แม่ค้าคนดังแจงทองของร้านแท้แน่นอน-ประกาศรับซื้อคืนทั้งหมด

24 ก.ย. – แม่ค้าคนดังประกาศรับซื้อทองจากผู้เสียหายคืนในราคาเต็มที่ขายไปทั้งหมด ยอมรับเป็นความผิดพลาด ยืนยันร้านมีใบรับประกันและสามารถกลับมาขายที่ร้านได้ ราคารับซื้อขึ้นอยู่กับราคาทองคำ ณ วันนั้น


กรณีผู้ใช้ TikTok โพสต์วิดีโอแชร์ประสบการณ์ซื้อจี้ทองไอ้ไข่ และดอกไม้ทองคำ จากร้านออนไลน์ของแม่ค้าคนดัง มีใบรับรอง นำไปขายที่ร้านทองแต่กลับขายไม่ได้ วานนี้ (23 ก.ย.) ทั้ง 2 ฝ่าย คือ ผู้ซื้อและผู้ขาย ได้มาพบกัน ชี้แจงประเด็นที่ฝ่ายผู้ซื้อพบเจอ และให้ฝ่ายผู้ขายได้ชี้แจงในรายการดัง พร้อมมีคนกลางคือ สคบ. และสมาคมค้าทองคำ เข้าร่วมด้วย

เจ้าของคลิปที่ออกมาเปิดเผยคนแรกคือ คุณสตางค์ อธิบายว่า ทองที่อยู่ในคลิปที่นำไปขายที่ร้านของได้รับมาจากน้องสาว ซื้อเซตทองคำให้เมื่อ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา มีจี้ไอ้ไข่พร้อมสร้อย มีปะคำ และดอกไม้สีทอง ต่อมามีน้องอีกคนก็ซื้อทองจากร้านเดียวกัน เมื่อนำไปขายที่ร้านทอง ปรากฏว่าร้านทองไม่รับซื้อ จึงเป็นที่มาที่ตนลองเอาไปขายด้วยก็เป็นไปตามคลิป คือร้านไม่รับซื้อ และตั้งแต่ออกมาโพสต์คลิปมีคนที่ประสบปัญหาเดียวกันส่งข้อความเล่าเรื่องราวว่าซื้อทองจากร้านเดียวกัน และไปขายไม่ได้ หรือขายได้ราคาที่ต่ำกว่าที่ซื้อมามาก


คุณฝ้าย ผู้เสียหายอีกคน เล่าว่า ซื้อกำไลปี่เซี๊ยะทองคำ เครื่องรางของขลัง เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2564 ราคา 33,332 บาท ซึ่งราคาทองคำ ณ วันนั้น ทองคำน้ำหนัก 1 บาท อยู่ที่ 28,250 บาท เท่ากับว่าซื้อมาราคาแพงกว่าราคาทองคำ 1 บาท ทำให้เข้าใจว่าเป็นกำไลปี่เซี๊ยะที่ซื้อมามีน้ำหนัก 1 บาท แต่เมื่อชั่งน้ำหนักปรากฏว่ามีน้ำหนักเพียง 6.4 กรัม เท่ากับว่าน้ำหนักเท่านี้ยังไม่ถึง 50 สตางค์เลย

เรื่องน้ำหนักทองคำ โดยน้ำหนักทองแท่ง ที่เราเรียกว่า 1 บาททองคำ คือทองคำแท่งที่มีน้ำหนักอยู่ที่ 15.244 กรัม และทองรูปพรรณ น้ำหนัก 15.16 กรัม ส่วนครึ่งหนึ่งของ “บาท” ที่เรียกกันว่า 50 สตางค์ หรือเรียกว่า “2 สลึง” ทองคำแท่งจึงเท่ากับ 7.622 กรัม และทองรูปพรรณเท่ากับ 7.58 กรัม

คุณฝ้าย ยอมรับว่าเมื่อซื้อมาแล้วขายไม่ได้ก็เสียความรู้สึก ทางร้านจะขายอะไรต้องแจ้งให้ชัดเจน อีก 1 คนคือ คุณกวาง เล่าว่า ซื้อทองมา 110,000 กว่าบาท แล้วนำทองเป็นของขวัญให้แม่ แม่เอาไปจำนำ ร้านตีราคา 2,000-3,000 บาท แม่โกรธหาว่าเอาทองปลอมมาให้แม่ ตอนนั้นตนยังไม่เชื่อ จนต้องเอาทองของตัวเอง มูลค่าประมาณ 80,000 บาท เอาไปโรงรับจำนำ ตีราคาให้ 30,000 กว่าบาท จึงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่ราคาทองคำแท้จะตกได้ขนาดนี้


ด่านคุณตั๊ก กับคุณเบียร์ เจ้าของร้านทอง ชี้แจงถึงกรณีของคุณสตางค์ ที่นำเซตทองที่มีดอกไม้สีทอง มีจี้ไอ้ไข่ ไปขายร้านทองว่า เซตนี้ราคา 1,993 บาท ตัวจี้ไอ้ไข่ เป็นทองคำแท้ 99.99% น้ำหนัก 0.1-0.3 กรัม แถมสร้อยทองคำ 75%

ส่วนปะคำเป็นหิน มีจี้ไอ้ไข่ แถมดอกไม้สีทอง ซึ่งร้านพูดในไลฟ์ชัดเจนว่าดอกไม้นี้เป็นโลหะพ่นสีทอง ขายไม่ได้ ทางร้านเจตนาดีเพื่อแถมให้กับลูกค้า ยืนยันว่าที่ร้านมีใบรับประกันให้ และสามารถกลับมาขายที่ร้านได้ ราคารับซื้อขึ้นอยู่กับราคาทองคำ ณ วันนั้น ซึ่งราคาจี้ไอ้ไข่ หากคำนวณจากราคาทองคำวานนี้ (23 ก.ย.) น้ำหนัก 0.12 กรัม รับซื้อ 320 บาท, สร้อยทอง 75% หรือทอง 18K น้ำหนัก 0.3 กรัม รับซื้อ 480 บาท, ปะคำหิน มีจี้ไอ้ไข่ ตัวจี้น้ำหนักเดียวกัน ราคา 320 บาท รวมราคา 3 อย่าง เท่ากับ 1,120 บาท เซตนี้ซื้อราคา 1,993 บาท ถือว่าราคาใกล้เคียงกัน ยอมรับว่าบางครั้งไปไลฟ์แล้วไม่ได้อธิบายชัดว่าอันนี้เป็นทองกี่กรัม มีพูดในไลฟ์ แต่ไม่ได้ขึ้นเป็นข้อความให้เห็นชัดๆ แต่ถ้าลูกค้าซื้อไปแล้ว เอาไปขายต่อร้านอื่นไม่ได้ ก็ให้เอามาขายคืนที่ร้านเรา ยืนยันกับทุกคนว่าเราไม่ได้ขายทองปลอม ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกคน ณ วันนี้ตนขอประกาศรับซื้อคืนในราคาเต็มที่ขายไป ขอให้เอามาขายคืนให้หมดเลย เพราะมันเป็นความผิดพลาดของตนเอง

นอกจากนี้ คุณตั๊ก และคุณเบียร์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า กรณีนี้มองว่าเป็นความผิดปกติ เพราะค้าขายออนไลน์มานาน มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ เชื่อว่าทุกธุรกิจมีคู่แข่ง วันนี้เรายอมรับผิดชอบ และกฎหมายก็ดำเนินไปตามปกติ

ด้านนายสมบูรณ์ ภุชงค์โสภาพันธุ์ กรรมการสมาคมค้าทองคำ อธิบายถึงหลักการซื้อ-ขายทองคำในตลาดว่า ทองในประเทศไทย อยู่ที่ 96.5% เมื่อเป็นทองคำ 99.99% ราคาจะแพงกว่า 96.5% ประมาณ 1,000 บาทต่อ 1 บาททองคำ แล้วบวกค่าแรงแตกต่างกันไปแล้วแต่ร้าน ส่วนที่ร้านทองปฏิเสธการรับซื้อ หลักๆ เนื่องจากทองไม่มีการตอกยี่ห้อ ไม่มีระบุเปอร์เซ็นต์ทอง ไม่ระบุน้ำหนักทอง ทำให้ร้านไม่แน่ใจ ประกอบกับเป็นชิ้นงานน้ำหนักเบามาก บางร้านไม่มีเครื่องเช็กเปอร์เซ็นต์ทอง ร้านจะต้องนำไปหลอมก่อน แล้วจึงระบุเปอร์เซ็นต์ทองได้ ซึ่งไม่คุ้มกัน หากเป็นสร้อย แหวน ทองรูปพรรณ ที่ขายกันปกติ คนขายทองจะมองออก สามารถชั่งน้ำหนักแล้วตีราคาได้เลย แต่จี้ทอง หรือรูปแบบทองลักษณะที่ร้านนำมาขาย เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ ใช้เทคนิคอิเล็กโตรฟอร์มมิ่ง คือการใช้เทคนิคหล่อทองคำ 99.99% เคลือบที่เรซินที่ออกแบบเป็นรูปต่างๆ แล้วเอาเรซินออกมา ถามว่าคือทองไหม ก็คือทอง 99.99% แต่ด้านในจะกรวง หรือเรียกภาษาชาวบ้านคือตีโป่ง แบบนี้เอาไปร้านทองจะไม่ค่อยรับซื้อ โดยเฉพาะร้านที่ไม่มีเครื่องเช็กเปอร์เซ็นต์ทองจะไม่รับ

ประเด็นการตอกยี่ห้อ กับเลยเปอร์เซ็นต์ทอง คุณเบียร์ เจ้าของร้าน ยอมรับว่าไม่มีการตอกจริง แต่ทองของร้าน ซื้อมาจากร้านที่อยู่ในสมาคมค้าทองคำ

หลังจากนี้ สมาคมค้าทองคำแนะนำว่าทางร้านควรจะมีการเปิดรับซื้อทองคำจากลูกค้าที่ต้องการจะขาย ในขณะที่ฝั่งลูกค้ามีรายงานว่าจะไปแจ้งความ ให้เป็นไปตามกระบวนการตรวจสอบทางกฎหมายต่อไป ซึ่งในการดำเนินคดีนั้น นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภค ด้านสัญญา สคบ. บอกว่า ผู้บริโภคต้องได้รับความคุ้มครอง ในกรณีนี้เป็นเรื่องของการโฆษณาว่าจงใจให้ผู้ซื้อเข้าใจผิดหรือไม่ ถ้ามีความพยายามปกปิดหรือบอกข้อมูลไม่หมด หรือทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อ ตรงนี้จะมีความผิดทางอาญา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนฝนน้อย ทะเลอันดามัน-อ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 ม.

กทม. 3 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนน้อย ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อยเนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง – สำนักข่าวไทย

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]