ผู้เสียหายเดินหน้าร้อง ปคบ.เอาผิดดารา-บริษัทดัง หลอกขายฝัน

กรุงเทพฯ 10 ต.ค. – ทีมทนายมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ หลังถูกขายฝันให้ร่วมลงทุนธุรกิจขายตรง ด้าน “ทนายเดชา” พาผู้เสียหายอีกกลุ่มแจ้งความ พร้อมพุ่งเป้าไปที่แชร์ลูกโซ่


มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม พาผู้ได้รับผลกระทบจากการเข้าร่วมธุรกิจบริษัทขายตรงชื่อดัง ซึ่งผู้เสียหายที่มาวันนี้มี 20 คน แต่คนที่อยู่ในกลุ่มตอนนี้มีประมาณ 500 คน บางส่วนไม่สะดวกเดินทางมาเพราะอยู่ต่างจังหวัด รวมถึงติดธุระส่วนตัว

หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ผู้เสียหายทุกคนจะเห็นธุรกิจของบริษัทนี้ในลักษณะเดียวกัน คือเริ่มเห็นจากโฆษณาทางทีวี โซเชียล และการยิงแอดผ่านเฟซบุ๊ก ขณะที่ส่วนตัวในช่วงหลังโควิดต้องการหาอาชีพเสริม หารายได้มาเลี้ยงครอบครัว จึงตัดสินใจลงเรียน ซึ่งจะเป็นการเรียนแบบออนไลน์ มีค่าใช้จ่าย 98 บาท หรือ 99 บาท


2 วันแรกเป็นการเรียนการสอนเรื่องธุรกิจบริษัท วันที่ 3 มีแม่ทีมมาสอน หากใครสนใจทำธุรกิจก็จะขายฝันว่าเป็นการสร้างรายได้เพิ่ม โดยที่ไม่ต้องสตอกของ ไม่ต้องมีสินค้าในมือ มีระบบช่วยเหลือหลังบ้านทั้งหมด

จากนั้นจะเสนอให้เรียนคอร์สที่สูงขึ้นในราคา 2,500 บาท ซึ่งคอร์สนี้สามารถเรียนรู้ระบบของบริษัทได้มากกว่าเดิม มีโค้ชนัดมาเรียนที่โรงเรียน มีครูพี่เลี้ยง แม่ทีมมาช่วยประกบ และหากสนใจลงทุนจะมีคอร์สเรียนที่สูงขึ้นในราคา 25,000 บาท ในคอร์สนี้จะถูกเกลี้ยกล่อมว่าหากมาทำธุรกิจจะมีรายได้เพิ่ม ชีวิตจะเปลี่ยนไป ใครสนใจมีค่าใช้จ่ายในการลงทุน 250,000 บาท

ทั้งนี้ ส่วนตัวยอมรับตอนแรกไม่มั่นใจที่จะจ่าย 250,000 บาท แต่ผ่านไปสักพักมีโอกาสร่วมงานประจำเดือนของบริษัท ทั้งอบรมและประชุม มีดารา นักแสดงชื่อดังมาพูด สร้างความเชื่อมั่น ทำให้รู้สึกว่าบริษัทมีระบบรองรับทุกอย่าง ระบบหลังบ้านก็ดี การตลาดก็ดี สินค้าก็ดี แต่ดารา นักแสดงชื่อดัง จะพบเจอได้ในเฉพาะงานอีเวนต์ ซึ่งจะมีค่าบัตรเข้าร่วมงาน 1,500 บาท และเท่าที่เห็นจะมี 3 คน ซึ่งไม่ใช่เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ แต่เป็นถึงระดับผู้บริหารที่คนจะเรียกกันว่า “บอส”


อย่างไรก็ตาม สุดท้ายมาเอะใจเพราะหลังจากเรียนไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าไม่ได้สอนให้ขายของ แต่สอนให้หาคนมากระจายสินค้า ด้วยการยิงแอดโฆษณา หาดีลเลอร์มาลงทุนแบบตัวเอง ตอนนั้นแม้ไม่มีเงินในการยิงแอดโฆษณา แม่ทีมมีการแนะนำให้เอารถไปรีไฟแนนซ์ นำเงินมายิงแอด เพื่อลูกค้า หานักเรียนเข้ามาเรียน และยังแนะนำให้โทรชวนเพื่อน จนตอนนี้ต้องเป็นหนี้บัตรเครดิต เงินที่ใช้ไปลงทุนก็ไม่เคยเห็นผล

ส่วนอีกรายยอมรับนำเงินเก็บ 206,000 บาท ไปลงทุนจนเกือบคิดสั้นฆ่าตัวตาย เพราะตกงาน อยากสร้างธุรกิจ รวมถึงได้ยินสโลแกน “ขยันผิดที่อีก 10 ปี ก็ไม่รวย” รู้สึกว่าเป็นโอกาสในการหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว เพราะเริ่มจากลงทุนแค่ 2,500 บาท แต่พอจ่ายไปแล้วกลับกลายเป็นเหมือนสโลแกนขายฝัน สุดท้ายลงทุนไป 206,000 บาท ทุกวันนี้ยังต้องใช้หนี้อยู่ แถมครอบครัวแตกแยก เพราะไม่มีใครเข้าใจ จนซึมเศร้า

ขณะเดียวกันรองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม ได้โชว์เอกสารข้อตกลงที่บริษัททำไว้กับผู้เสียหาย โดยอ้างเป็นค่าบำรุงขวัญ จ่ายให้ผู้เสียหายบางส่วนไปเซ็นเอกสารปิดปาก พร้อมย้ำว่าคดีนี้เป็นอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ ฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน

