ป.ป.ส. 8 ต.ค. – เลขาฯ ป.ป.ส. สั่งเช็คบิล “นักเลงคีย์บอร์ด” โพสต์ปั่นข่าว ยาเสพติดเผาไม่หมด ย้ำแชร์ข้อมูลเท็จ โทษหนักคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท
จากกรณีที่มีผู้ใช้บัญชี TikTok รายหนึ่ง แสดงความคิดเห็นใต้คลิปวิดีโอ “จากห้องมั่นคง สู่เตาเผา” ในบัญชี TikTok ของสำนักงาน ป.ป.ส.- oncb ซึ่งในคลิปเป็นการเผยแพร่ภาพการขนย้ายยาเสพติดของกลางเพื่อนำไปเผาทำลาย โดยคลิปวิดีโอดังกล่าว ถูกบันทึกในวันเผาทำลายของกลางยาเสพติดของสำนักงาน ป.ป.ส. ณ บริษัทแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา โดยความคิดเห็นดังกล่าวระบุว่า “ผมทำงานอยู่ในนั้น ตอนไปเอาก็คุยกับคนตามไปดู หนิบๆ แบ่งออกมาขายต่อครับ” ข้อความนี้ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อกระบวนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ อันก่อให้เกิดผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโดยสุจริต ยิ่งไปกว่านั้น ยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของสำนักงาน ป.ป.ส. ในภาพรวมอีกด้วย
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้สั่งการให้นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยทันที พบว่าเจ้าของบัญชีดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทรับเผาทำลายยาเสพติด หรือกระบวนการเผาทำลายของกลางยาเสพติดแต่อย่างใด โดยเจ้าตัวยอมรับว่าได้โพสต์ข้อความไปด้วยความคึกคะนอง ไม่ทันคิด และได้แสดงความขอโทษผ่านช่องทางแสดงความคิดเห็นใต้คลิปวิดีโอดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.เดินทางไปยังกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ใช้บัญชี TikTok รายนี้ ในฐานความผิด “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคง ในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2560) มาตรา 14(2) และความผิดฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
เลขาฯ ป.ป.ส. ยืนยันว่ากระบวนการเผาทำลายของกลางยาเสพติดเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหลายภาคส่วน มีการบันทึกภาพและเสียงตลอดกระบวนการ เพื่อป้องกันการทุจริตและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยมุ่งมั่นที่จะปราบปรามยาเสพติดให้หมดสิ้นไป และขอความร่วมมือจากประชาชนในการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างมีความรับผิดชอบ ตรวจสอบข้อมูลก่อนเผยแพร่ทุกครั้ง และขอให้ตระหนักว่าการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ข้อมูลบิดเบือน หรือข้อความที่สร้างความเสียหาย อาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย.-119-สำนักข่าวไทย