ผู้เสียหายเดินหน้าร้อง ปคบ.เอาผิดดารา-บริษัทดัง หลอกขายฝัน

กรุงเทพฯ 10 ต.ค. – ทีมทนายมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ หลังถูกขายฝันให้ร่วมลงทุนธุรกิจขายตรง ด้าน “ทนายเดชา” พาผู้เสียหายอีกกลุ่มแจ้งความ พร้อมพุ่งเป้าไปที่แชร์ลูกโซ่


มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม พาผู้ได้รับผลกระทบจากการเข้าร่วมธุรกิจบริษัทขายตรงชื่อดัง ซึ่งผู้เสียหายที่มาวันนี้มี 20 คน แต่คนที่อยู่ในกลุ่มตอนนี้มีประมาณ 500 คน บางส่วนไม่สะดวกเดินทางมาเพราะอยู่ต่างจังหวัด รวมถึงติดธุระส่วนตัว

หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ผู้เสียหายทุกคนจะเห็นธุรกิจของบริษัทนี้ในลักษณะเดียวกัน คือเริ่มเห็นจากโฆษณาทางทีวี โซเชียล และการยิงแอดผ่านเฟซบุ๊ก ขณะที่ส่วนตัวในช่วงหลังโควิดต้องการหาอาชีพเสริม หารายได้มาเลี้ยงครอบครัว จึงตัดสินใจลงเรียน ซึ่งจะเป็นการเรียนแบบออนไลน์ มีค่าใช้จ่าย 98 บาท หรือ 99 บาท


2 วันแรกเป็นการเรียนการสอนเรื่องธุรกิจบริษัท วันที่ 3 มีแม่ทีมมาสอน หากใครสนใจทำธุรกิจก็จะขายฝันว่าเป็นการสร้างรายได้เพิ่ม โดยที่ไม่ต้องสตอกของ ไม่ต้องมีสินค้าในมือ มีระบบช่วยเหลือหลังบ้านทั้งหมด

จากนั้นจะเสนอให้เรียนคอร์สที่สูงขึ้นในราคา 2,500 บาท ซึ่งคอร์สนี้สามารถเรียนรู้ระบบของบริษัทได้มากกว่าเดิม มีโค้ชนัดมาเรียนที่โรงเรียน มีครูพี่เลี้ยง แม่ทีมมาช่วยประกบ และหากสนใจลงทุนจะมีคอร์สเรียนที่สูงขึ้นในราคา 25,000 บาท ในคอร์สนี้จะถูกเกลี้ยกล่อมว่าหากมาทำธุรกิจจะมีรายได้เพิ่ม ชีวิตจะเปลี่ยนไป ใครสนใจมีค่าใช้จ่ายในการลงทุน 250,000 บาท

ทั้งนี้ ส่วนตัวยอมรับตอนแรกไม่มั่นใจที่จะจ่าย 250,000 บาท แต่ผ่านไปสักพักมีโอกาสร่วมงานประจำเดือนของบริษัท ทั้งอบรมและประชุม มีดารา นักแสดงชื่อดังมาพูด สร้างความเชื่อมั่น ทำให้รู้สึกว่าบริษัทมีระบบรองรับทุกอย่าง ระบบหลังบ้านก็ดี การตลาดก็ดี สินค้าก็ดี แต่ดารา นักแสดงชื่อดัง จะพบเจอได้ในเฉพาะงานอีเวนต์ ซึ่งจะมีค่าบัตรเข้าร่วมงาน 1,500 บาท และเท่าที่เห็นจะมี 3 คน ซึ่งไม่ใช่เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ แต่เป็นถึงระดับผู้บริหารที่คนจะเรียกกันว่า “บอส”


อย่างไรก็ตาม สุดท้ายมาเอะใจเพราะหลังจากเรียนไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าไม่ได้สอนให้ขายของ แต่สอนให้หาคนมากระจายสินค้า ด้วยการยิงแอดโฆษณา หาดีลเลอร์มาลงทุนแบบตัวเอง ตอนนั้นแม้ไม่มีเงินในการยิงแอดโฆษณา แม่ทีมมีการแนะนำให้เอารถไปรีไฟแนนซ์ นำเงินมายิงแอด เพื่อลูกค้า หานักเรียนเข้ามาเรียน และยังแนะนำให้โทรชวนเพื่อน จนตอนนี้ต้องเป็นหนี้บัตรเครดิต เงินที่ใช้ไปลงทุนก็ไม่เคยเห็นผล

ส่วนอีกรายยอมรับนำเงินเก็บ 206,000 บาท ไปลงทุนจนเกือบคิดสั้นฆ่าตัวตาย เพราะตกงาน อยากสร้างธุรกิจ รวมถึงได้ยินสโลแกน “ขยันผิดที่อีก 10 ปี ก็ไม่รวย” รู้สึกว่าเป็นโอกาสในการหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว เพราะเริ่มจากลงทุนแค่ 2,500 บาท แต่พอจ่ายไปแล้วกลับกลายเป็นเหมือนสโลแกนขายฝัน สุดท้ายลงทุนไป 206,000 บาท ทุกวันนี้ยังต้องใช้หนี้อยู่ แถมครอบครัวแตกแยก เพราะไม่มีใครเข้าใจ จนซึมเศร้า

ขณะเดียวกันรองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม ได้โชว์เอกสารข้อตกลงที่บริษัททำไว้กับผู้เสียหาย โดยอ้างเป็นค่าบำรุงขวัญ จ่ายให้ผู้เสียหายบางส่วนไปเซ็นเอกสารปิดปาก พร้อมย้ำว่าคดีนี้เป็นอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ ฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน

ด้านทนายเดชา กิตติวิทยานันท์, ต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง, นายแทนคุณ จิตต์อิสระ พาผู้เสียหายที่จากการลงทุนกับบริษัทดังกล่าวรวมกว่า 10 ราย มาแจ้งความร้องทุกข์กับ ปคบ. เช่นกัน โดยนายแทนคุณ ระบุถึงพฤติการณ์ของบริษัทว่าให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับการขายสินค้าออนไลน์ ทำให้มีผู้หลงเชื่อลงทุน เพราะเปิดคอร์สในราคา 97 บาท ก่อนขยับเป็นขั้นบันไดไปจนถึง 250,000 บาท อ้างให้เป็นดีลเลอร์ สร้างทีม รับผลประโยชน์เพิ่ม ก่อนโน้มน้าวให้ยิงแอดโฆษณาหารายได้เฉลี่ย 1 คน เสียหายไปกว่า 500,000 บาท ซึ่งข้อมูลล่าสุดมีผู้เสียหายมากกว่า 500 คน

ด้าน ต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง ระบุว่า มีผู้เสียหายรายหนึ่งมาเล่าหัฟังว่าไปลงทุนกับบริษัทเพราะตกงาน รูดบัตรเครดิตไปกว่า 400,000 บาท แต่สินค้าที่ได้รับมากลับขายไม่ได้ จนเกิดความเครียด ประกอบกับตอนนั้นป่วยและท้องอยู่ ทำให้คิดสั้นกระโดดน้ำหวังฆ่าตัวตาย แต่มีพลเมืองดีช่วยไว้ได้ทัน

นอกจากนี้ผู้เสียหายบางส่วนยังให้ข้อมูลว่าดาราที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับบริษัทนี้มี 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือผู้ได้รับมอบอำนาจในการบริหารโดยตรง มีอยู่ 5-6 คน กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มพรีเซ็นเตอร์ที่บริษัทจ้างมาสร้างความน่าเชื่อถือ มีหลายคน และกลุ่มสุดท้าย กลุ่มที่มีความสัมพันธ์และถูกเชิญเข้าไปร่วมอีเวนต์ของบริษัท ผู้เสียหายยืนยันว่าดารากลุ่มแรกเข้ามาบริหารจริง

ขณะที่ผู้เสียหายรายนี้เล่าว่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนนั้นตัดสินใจลงทุนเพราะอยากประสบความสำเร็จ เพราะบริษัทชักชวนและกล่าวอ้างถึงผู้ที่ประสบความสำเร็จ โดยมีวลีหลักเด็ดของบอสใหญ่ที่บอกว่า “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย” เป็นตัวจุดประกาย เมื่อเข้าร่วมได้ชักชวนคนสนิทและคนในครอบครัวมาร่วมลงทุน แต่สินค้ากลับขายไม่ออก เพราะสินค้าไม่ได้คุณภาพ คนไม่กลับมาซื้อซ้ำ ทำให้เสียหายหลักล้าน เมื่อถามหาวิธีขายของกลับไปยังบริษัทกลับไม่ได้คำตอบ ทำให้ต้องเสียความสัมพันธ์กับคนสนิทและครอบครัว พร้อมย้ำว่าธุรกิจนี้ไม่ได้เน้นขายของ แต่เน้นหาคนให้ร่วมลงทุน

ทนายเดชา ย้ำอีกครั้งกรณีมีดาราแถลงข่าวยืนยันว่าไม่มีส่วนในการตัดสินใจของบริษัท โดยได้คุยกับพนักงานสอบสวนแล้ว พนักงานสอบสวนบอกว่าการดำเนินคดีไม่ได้ดูแค่เพียงคำพูด แต่ต้องดูพฤติกรรมและหลักฐาน ซึ่งหากดูจากพฤติการณ์มีโอกาสสูงที่ดาราหลายคนถูกดำเนินคดี แต่ขอไม่ระบุว่าเป็นใคร

คดีนี้ทนาย 2 คน พาผู้เสียหายมาแจ้งความ เพื่อให้ตรวจสอบบริษัทว่าเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน, แชร์ลูกโซ่, โฆษณาเกินความเป็นจริงหรือไม่ รวมถึงความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรง หรือไม่

ส่วนความผิดอื่นๆ ที่น่าจะตามมาอาจเป็นเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ซึ่งไม่ต้องมาที่ ปคบ. ก็ได้ ให้แจ้งความที่ท้องที่ที่พักอาศัย เนื่องจากรักษาการ ผบ.ตร. ย้ำแล้วว่าจะทำให้ครอบคลุม หรือหากติดขัดอย่างไร ทนายเดชาบอกว่าติดต่อมาได้ทันที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ยันไทยทำถูกต้องปมรั้วลวดหนามบ้านหนองจาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ยันกรณีล้อมรั้วลวดหนาม พื้นที่บ้านหนองจาน ไทยทำถูกต้องภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง บอกโฆษก ทบ. แจงรายละเอียด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาใช้มวลชนมากดดัน เพื่อให้ไทยรื้อลวดหนามบริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รัฐบาลจะมีแนวทางอย่างไร ว่า พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงแล้ว ก็เป็นไปตามนั้น ส่วนจะมีการเพิ่มมาตรการอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม ย้ำว่าเป็นไปตามที่โฆษกกองทัพบกได้ชี้แจงไปแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยังกระทบกันอยู่ ก็แก้ไขปัญหาไปตามสภาพการณ์ เรายืนยันว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องแล้ว และทำทุกอย่างภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่ประเทศมาเลเซีย .-315 -สำนักข่าวไทย

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก-ลมแรง

กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนพายุโซนร้อน “คาจิกิ” คาดอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ บริเวณ จ.น่าน เย็นวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ปกคลุมบริเวณประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย […]

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย