“อัจฉริยะ” บุก สคบ.ยื่นเพิกถอนใบอนุญาตบริษัท The icon Group

สคบ. 15 ต.ค. – “อัจฉริยะ” บุก สคบ. ยื่นหนังสือให้เพิกถอนใบอนุญาตบริษัท The icon Group ภายใน 2 วัน หากไม่ทำตามจะมีการแจ้งข้อหาตามมาตรา 157


ช่วงบ่ายวันนี้ (15 ต.ค.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อยื่นหลักฐานต่อ นายจิติภัทร์ บุญสม ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง โดยให้เวลา 2 วัน ในการเพิกถอนใบอนุญาตตลาดแบบตรง ของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ที่ทำธุรกิจไม่ตรงกับใบอนุญาต

นายอัจฉริยะ ระบุว่า ที่ต้องมาร้องในวันนี้เพราะ สคบ.เป็นนายทะเบียนรับจดทะเบียนให้กับบริษัท The icon Group ตั้งแต่ 2562 คนที่รับจดคือ เลขาธิการ สคบ. และ ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ที่รับตำแหน่งในขณะนั้น ซึ่งในการจดทะเบียน The icon Group ได้จดทะเบียนตลาดแบบตรง ซึ่งบริษัทดำเนินการผิดกฎหมายมาตลอด ตั้งแต่ปี 62 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 5 ปีแล้ว ซึ่งเลขาธิการและเจ้าหน้าที่ มีอำนาจในการตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่มีการจดทะเบียน แต่ทำไมถึงไม่มีการตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัท The icon Group มีแผนการตลาดอ้างว่าขายสินค้าให้กับสมาชิกที่เป็นตัวแทนจำหน่าย แต่ความเป็นจริงระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทดังกล่าวเป็นลักษณะชักชวนให้มีการหาเครือข่ายมากกว่าการขายสินค้า ซึ่งบริษัทไม่ได้เน้นการขายสินค้าเพราะสินค้าไม่ได้เป็นที่ต้องการของตลาด และราคาแพง สิ่งที่บริษัททำคือหาเครือข่ายสมาชิกซึ่งจะผิดตาม ม.19 และ ม.46 ส่วนเจ้าหน้าที่จะมีความผิดตาม ม.39 , ม.18 , ม.40 และ ม.42 ที่ไม่มีการตรวจสอบบริษัทไอคอนกรุ๊ปตั้งแต่จดทะเบียน และจะมีความผิดตาม ม.157 เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่


ทางด้านนายจิติภัทร์ ระบุว่า ตอนนี้ตนได้รับเรื่องแล้ว และจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาว่าเข้าองค์ประกอบตามมาตรา 19 หรือไม่ และจะเสนอให้กับนายทะเบียนในการเพิกถอนใบอนุญาตอีกที โดยในวันพรุ่งนี้ได้มีการนัดหมาย “บอสพอล” มาให้ข้อมูล ส่วน “กันต์-มิน-แซม” นัดหมายมาในวันที่ 17 ต.ค. และในวันที่ 18 ต.ค. จะเชิญบริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่าย 10 บริษัท มาชี้แจงข้อเท็จจริง เมื่อได้ข้อเท็จจริงประกอบกับหลักฐานทั้งหมดคาดว่าจะนำเสนอนายทะเบียนเพิกถอนได้ โดยจะเร่งดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อสรุป ภายในวันที่ 18 ต.ค.

นายอัจฉริยะ ระบุเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ทางตำรวจได้มีการระบุว่ามีผู้ต้องหา 6 คน และผู้ต้องหาได้ปรากฏต่อหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา และยังไม่มีการพิมพ์ลายนิ้วมือจะตกเป็นผู้ต้องหาได้อย่างไร ซึ่งก็เข้าใจตำรวจ เพราะถ้าออกหมายจับไปแล้ว ยังสอบผู้เสียหายไม่เสร็จ และถ้าเกิน 48 วัน ก็ต้องปล่อยตัวตามสัญญาประกัน เพราะสั่งฟ้องไม่ทัน ในส่วนของ DSI เอง ต้องรอพนักงานสอบสวนทำสำนวนให้เสร็จสิ้นก่อนถึงจะรับเรื่องได้ ซึ่งทาง สคบ.ต้องไปแจ้งความ The icon Group ที่ ปคบ. ใน ม.19 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท และ ปคบ.สามารถออกหมายจับได้เลยเพราะโทษตามมาตรา 19 มีโทษสูงกว่า 3 ปี ซึ่งหลักฐานที่ตนมามอบให้วันนี้มีทั้งหนังสือที่ทางบริษัทจดทะเบียนกับเลขา สคบ. , แผนการตลาดของ The icon Group , เรทการขายสินค้า และเอกสารอื่นๆ ซึ่งเชื่อเอาผิดได้

