กรุงเทพฯ 2 ต.ค. – ขบวนรถมูลนิธิร่วมกตัญญู เคลื่อนร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย จากเหตุเพลิงไหม้รถบัสนักเรียน มาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณบริเวณจุดเกิดเหตุ ถ.วิภาวดีฯ ขาเข้า ตอม่อที่ 792-793 โดยมีตำรวจ สภ.เมืองปทุมธานี มาอำนวยความสะดวก ปิดการจราจรฝั่งขาเข้าช่องทางด่วน
การทำพิธีทางครอบครัวผู้เสียชีวิตได้มีการเชิญพระสงฆ์จำนวน 4 รูป จากวัดโพสพผลเจริญ มาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณพร้อมกับบรรดาญาติของผู้เสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งการทำพิธีจะแบ่งออกเป็นชุดตามขบวนที่เคลื่อนมาถึงจุดเกิดเหตุ เพื่อไม่ให้การจราจรติดขัด โดยทันทีที่ขบวนมาถึงชุดแรกจำนวน 4 ร่าง ทางครอบครัวและญาติได้จุดธูปเพื่ออัญเชิญดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต และนำรายชื่อ นามสกุล เขียนใส่กระดาษ โดยทางญาติของผู้เสียชีวิตต่างอยู่ในอาการโศกเศร้าร้องไห้เสียใจอยู่ตลอดเวลา และได้พูดเชิญดวงวิญญาณของลูกหลานให้ตามกลับไปยังภูมิลำเนาบ้านเกิด ใช้เวลาในการทำพิธีประมาณ 15 นาที
ทั้งนี้ระหว่างการทำพิธี เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเนื่องจากญาติบางรายมีลักษณะอาการเหมือนจะเป็นลม หลังจากเสร็จสิ้นพิธีในชุดแรกก็ได้มีการเคลื่อนขบวนเพื่อส่งศพกลับไปยังภูมิลำเนาต่อไป
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุเพื่อเดินทางมาพบและให้กำลังใจกับญาติของผู้เสียชีวิตที่เดินทางมาจากจังหวัดอุทัยธานี
นายชาดา กล่าวว่า วันนี้ได้พาครอบครัวของผู้เสียชีวิต มาดำเนินการติดต่อเรื่องขอรับศพและพามาเชิญดวงวิญญาณที่เกิดเหตุ สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นยอมรับตอนแรกรู้สึกโกรธกับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ที่กระแสข่าวออกมาในลักษณะว่าไม่อยู่ช่วยเหลือ แต่เห็นจากคลิปว่ามีการมาช่วยดับไฟในช่วงแรกก็ต้องเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ส่วนจะมีเจตนาหลบหนีหรือไม่ ตัวเองไม่อยากมีวิพากษ์วิจารณ์ ในความเห็นผมไม่ใช่เรื่องที่จะไปประณาม หรือซ้ำเติมใครแต่จะต้องดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นอันดับแรกก่อน ส่วนเรื่องคดีให้ทางตำรวจดำเนินการไป
นายชาดา กล่าวว่า นอกจากนี้การช่วยเหลือจะต้องดูว่าทางบริษัทและคนขับ จะมีการเยียวยากับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างไร ส่วนตัวในฐานะ สส.และเพื่อนฝูง จะมีการรวบรวมเงินกันเพื่อช่วยเหลือเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมทั้งติดตามว่าการเยียวยาให้ครอบครัวจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่
ส่วนที่หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เห็นด้วยกับการจัดให้มีการทัศนศึกษานั้น ตนเองยืนยันว่าคนที่มีแนวคิดแบบนี้ถือว่าใจแคบ เพราะต้องมองอีกมุมหนึ่งว่าหากเป็นคนด้อยโอกาส การพบเจอสิ่งแปลกใหม่จะทำให้ตัวเองมีการเรียนรู้ เรื่องดังกล่าวจะต้องมีการทบทวนและหาจุดซึ่งเป็นกึ่งกลาง เพราะต้องมีหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหานี้ ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุการณ์แล้วปล่อยให้เรื่องเงียบ ฉะนั้นเหตุการณ์ดังกล่าวจะต้องมีการถอดบทเรียนและวางมาตรการในการแก้ไขอย่างจริงจัง อยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนอย่างจริงจังที่มีการแก้ไขปัญหาไม่ใช่การปล่อยให้เรื่องเงียบหายไป.-419- สำนักข่าวไทย