คุมตัว “เจมส์” กักขังลูกสาวแท้ๆ ดำเนินคดีที่ สภ.คลองหลวง

15 ก.ย. – สืบนครบาลคุมตัว “เจมส์ ทศกัณฐ์” ลวงลูกสาวแท้ๆ วัย 14 ปี ถ่ายคลิปทำ OnlyFans และกักขังข่มขืน 7 วัน 7 คืน ไปดำเนินคดีที่ สภ.คลองหลวง


ความคืบหน้ากรณีนายอนณ หรือ “เจมส์ ทศกัณฐ์” อายุ 32 ปี จับลูกสาวตัวเองวัย 14 ปี ขังในบ้านแล้วลงมือข่มขืน บังคับถ่ายคลิปทำ OnlyFans อีกทั้งยังตระเวนหาชายแปลกหน้ามาข่มขืนลูกสาวและภรรยาตัวเองแบบ “ทรีซั่ม” กว่า 7 วัน 7 คืน เพื่อถ่ายคลิป 18+

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.10 น. ชุดสืบนครบาลควบคุมตัว “เจมส์ ทศกัณฐ์” พร้อมภรรยาที่ร่วมก่อเหตุ ออกจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ไปส่งดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีและเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน” แล้ว


โดยระหว่างควบคุมตัวขึ้นรถตู้ ผู้สื่อข่าวสอบถามข้อเท็จจริงว่า นายเจมส์ข่มขืนลูกสาวตนเองตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ นายเจมส์ ระบุว่า “ไม่ได้ทำครับ” อ้างว่าตนเองมีหลักฐานเป็นแชทที่ฝั่งผู้เสียหายสมยอม พร้อมกับปฏิเสธอ้างว่าตัวผู้เสียหายไม่แน่ใจว่าใช่ลูกสาวแท้ๆ ของตน เพราะตนเองเลิกรากับแม่เด็กไปตั้งแต่ก่อนที่เขายังไม่เกิด ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่าสิ่งที่ผู้เสียหายต้องการนั่นก็คือเงิน

ขณะเดียวกัน ช่วงเวลา 12.50 น. ตำรวจสืบนครบาลพาตัวหญิงซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของนายเจมส์ ขึ้นรถตู้ไปรอนายเจมส์ โดยในระหว่างเดินขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงว่ามีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของนายเจมส์หรือไม่ ปรากฏหญิงสาวคนดังกล่าวไม่ตอบคำถามใดๆ

ทั้งนี้ จากรายงานการสืบสวนสอบสวน เปิดเผยว่า นายเจมส์ยังคงให้การปฏิเสธในข้อกล่าวหา ส่วนที่นายเจมส์กล่าวอ้างว่าผู้เสียหายไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตนนั้น ทางสืบนครบาลมีข้อมูลยืนยันแน่ชัดว่าผู้เสียหายคือลูกของนายเจมส์จริงๆ


หลังจากนำตัวนายเจมส์ส่งดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี แล้ว เจ้าหน้าที่สืบนครบาลจะดำเนินการร้องทุกข์เพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อเอาผิดนายเจมส์ และหญิงซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของนายเจมส์ ในข้อหาผลิตและครอบครองสื่อลามกเด็ก กับข้อหานำเข้าข้อมูลลามกสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ขออำนาจศาลเพื่อออกหมายจับทั้งสอง และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ส่วนข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวนั้น เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป

สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม-7 สิงหาคม 67 หลังชุดสืบนครบาลได้สืบสวนติดตามตัว “เจมส์ ทศกัณฑ์” ซึ่งตระเวนก่อเหตุซ้อนแผน ฉกโทรศัพท์อย่างแยบยลด้วยการลวงให้ส่งของผ่านบริการรถรับจ้าง แล้วใช้จังหวะช่องโหว่ลักโทรศัพท์เหยื่อเป็นจำนวนมาก โดยก่อเหตุลักษณะเดียวกันต่อเนื่องมาหลายคดีในพื้นที่ สน.ปทุมวัน, สน.ทองหล่อ และ สน.หัวหมาก จนถูกออกหมายจับ

ระหว่างที่ชุดสืบนครบาลไล่ล่าติดตามจับกุมตัวได้ไปพบกับลูกสาวของนายเจมส์ วัย 14 ปี เล่าว่า นายเจมส์เป็นพ่อแท้ๆ ของตน โดยเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ระหว่างตนเองนั่งอยู่บนรถยนต์กับพ่อ พ่อชวนให้ทำหนังผู้ใหญ่ OnlyFans จากนั้นพาไปฉีดยาคุมที่คลินิกย่านทุ่งครุ ก่อนพาตัวเข้าไปในบ้านพักย่านคลองหลวง ตนพยายามขัดขืน แต่พ่อข่มขู่พร้อมกับยึดโทรศัพท์ ก่อนขังตนไว้ในบ้านพัก จากนั้นเริ่มลงมือข่มขืนตนกว่า 7 วัน 7 คืน อีกทั้งยังออกไปตระเวนหาคนเพื่อให้มาข่มขืนตน เพื่อจะถ่ายคลิป 18+

นอกจากนี้พ่อยังเรียกภรรยาคนใหม่ พร้อมกับชายแปลกหน้าที่หามา ให้มาร่วมถ่ายคลิปพร้อมกับตน ตนถูกกระทำชำเราทุกวันจนทนไม่ไหว จึงพยายามหลบหนี แอบเอาโทรศัพท์ทักไปบอกญาติ แต่ถูกจับได้ ถูกทำร้ายตบตีและข่มขู่ สุดท้ายเมื่อออกจากบ้านมาได้จึงเดินทางไปแจ้งความ

นำมาสู่การอนุมัติหมายจับนายเจมส์ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน” แต่หลังจากเรื่องแดงขึ้น นายเจมส์ไหวตัวทัน ทำลายหลักฐาน ถอดกล้องวงจรปิดในบ้านพักหลังดังกล่าว ก่อนหลบหนีออกนอกพื้นที่

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงส่งชุดสารวัตรแจ๊ะติดตามไล่ล่าคนร้ายรายนี้จนได้เบาะแสว่าหลบหนีไปอยู่ที่บ้านเช่าในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงนำกำลังเข้าจับกุม โดยขณะจับกุม นายเจมส์อยู่กับแฟนสาวภายในบ้านพัก พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืนลูกสาวตัวเองและไม่ได้ทำเว็บโป๊

แต่เมื่อเค้นสอบขยายผลจนได้ข้อมูลว่านายเจมส์วางแผนกับแฟนสาวทำมิดีมิร้ายกับลูกสาวจริง ไม่ว่าจะแอบวางยาและวางแผนการอื่นๆ นอกจากนี้ยังพบว่าเปิดเป็นแอดมินกลุ่มลับ “มิกิ” ไลฟ์โป๊เปลือยแนววิปริต โดยตระเวนให้แฟนของตัวเองไปนอนกับชายอื่นแล้วไลฟ์จำนวนมาก อีกทั้งยังพบแชทการวางแผนของนายเจมส์ที่จะให้ชายอื่นมามีเพศสัมพันธ์กับลูกสาวตัวเอง และยังพบหลักฐานการแบล็กเมล์ หลอกให้เด็กสาววัย 15 ปี ถ่ายเรือนร่าง แล้วขู่เอาเงิน 5,000 บาท

ในชั้นจับกุม “เจมส์ ทศกัณฐ์” ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเองไม่ได้ทำหนังโป๊ แต่ที่ตำรวจพบคือการไลฟ์การมีเพศสัมพันธ์ ส่วนที่ลูกสาวแท้ๆ ไปแจ้งความเพราะตนไม่ยอมซื้อโทรศัพท์ไอโฟนให้ ลูกเลยไปแจ้งความดำเนินคดี ส่วนที่ย้ายที่อยู่บ่อยๆ ไม่ได้เป็นการหลบหนี แต่เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ยอมรับว่าทำคลิปโป๊จริง โดยจะให้แฟนคนปัจจุบันเป็นนักแสดงหลัก ตระเวนหาชายอื่นและโลเกชั่นอื่นๆ เพื่อถ่ายทำ บางครั้งให้ชายแปลกหน้า 2 คน มามีเพศสัมพันธ์กับแฟนตัวเอง ยอมรับว่าเป็นรสนิยมของทั้งตนและแฟน แต่ยังปฏิเสธว่าไม่ได้ทำเช่นนี้กับลูกสาวตัวเอง เป็นเพราะเด็กกุเรื่องขึ้นมาเอง

ทั้งนี้ ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหา เพราะจากการขยายผลพบพยานหลักฐานสอดคล้องไปทางคำให้การของฝ่ายผู้เสียหาย อีกทั้งยังพบหลักฐานการทำลายพยานหลักฐานและการหลบหนีของผู้ต้องหา รวมทั้งยังพบพยานหลักฐานที่เป็นความผิดอีกหลายข้อหา โดยยังพบว่ามีเด็กสาววัย 15 ปี กำลังตกเป็นเหยื่อการแบล็กเมล์ของคนร้ายอีกด้วย

นอกจากนี้ เจมส์ ทศกัณฐ์ ยังเคยมีประวัติคดีอาญาอีก 7 คดี คือ 1.วันที่ 21 มีนาคม 63 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” พื้นที่ สภ.ผึ่งแดด จ.มุกดาหาร 2.วันที่ 16 กรกฎาคม 65 ถูกจับกุมข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” พื้นที่ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 3.วันที่ 29 ธันวาคม 65 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สน.ปทุมวัน

4.วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 66 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” พื้นที่ สน.ทองหล่อ 5.วันที่ 30 มีนาคม 66 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ความผิดตาม พ.ร.บ.เช็คฯ” พื้นที่ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 6.วันที่ 7 เมษายน 66 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” พื้นที่ สน.หัวหมาก

ล่าสุด คดีที่ 7 วันที่ 31 กรกฎาคม 67 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีและเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน” พื้นที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี .-418-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]