3 ต.ค. – โศกนาฏกรรมรถบัสทัศนศึกษา เกิดจากก๊าซถังที่ 11 เกิดการกระแทกจนเกิดรอยรั่วโดนประกายไฟ ไม่ได้เกิดจากยางแตก
ความคืบหน้าการตรวจสอบสาเหตุอุบัติเหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียนใน จ.อุทัยธานี บนถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า หน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทำให้มีนักเรียนและครูเสียชีวิตรวม 23 คน
ล่าสุดมีรายงานว่า หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง เข้าตรวจสอบรถบัสคันดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นมีรายงานว่า การสรุปผลตรวจถังก๊าซมีทั้งหมด 11 ถัง (หมายเลข 1-11) โดยตำแหน่งของทั้ง 11 ถัง คือ 1-6 ติดตั้งอยู่บริเวณท้ายรถ ตรวจสอบถังหมายเลข 1-6 ไม่หมดอายุ โดยมีการตรวจสอบเช็กสภาพถังกับขนส่ง ส่วนถังหมายเลข 7-8 ไม่หมดอายุ และตำแหน่งถังหมายเลข 7-11 อยู่ใต้ท้องรถ ค่อนไปด้านหน้ารถ โดยถังหมายเลข 9-10 หมดอายุปี 2023 ส่วนถังหมายเลข 11 พบร่องรอยท่อหลุดขาดจนเห็นรายละเอียดถัง
ส่วนสาเหตุของร่องรอยท่อหลุดขาดเพราะไม่มีการตรวจเช็กสภาพถัง เกิดจากการกระแทกแล้วหลุดออก ส่วนบริเวณต้นเพลิงคือห้องตรงกลางด้านล่าง เชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดการลุกไหม้บริเวณต้นเพลิงคือ ก๊าซที่รั่วออกมา ขณะที่แหล่งความร้อนที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้คือ ประกายไฟภายในห้องหรือภายนอก หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า
ทั้งนี้ การติดตั้งถัง NGV ในห้องปิด เมื่อเกิดการรั่วทำให้ไม่ฟุ้งกระจายไปในอากาศ จึงเกิดภาวะเหมาะสม เมื่อมีประกายไฟจึงลุกไหม้ได้ โดยไม่ได้เกิดจากปัญหายางแตกตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้
ล่าสุดอธิบดีกรมการขนส่งทางบก นำคณะเข้าประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อกรณีดังกล่าวให้ กมธ. รับทราบ รวมถึงมาตรการดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และมาตรการที่ใช้กำกับดูแลป้องกันเหตุในลักษณะนี้ เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยเป็นลักษณะข้อเท็จจริง
นายชีพ น้อมเศียร ผู้อำนวยการสำนักวิศวกรรมยานยนต์ ระบุว่า จากการตรวจสภาพรถพบว่าประตูด้านหลังฝั่งขวา คันโยกที่ใช้เปิด-ปิดภายในตัวรถยังใช้งานได้ปกติ รถที่เกิดเหตุเป็นรถโดยสารชั้นเดียว พื้นที่ด้านล่างใช้เก็บสัมภาระ
นอกจากนี้ยังพบว่ายางล้อรถไม่ได้มีการระเบิด ซึ่งพบถังก๊าซ 11 ถัง และมีท่อก๊าซหลุด เป็นเหตุให้เกิดก๊าซรั่ว รวมถึงพบว่าเพลาล้อหน้าหักครูดกับถนน ซึ่งอยู่ระหว่างกรมการขนส่งทางบก กับกองพิสูจน์หลักฐาน ร่วมกันวิเคราะห์ สรุปหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเหตุเพลิงไหม้.-สำนักข่าวไทย