ด้านทนายเดชา กิตติวิทยานันท์, ต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง, นายแทนคุณ จิตต์อิสระ พาผู้เสียหายที่จากการลงทุนกับบริษัทดังกล่าวรวมกว่า 10 ราย มาแจ้งความร้องทุกข์กับ ปคบ. เช่นกัน โดยนายแทนคุณ ระบุถึงพฤติการณ์ของบริษัทว่าให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับการขายสินค้าออนไลน์ ทำให้มีผู้หลงเชื่อลงทุน เพราะเปิดคอร์สในราคา 97 บาท ก่อนขยับเป็นขั้นบันไดไปจนถึง 250,000 บาท อ้างให้เป็นดีลเลอร์ สร้างทีม รับผลประโยชน์เพิ่ม ก่อนโน้มน้าวให้ยิงแอดโฆษณาหารายได้เฉลี่ย 1 คน เสียหายไปกว่า 500,000 บาท ซึ่งข้อมูลล่าสุดมีผู้เสียหายมากกว่า 500 คน

ด้าน ต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง ระบุว่า มีผู้เสียหายรายหนึ่งมาเล่าหัฟังว่าไปลงทุนกับบริษัทเพราะตกงาน รูดบัตรเครดิตไปกว่า 400,000 บาท แต่สินค้าที่ได้รับมากลับขายไม่ได้ จนเกิดความเครียด ประกอบกับตอนนั้นป่วยและท้องอยู่ ทำให้คิดสั้นกระโดดน้ำหวังฆ่าตัวตาย แต่มีพลเมืองดีช่วยไว้ได้ทัน

นอกจากนี้ผู้เสียหายบางส่วนยังให้ข้อมูลว่าดาราที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับบริษัทนี้มี 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือผู้ได้รับมอบอำนาจในการบริหารโดยตรง มีอยู่ 5-6 คน กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มพรีเซ็นเตอร์ที่บริษัทจ้างมาสร้างความน่าเชื่อถือ มีหลายคน และกลุ่มสุดท้าย กลุ่มที่มีความสัมพันธ์และถูกเชิญเข้าไปร่วมอีเวนต์ของบริษัท ผู้เสียหายยืนยันว่าดารากลุ่มแรกเข้ามาบริหารจริง

ขณะที่ผู้เสียหายรายนี้เล่าว่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนนั้นตัดสินใจลงทุนเพราะอยากประสบความสำเร็จ เพราะบริษัทชักชวนและกล่าวอ้างถึงผู้ที่ประสบความสำเร็จ โดยมีวลีหลักเด็ดของบอสใหญ่ที่บอกว่า “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย” เป็นตัวจุดประกาย เมื่อเข้าร่วมได้ชักชวนคนสนิทและคนในครอบครัวมาร่วมลงทุน แต่สินค้ากลับขายไม่ออก เพราะสินค้าไม่ได้คุณภาพ คนไม่กลับมาซื้อซ้ำ ทำให้เสียหายหลักล้าน เมื่อถามหาวิธีขายของกลับไปยังบริษัทกลับไม่ได้คำตอบ ทำให้ต้องเสียความสัมพันธ์กับคนสนิทและครอบครัว พร้อมย้ำว่าธุรกิจนี้ไม่ได้เน้นขายของ แต่เน้นหาคนให้ร่วมลงทุน

ทนายเดชา ย้ำอีกครั้งกรณีมีดาราแถลงข่าวยืนยันว่าไม่มีส่วนในการตัดสินใจของบริษัท โดยได้คุยกับพนักงานสอบสวนแล้ว พนักงานสอบสวนบอกว่าการดำเนินคดีไม่ได้ดูแค่เพียงคำพูด แต่ต้องดูพฤติกรรมและหลักฐาน ซึ่งหากดูจากพฤติการณ์มีโอกาสสูงที่ดาราหลายคนถูกดำเนินคดี แต่ขอไม่ระบุว่าเป็นใคร

คดีนี้ทนาย 2 คน พาผู้เสียหายมาแจ้งความ เพื่อให้ตรวจสอบบริษัทว่าเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน, แชร์ลูกโซ่, โฆษณาเกินความเป็นจริงหรือไม่ รวมถึงความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรง หรือไม่

ส่วนความผิดอื่นๆ ที่น่าจะตามมาอาจเป็นเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ซึ่งไม่ต้องมาที่ ปคบ. ก็ได้ ให้แจ้งความที่ท้องที่ที่พักอาศัย เนื่องจากรักษาการ ผบ.ตร. ย้ำแล้วว่าจะทำให้ครอบคลุม หรือหากติดขัดอย่างไร ทนายเดชาบอกว่าติดต่อมาได้ทันที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]

นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู”

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู” ต้องผลักดันเต็มที่ พร้อมแก้ไขปัญหาภาคเอกชนสู่นโยบายรัฐบาล ยันทำทุกทางให้ไทยเป็นคู่ค้าที่ได้เปรียบ ไม่ปิดกั้นนโยบายคนอื่น ขอให้วินวินทุกฝ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า ตนและทีมงานได้มาพบกับทางคณะกรรมการสภาหอการค้าไทย เหมือนกับวันที่เราไปเยี่ยมที่สภาอุตสาหกรรม เราพยายามที่จะไปพบกับภาคเอกชนก่อนที่จะเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเวลาเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่าง ขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว มาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว ทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า หารือแล้วได้จัดเตรียมมาตรการความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายอนุทิน เผยว่า รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ แรงงาน ภาษี ขนส่งต่างๆ เราพยายามที่จะทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่จำเป็นไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น […]

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]