีรหัสในการกู้คืน โดยขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการตรวจสอบ.-419-สำนักข่าวไทย