คุมตัว “เจมส์” กักขังลูกสาวแท้ๆ ดำเนินคดีที่ สภ.คลองหลวง

15 ก.ย. – สืบนครบาลคุมตัว “เจมส์ ทศกัณฐ์” ลวงลูกสาวแท้ๆ วัย 14 ปี ถ่ายคลิปทำ OnlyFans และกักขังข่มขืน 7 วัน 7 คืน ไปดำเนินคดีที่ สภ.คลองหลวง


ความคืบหน้ากรณีนายอนณ หรือ “เจมส์ ทศกัณฐ์” อายุ 32 ปี จับลูกสาวตัวเองวัย 14 ปี ขังในบ้านแล้วลงมือข่มขืน บังคับถ่ายคลิปทำ OnlyFans อีกทั้งยังตระเวนหาชายแปลกหน้ามาข่มขืนลูกสาวและภรรยาตัวเองแบบ “ทรีซั่ม” กว่า 7 วัน 7 คืน เพื่อถ่ายคลิป 18+

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.10 น. ชุดสืบนครบาลควบคุมตัว “เจมส์ ทศกัณฐ์” พร้อมภรรยาที่ร่วมก่อเหตุ ออกจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ไปส่งดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีและเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน” แล้ว


โดยระหว่างควบคุมตัวขึ้นรถตู้ ผู้สื่อข่าวสอบถามข้อเท็จจริงว่า นายเจมส์ข่มขืนลูกสาวตนเองตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ นายเจมส์ ระบุว่า “ไม่ได้ทำครับ” อ้างว่าตนเองมีหลักฐานเป็นแชทที่ฝั่งผู้เสียหายสมยอม พร้อมกับปฏิเสธอ้างว่าตัวผู้เสียหายไม่แน่ใจว่าใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตน เพราะตนเองเลิกรากับแม่เด็กไปตั้งแต่ก่อนที่เขายังไม่เกิด ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่าสิ่งที่ผู้เสียหายต้องการนั่นก็คือเงิน

ขณะเดียวกัน ช่วงเวลา 12.50 น. ตำรวจสืบนครบาลพาตัวหญิงซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของนายเจมส์ ขึ้นรถตู้ไปรอนายเจมส์ โดยในระหว่างเดินขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงว่ามีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของนายเจมส์หรือไม่ ปรากฏหญิงสาวคนดังกล่าวไม่ตอบคำถามใดๆ

ทั้งนี้ จากรายงานการสืบสวนสอบสวน เปิดเผยว่า นายเจมส์ยังคงให้การปฏิเสธในข้อกล่าวหา ส่วนที่นายเจมส์กล่าวอ้างว่าผู้เสียหายไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตนนั้น ทางสืบนครบาลมีข้อมูลยืนยันแน่ชัดว่าผู้เสียหายคือลูกของนายเจมส์จริงๆ


หลังจากนำตัวนายเจมส์ส่งดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี แล้ว เจ้าหน้าที่สืบนครบาลจะดำเนินการร้องทุกข์เพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อเอาผิดนายเจมส์ และหญิงซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของนายเจมส์ ในข้อหาผลิตและครอบครองสื่อลามกเด็ก กับข้อหานำเข้าข้อมูลลามกสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ขออำนาจศาลเพื่อออกหมายจับทั้งสอง และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ส่วนข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวนั้น เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป

สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม-7 สิงหาคม 67 หลังชุดสืบนครบาลได้สืบสวนติดตามตัว “เจมส์ ทศกัณฑ์” ซึ่งตระเวนก่อเหตุซ้อนแผน ฉกโทรศัพท์อย่างแยบยลด้วยการลวงให้ส่งของผ่านบริการรถรับจ้าง แล้วใช้จังหวะช่องโหว่ลักโทรศัพท์เหยื่อเป็นจำนวนมาก โดยก่อเหตุลักษณะเดียวกันต่อเนื่องมาหลายคดีในพื้นที่ สน.ปทุมวัน, สน.ทองหล่อ และ สน.หัวหมาก จนถูกออกหมายจับ

ระหว่างที่ชุดสืบนครบาลไล่ล่าติดตามจับกุมตัวได้ไปพบกับลูกสาวของนายเจมส์ วัย 14 ปี เล่าว่า นายเจมส์เป็นพ่อแท้ๆ ของตน โดยเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ระหว่างตนเองนั่งอยู่บนรถยนต์กับพ่อ พ่อชวนให้ทำหนังผู้ใหญ่ OnlyFans จากนั้นพาไปฉีดยาคุมที่คลินิกย่านทุ่งครุ ก่อนพาตัวเข้าไปในบ้านพักย่านคลองหลวง ตนพยายามขัดขืน แต่พ่อข่มขู่พร้อมกับยึดโทรศัพท์ ก่อนขังตนไว้ในบ้านพัก จากนั้นเริ่มลงมือข่มขืนตนกว่า 7 วัน 7 คืน อีกทั้งยังออกไปตระเวนหาคนเพื่อให้มาข่มขืนตน เพื่อจะถ่ายคลิป 18+

