หนุ่มเดือด! หอบปี่เซียะพร้อมของแถมโยนทิ้งหน้าร้านทอง

26 ก.ย. – หนุ่มเดือด! หอบปี่เซียะพร้อมของแถม โยนทิ้งหน้าร้านทองประชด หลังทางร้านยืนยันว่าหากไม่มีหลักฐานไม่สามารถรับซื้อคืนได้


ผู้เสียหายรายนี้เดินทางมาจากย่านพระราม 4 นำทองที่ซื้อจากร้านทอง “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” อินฟลูเอนเซอร์และแม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง มาขว้างบริเวณประตูทางเข้าหน้าร้าน เนื่องจากไม่พอใจที่ทางร้านตั้งเงื่อนไขการรับซื้อคืนต้องมีใบเสร็จ พร้อมเปิดเผยว่า ปี่เซียะและทอง แม่ของตนสั่งซื้อทางออนไลน์เมื่อปี 64 เพื่อนำมาให้ลูกหลาน โดยคิดว่าเป็นทองรูปพรรณที่สามารถนำไปขายทำกำไรได้ แต่เมื่อนำไปขายกลับพบว่าราคาต่ำกว่าท้องตลาด จึงทำใจขายไม่ได้ กระทั่งมาเห็นข่าวว่าทางร้านรับซื้อคืน แต่แม่ของตนไม่ได้เก็บหลักฐานหรือใบเสร็จไว้ เนื่องจากไม่ชำนาญเรื่องออนไลน์ เมื่อโทรมาสอบถามทางร้านยืนยันว่ากรณีไม่มีหลักฐานไม่สามารถรับซื้อคืนได้ ทั้งที่ของทุกอย่างอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่เคยแกะออกจากกล่อง จึงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แม่ของตนจึงสั่งให้ทิ้งขยะไปได้เลย ด้วยความโกรธตนจึงนำของมาทิ้งไว้ที่หน้าร้านแห่งนี้

ส่วนผู้เสียหายอีกคนบอกว่า อยากให้เจ้าของร้านออกมาขอโทษและแสดงความรับผิดชอบด้วยการโอนเงินคืนให้กับทุกคน ส่วนตัวซื้อทองมาในราคา 39,000 บาท แต่ขายคืนได้ในราคา 10,000 บาท


บรรยากาศร้านทอง “แม่ตั๊ก” บนถนนหทัยราษฎร์ วานนี้ (25 ก.ย.) เป็นวันที่สองของการเปิดรับซื้อทองคืน ปรากฏว่าตั้งแต่เปิดร้านเวลา 10.00 น. มีลูกค้าที่เคยซื้อทองจากที่ร้านไปเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ นำทองมาขายคืน

ทางร้านมีการนําเต็นท์ผ้าใบมาตั้งบริเวณหน้าร้าน เพื่อให้ลูกค้านั่งรอคิว ภายหลังจากเปิดให้คืนทองวันแรกมีลูกค้าแห่หอบทองมาขายคืนจนคิวทะลุ 200 คิว ทางร้านจึงจะขยายคิวเพิ่มเป็น 300 คิวต่อวัน โดยเปิดให้เข้าทีละ 10 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการตรวจทองจากร้านแม่ตั๊ก ภายหลังจากมีการส่งตรวจพิสูจน์เปอร์เซ็นต์ทองคำ เมื่อวานนี้ (25 ก.ย.) ผลปรากฏว่าลูกปัดในกำไลข้อมือปี่เซียะ พบปริมาณทองคำ 71.58 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็นทอง แต่ไม่ถึง 18 เค


ส่วนตัวปี่เซียะ ที่ทางร้านบอกว่าเป็นทอง 99.99 เปอร์เซ็นต์ ผลออกมาคือ 99.83 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนของสร้อยคอของแถม 50 สตางค์ ผลตรวจพบว่ามีปริมาณทอง 92.08 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่ถึงตามที่ สคบ. กําหนด คือ 92.5 เปอร์เซ็นต์ และในส่วนของแผ่นทอง ผลออกมาไม่มีส่วนผสมของทองแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม จากผลการตรวจทองร้านแม่ตั๊ก พบว่าเป็นทองจริง แต่ขนาดและน้ำหนักทองไม่ถึงมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ ทั้งนี้ ยังต้องรอผลตรวจพิสูจน์ตัวอย่างทองที่ สคบ. ลงพื้นที่ไปเก็บมาตรวจสอบ คาดว่าจะรู้ผลเร็วๆ นี้

นอกจากทองแล้ว มีผู้เสียหายร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่าเคยซื้อโกโก้ของแม่ตั๊ก ที่ไลฟ์ขายช่วงตอนปีใหม่ ตอนนั้นมีโปรโกโก้ New year แม่ตั๊ก แจกทองทุกกล่อง ในราคา 582 บาท หลงเชื่อจึงซื้อมาแล้วพบว่าทองที่ได้คือแผ่นทองเล็กๆ คล้ายกับที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ จึงคิดว่าโดนหลอกลวงเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง