กรุงเทพฯ 10 ก.ย. – อัยการคดีพิเศษเลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้อง 2 ผู้ต้องหา คดีลักเรือน้ำมันเถื่อน เป็น 10 ต.ค.67 หลังพนักงานอัยการมีความเห็นให้สั่งสอบสวนเพิ่มเติม
จากกรณีคดีลักเรือน้ำมันเถื่อน พร้อมของกลางกว่า 3 แสนลิตร หายไป ที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา สำนวนคดีของตำรวจถูกส่งให้กับพนักงานอัยการคดีพิเศษแล้ว เพื่อพิจารณาสั่งฟ้อง โดยวันนี้ที่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ 2 ได้นัดผู้ต้องหาในคดีมานัดฟังคำสั่งในวันนี้
ที่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ 2 ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 2 ได้นัดผู้ต้องหาในคดีลักเรือนำมันเถื่อนของกลาง มาฟังคำสั่งฟ้องในคดี ภายหลังที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม นำสำนวนคดี จำนวน 6,240 เเผ่น มาให้กับพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ พิจารณา เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา
นายประยุทธ์ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้มีคำสั่งเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีทั้งหมด 21 คน โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ๆ แรกเป็นผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างควบคุมตัวในเรือนจำ จำนวน 8 คน โดยมีกำหนดครบฝากขังในวันที่ 11 กันยายน กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนี และกลุ่มที่ 3 เป็นผู้ต้องหาจำนวน 2 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาลำดับที่ 20 และ 21 ซึ่งทราบนัดรับฟังคำสั่งในวันนี้ แต่จากสำนวนพนักงานอัยการมีความเห็นให้สั่งสอบสวนเพิ่มเติม จึงได้เลื่อนการทราบนัดออกไป 1 เดือน โดยนัดอีกครั้งในวันที่ 10 ตุลาคม 2567 เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ 2
ในส่วนของสาเหตุที่พนักงานอัยการได้สั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากพนักงานสอบสวนสั่งฟ้องเพียงข้อหา ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้น และยินยอมให้ผู้อื่นเปิดบัญชีเพื่อใช้ในการกระทำความผิด พนักงานอัยการจึงเห็นให้สั่งสอบสวนเพิ่มเติมในข้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สิ้นกระแสความ
ส่วนผู้ต้องหาในคดีจำนวน 8 คน พนักงานอัยการสามารถสั่งฟ้องต่อศาลได้ เนื่องจากผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวตามอำนาจศาลไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนี จำนวน 11 คน พนักงานสอบสวนต้องแนบหมายจับไปและตำหนิรูปพรรณสัณฐานของผู้ต้องหาทั้งหมด รวมถึงความเห็นสั่งฟ้องส่งให้กับพนักงานอัยการ ซึ่งในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนที่อัยการจะมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา. -412-สำนักข่าวไทย