นอกจากนี้พ่อยังเรียกภรรยาคนใหม่ พร้อมกับชายแปลกหน้าที่หามา ให้มาร่วมถ่ายคลิปพร้อมกับตน ตนถูกกระทำชำเราทุกวันจนทนไม่ไหว จึงพยายามหลบหนี แอบเอาโทรศัพท์ทักไปบอกญาติ แต่ถูกจับได้ ถูกทำร้ายตบตีและข่มขู่ สุดท้ายเมื่อออกจากบ้านมาได้จึงเดินทางไปแจ้งความ

นำมาสู่การอนุมัติหมายจับนายเจมส์ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน” แต่หลังจากเรื่องแดงขึ้น นายเจมส์ไหวตัวทัน ทำลายหลักฐาน ถอดกล้องวงจรปิดในบ้านพักหลังดังกล่าว ก่อนหลบหนีออกนอกพื้นที่

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงส่งชุดสารวัตรแจ๊ะติดตามไล่ล่าคนร้ายรายนี้จนได้เบาะแสว่าหลบหนีไปอยู่ที่บ้านเช่าในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงนำกำลังเข้าจับกุม โดยขณะจับกุม นายเจมส์อยู่กับแฟนสาวภายในบ้านพัก พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืนลูกสาวตัวเองและไม่ได้ทำเว็บโป๊

แต่เมื่อเค้นสอบขยายผลจนได้ข้อมูลว่านายเจมส์วางแผนกับแฟนสาวทำมิดีมิร้ายกับลูกสาวจริง ไม่ว่าจะแอบวางยาและวางแผนการอื่นๆ นอกจากนี้ยังพบว่าเปิดเป็นแอดมินกลุ่มลับ “มิกิ” ไลฟ์โป๊เปลือยแนววิปริต โดยตระเวนให้แฟนของตัวเองไปนอนกับชายอื่นแล้วไลฟ์จำนวนมาก อีกทั้งยังพบแชทการวางแผนของนายเจมส์ที่จะให้ชายอื่นมามีเพศสัมพันธ์กับลูกสาวตัวเอง และยังพบหลักฐานการแบล็กเมล์ หลอกให้เด็กสาววัย 15 ปี ถ่ายเรือนร่าง แล้วขู่เอาเงิน 5,000 บาท

ในชั้นจับกุม “เจมส์ ทศกัณฐ์” ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเองไม่ได้ทำหนังโป๊ แต่ที่ตำรวจพบคือการไลฟ์การมีเพศสัมพันธ์ ส่วนที่ลูกสาวแท้ๆ ไปแจ้งความเพราะตนไม่ยอมซื้อโทรศัพท์ไอโฟนให้ ลูกเลยไปแจ้งความดำเนินคดี ส่วนที่ย้ายที่อยู่บ่อยๆ ไม่ได้เป็นการหลบหนี แต่เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ยอมรับว่าทำคลิปโป๊จริง โดยจะให้แฟนคนปัจจุบันเป็นนักแสดงหลัก ตระเวนหาชายอื่นและโลเกชั่นอื่นๆ เพื่อถ่ายทำ บางครั้งให้ชายแปลกหน้า 2 คน มามีเพศสัมพันธ์กับแฟนตัวเอง ยอมรับว่าเป็นรสนิยมของทั้งตนและแฟน แต่ยังปฏิเสธว่าไม่ได้ทำเช่นนี้กับลูกสาวตัวเอง เป็นเพราะเด็กกุเรื่องขึ้นมาเอง

ทั้งนี้ ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหา เพราะจากการขยายผลพบพยานหลักฐานสอดคล้องไปทางคำให้การของฝ่ายผู้เสียหาย อีกทั้งยังพบหลักฐานการทำลายพยานหลักฐานและการหลบหนีของผู้ต้องหา รวมทั้งยังพบพยานหลักฐานที่เป็นความผิดอีกหลายข้อหา โดยยังพบว่ามีเด็กสาววัย 15 ปี กำลังตกเป็นเหยื่อการแบล็กเมล์ของคนร้ายอีกด้วย

นอกจากนี้ เจมส์ ทศกัณฐ์ ยังเคยมีประวัติคดีอาญาอีก 7 คดี คือ 1.วันที่ 21 มีนาคม 63 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” พื้นที่ สภ.ผึ่งแดด จ.มุกดาหาร 2.วันที่ 16 กรกฎาคม 65 ถูกจับกุมข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” พื้นที่ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 3.วันที่ 29 ธันวาคม 65 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สน.ปทุมวัน

4.วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 66 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” พื้นที่ สน.ทองหล่อ 5.วันที่ 30 มีนาคม 66 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ความผิดตาม พ.ร.บ.เช็คฯ” พื้นที่ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 6.วันที่ 7 เมษายน 66 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” พื้นที่ สน.หัวหมาก

ล่าสุด คดีที่ 7 วันที่ 31 กรกฎาคม 67 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีและเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน” พื้นที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี .-418-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]