บช.สอท. 7 ต.ค. – ผู้เสียหายกว่า 200 คน ร้องตำรวจไซเบอร์ ซื้อทองทางออนไลน์ แต่กลับไม่ได้ทองตามที่ตกลง เสียหายกว่า 80 ล้านบาท
ทีมงานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาผู้เสียหายกว่า 200 คน เดินทางเข้ากองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ “ใบหนาด” หลังซื้อทองคำผ่านช่องทางไลฟ์ทางออนไลน์ แอบพลิเคชั่นหนึ่ง แต่กลับไม่ได้ทองคำตามที่ตกลงซื้อขายกันเอาไว้
หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตัวเองได้รับความเสียหายหลังซื้อขายทองคำแท่ง 1 บาท ในราคา 33,000 บาท เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยสาเหตุที่สั่งซื้อเนื่องจากคุณใบหนาด เคยทำงานร่วมกับบุคคลดัง และมีผู้ซื้อขายและเคยได้ทองคำจริง จึงหลงเชื่อและสั่งซื้อ แต่กลับไม่ได้ทองตามกำหนด ตัวเองพยายามติดตามทวงถาม แต่ทางผู้ขายบ่ายเบี่ยง อ้างว่ารอสินค้าจากโรงงาน และรายชื่อตกหล่นมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งมีกระแสข่าวมีการฉ้อโกงการเกิดขึ้น จึงเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจ
จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียหายจำนวนกว่า 500 คน วันนี้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์จำนวนกว่า 200 คน ตำรวจได้คัดแยก ผู้เสียหายออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เข้าแจ้งความแล้ว กับกลุ่มที่ยังไม่ได้แจ้งความ
พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ตำรวจไซเบอร์จะรวมผู้เสียหายทั้งหมดเข้ามาอยู่ในความรับผิดชอบทำสำนวนคดีเดียวกัน โดยจะทยอยสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหาย ตั้งแต่วันนี้ที่เดินทางเข้ามาร้องทุกข์กว่าจำนวน 200 คน ส่วนที่เหลือจะเรียกเข้ามาสอบปากคำเพิ่มภายหลัง โดยผู้ได้รับความเสียหายสามารถเดินทางมาแจ้งความได้ที่ตำรวจไซเบอร์ได้ทันที
ส่วนพฤติกรรมของผู้ถูกกล่าวหา พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด กล่าวว่าเบื้องต้นจะหลอกล่อให้ผู้เสียหายมีการซื้อทองผ่านทางโซเชียลมีเดียในราคาที่ถูก ซึ่งหากซื้อเพิ่มขึ้น ราคาทองก็จะถูกลง ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นที่ซื้อ ผู้เสียหายก็ได้รับของจริง จนทำให้มีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก แต่ภายหลังเมื่อซื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากกลับไม่ได้รับทองคำตามที่กำหนด ลักษณะเป็นการหมุนเงิน นำเงินจากผู้เสียหายกลุ่มหลัง ไปจ่ายให้กับกลุ่มแรก เมื่อหมุนเงินไม่ทันกับปริมาณซื้อขายก็ทำให้เกิดสภาวะขาดทุน และไม่สามารถหาทองคำส่งให้กับลูกค้าได้
ด้านนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ 1 ในเหยื่อ ที่เคยคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะหมดตัวไปกับแม่ค้าคนนี้ พร้อมเชื่อว่าหลักฐานที่มีทั้งหมดและพฤติกรรมของผู้ถูกกล่าวหา เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนและนำข้อมูลเอาไปใช้เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยหลังจากนี้ตำรวจจะส่งหลักฐานให้ ปปง.ตรวจสอบอายัดทรัพย์สิน ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน.-415-สำนักข่าวไทย