ตร. 17 ก.ย. – “บิ๊กต่อ” ให้ปากคำคดีมีเส้นเงินเอี่ยวเว็บพนัน และ 18 ธุรกิจสีเทา ด้าน ก.ร.ตร.ยันเอาผิดย้อนหลังได้แม้จะเกษียณ เร่งสอบผู้เกี่ยวข้องให้ครบภายใน 180 วัน
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. กรณีเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับ 18 ธุรกิจสีเทาและเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งทนายษิทรา เบี้ยบังเกิดได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไว้ก่อนหน้านี้ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เดินทางเข้าให้ข้อมูลในเวลา 11.00 น. ใช้เวลาให้ข้อมูลนานกว่า 3 ชั่วโมง ก็ได้เดินทางกลับ พร้อมบอกกับผู้สื่อข่าวว่ามั่นใจในพยานหลักฐานที่นำมาชี้แจงกับคณะกรรมการ เชื่อว่าจะได้รับความยุติธรรม ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้
ขณะที่ พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ประธาน ก.ร.ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้นำหลักฐานเอกสารและถ้อยคำมาชี้แจงต่อคณะกรรมการในฐานะพยาน ในทุกประเด็นที่คณะกรรมการสอบถามตั้งประเด็นไว้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งในแต่ละประเด็นจะต้องมีการพิจารณาของคณะกรรมการอย่างละเอียดรอบคอบ คาดว่าจะใช้เวลานาน มีกรอบระยะเวลา 180 วัน ในกรอบเวลานี้จะต้องสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้แล้วเสร็จ แต่หากไม่แล้วเสร็จ ก็สามารถขยายกรอบเวลาได้อีก 60 วัน ตามความจำเป็น
ส่วนที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะเกษียณอายุราชการนั้น จะนำไปตีความในข้อกฎหมาย แต่คณะกรรมกรเชื่อว่าจะดำเนินการต่อได้หากพบมูลความผิด ก็สามารถส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการย้อนหลังได้ โดยเฉพาะโทษทางวินัยก็จะส่งไปให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการในฐานะผู้บังคับบัญชา แต่หากผิดทางอาญา ก็จะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ชี้มูล
ขณะที่ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้เดินทางไปที่สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติเพื่อติดตามการให้ข้อมูลของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่ร้องเอาไว้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายที่คณะกรรมการชุดนี้มีความกล้า ไม่เกรงกลัวอิทธิพล ด้วยการเรียกตัว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มาให้ข้อมูลในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขณะที่ตำรวจชุดอื่นๆ คดียังไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งที่ตนเองร้องเรียนไปหมดแล้ว ดังนั้นตนเองจึงชื่นชมคณะกรรมการ กร.ตร. ชุดนี้ที่มีความตั้งใจในการทำงาน
นอกจากนี้ทนายษิทรายังให้ความเห็นว่าการสอบปากคำของคณะกรรมการชุดนี้จะมีผลต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แน่นอน แม้ว่าผลจะออกภายหลังเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนนี้ไปแล้วก็ตาม ซึ่งตนเองมั่นใจว่าผลการตรวจสอบของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ น่าจะไม่แตกต่างกับกรณีของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มีความผิดลักษณะเดียวกันและถูกให้ออกจากราชการไปก่อนหน้านี้
หลังจากสอบปากคำ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แล้ว ตนเองจะไปสอบถามคณะกรรมการว่าได้มีการเรียกภรรยาของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์, รองฟาง , และดาบยาว นายตำรวจคนสนิทของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เข้าให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ หรือจะเรียกมาเมื่อใด ซึ่งเป็นไปตามสิทธิ์ที่ตนเองสามารถรับรู้ได้ในฐานะผู้ร้อง พร้อมยืนยันส่วนตัวไม่ได้รู้จักหรือมีความโกรธเคืองกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แต่ต้องการให้ดำเนินการเป็นมาตรฐานเดียวกันกับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์
ส่วนที่มาวันนี้ก็ยืนยันด้วยว่าไม่ได้ต้องการมาปะทะหรือประจันหน้ากับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แต่หากพบกันก็จะยกมือไหว้ทักทายในฐานะที่ตนเองอายุน้อยกว่า และคงไม่มีการซักถามในเรื่องของคดีความ เพราะที่ผ่านมาสังคมรับรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องตอกย้ำ.-414-สำนักข่าวไทย