กรุงเทพฯ 13 ต.ค. – เพจดังเปิดเอกสารลับ “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” มัด 3 บอสใหญ่ “กันต์-มิน-แซม” พร้อม 18 รายชื่อร่วมทริปฮ่องกง ข้อมูลชัดเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์หรือผู้ชักชวนลงทุน
ความคืบหน้ากรณีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ล่าสุด “บอสพอล วรัตน์พล” ซีอีโอ รวมถึงดาราเซเลบฯ ที่ผู้ร่วมลงทุนขนานนามว่า “บอส” เพื่อให้เกียรติทั้ง 3 คน คือ กันต์ กันตถาวร, มิน พีชญา และแซม ยุรนันท์ ต่างพากันเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ ปคบ. เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางกระแสข่าวกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในคดีที่มีผู้เสียหายแล้วกว่า 488 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 170 ล้านบาท
เพจอีซ้อขยี้ข่าวเปิดเผยหนึ่งในหลักฐานสำคัญซึ่งอ้างว่าเป็นเอกสารของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป พร้อมแคปชั่นว่า “รายชื่อมาแล้ว 18 คนแรกที่จะได้ไปทริปฮ่องกง ขอบคุณ The Icon group ที่ทำให้พวกเรามีวันนี้ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน บอกสคริปต์ก็ไม่รอดนะจ๊ะ”
สำหรับเอกสารทั้ง 18 รายชื่อที่มีการเปิดเผยออกมานี้จุดน่าสนใจที่บางรายชื่อสมาชิกดิ ไอคอน กรุ๊ป ลำดับบนๆ ที่จะไปร่วมทริปมีการระบุถึงสถานะของแต่ละคนไว้ชัดเจน ซึ่ง 4 รายชื่อแรก คือ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กรรมการบริษัท, นายกันต์ กันตถาวร นักแสดงและผู้ชักชวนลงทุน, น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี นักแสดงและผู้ชักชวนลงทุน และนายยุรนันท์ ภมรมนตรี นักแสดงและผู้ชักชวนลงทุน
ทั้งนี้ ประเด็นเอกสารลับมีการพูดถึงตั้งแต่กรณีเจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการตรวจค้น 9 จุด ซึ่งรวมถึงโกดังสินค้าและบริษัทเครือข่ายดิ ไอคอน กรุ๊ป ของบอสพอล คาดว่าเจ้าหน้าที่ได้เร่งรวบรวมหลักฐานสำคัญต่างๆ เพื่อดำเนินการแจ้งข้อหาเอาผิดกับผู้ที่ถูกกล่าวหา การเข้าตรวจค้นหาพยานหลักฐานต่างๆ พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุเจ้าหน้าที่ดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท และตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญของพนักงานสอบสวน มาช่วยดูเรื่องนี้
พยานหลักฐานที่ได้จากการตรวจค้นในวันนี้จะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อนำมาประกอบกับคำให้การของผู้เสียหายทั้งหมด ซึ่งได้แยกประเภทผู้เสียหาย เพราะมีพฤติกรรมที่อาจจะเสียเงินไม่เท่ากัน บางรายได้รับโปรโมชั่นไปท่องเที่ยวต่างประเทศ จะต้องนำมาพิจารณา
ส่วนเรื่องการออกหมายจับผู้บริหารบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป และดาราที่เกี่ยวข้อง ตอนนี้ผู้บริหารที่ถูกกล่าวหาคือ บอสพอล ที่เข้าข่ายความผิด พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกง ซึ่งการออกหมายจับตอนนี้ยังทำไม่ได้ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานที่เป็นเอกสาร โดยเฉพาะการสอบปากคำผู้เสียหายรายบุคคล รวมถึงการตรวจค้นโกดังสินค้า เป็นสิ่งที่ตำรวจกำลังพยายามหาหลักฐานที่เป็นเอกสารเชื่อมโยงของบริษัท เพื่อนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหากับผู้บริหารบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวน ขณะนี้ยังไม่เข้าข่ายความผิดใดๆ จึงยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา.-สำนักข่าวไทย