เมื่อถามว่าได้รับการยืนยันจากทางฝั่งของเหล่าบอสหรือยังในการเรียกให้มาให้ข้อเท็จจริง นายจิติภัทร์ ระบุว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปปิดหมายแล้ว คาดว่าจะมา แต่ว่าไม่รู้ว่าจะมอบอำนาจให้ใครมาแทนหรือไม่ นายอัจฉริยะ แย้งขึ้นมาทันทีว่า ไม่ต้องมาก็ได้เพราะหลักฐานปรากฏชัดเจนแล้ว มีการชักชวน มีผู้เสียหายชัดเจน ถึงไม่สอบข้อเท็จจริงก็สามารถเพิกถอนใบอนุญาตได้อยู่แล้ว และถ้าภายในวันศุกร์นี้ สคบ.ไม่เพิกถอนใบอนุญาตของ The icon Group ตนจะเดินทางไปแจ้งความกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ ปปป. เอาผิดเจ้าหน้าที่ สคบ. ตาม ม.157


เมื่อถามว่าตามคลิปเสียงที่เกิดขึ้น เทวดา ณ ที่นี้หมายถึงใคร นายจิติภัทร์ ระบุว่า เทวดาคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วแต่ความเชื่อ แต่ว่าถ้าเป็นบุคคลที่ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ เชื่อว่าไม่มี ทั้งนี้ต้องดูเจตนาผู้พูดว่าพูดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หรือในลักษณะบุคคล เป็นบุคคลสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้วในการขออนุญาตในช่วงปีนั้น

ในเรื่องที่ สคบ. เป็น 1 ใน 4 หน่วยงานที่รับเซ่นไหว้ ตอนนี้ได้มีการหารือกันภายในหน่วยงานแล้ว เพราะว่ากระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน อยากนำเรียนประชาชนว่า ขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของ สคบ. ส่วนในเรื่องบุคคลที่กระทำผิดกฎหมายที่ลักษณะต่างๆ จะมีการจัดการโดยเด็ดขาด เมื่อถามว่าตอนนี้มีนักการเมืองหรือใครติดต่อเข้ามาขอความช่วยเหลือไหม นายจิติภัทร์ ตอบว่า ไม่มีใครติดต่อเข้ามา ไม่ว่าเทวดาหน้าไหนก็มาหยุดไม่ได้ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย.-420.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปปง.สั่งอายัดทรัพย์ “บอสพอล-กันต์ กันตถาวร” พร้อมพวก

ปปง. สั่งอายัดทรัพย์สิน “บอสพอล-กันต์ กันตถาวร” พร้อมพวก จำนวน 11 รายการ โดย ปปง. จะมีหนังสือถึงเจ้าของทรัพย์ให้มาชี้แจงภายใน 30 วัน

นักการตลาดขาโหด แฉโมเดล “ดิ ไอคอน” มีสินค้าคือ “คน”

นักการตลาดขาโหด ออกมาเผยไต๋ โมเดลของธุรกิจดิไอคอนกรุ๊ป มีสินค้าคือ “คน” ด้านสมาคมขายตรงไทย ชวนตั้งข้อสังเกตธุรกิจขายตรง

ข่าวแนะนำ

คลินิกดิไอคอน

สธ.ลงพื้นที่ตรวจคลินิกดิไอคอน เบื้องต้นพบมีใบอนุญาตถูกต้อง

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ก.สาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจสอบคลินิกของ บ.ดิไอคอนกรุ๊ป เบื้องต้นพบคลินิกมีใบอนุญาตถูกต้อง แต่ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบอุปกรณ์และยาได้ เนื่องจากปิดทำการ

ปปง.สั่งอายัดทรัพย์ “บอสพอล-กันต์ กันตถาวร” พร้อมพวก

ปปง. สั่งอายัดทรัพย์สิน “บอสพอล-กันต์ กันตถาวร” พร้อมพวก จำนวน 11 รายการ โดย ปปง. จะมีหนังสือถึงเจ้าของทรัพย์ให้มาชี้แจงภายใน 30 วัน