หนุ่มใหญ่ซิ่งรถอีแต๊ก ชาวบ้านตำรวจช่วยกันไล่จับ

กทม. 8 ก.ย.-หนุ่มใหญ่ซิ่งรถอีแต๊กหวาดเสียวในพื้นที่กรุงเทพฯ ชาวบ้านและตำรวจช่วยกันไล่จับ

จากกรณีตำรวจ สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุประชาชนช่วยกันไล่จับคนร้ายขับรถอีแต๊ก ด้วยความหวาดเสียว จากพื้นที่ของ สน.ปทุมวัน โดยมี ส.ต.ต.พรหมมินทร์ ฤทธิ์ชัยสงค์ ผบ.หมู่(ป) สน.ปทุมวัน ช่วยในการไล่จับ แต่เมื่อมาถึงเชิงสะพานข้ามคลองแสนแสบ จึงใช้ปืนพกยิงเข้าที่ยางหลังด้านซ้าย 2 นัด จนยางแตก และยิงอีกนัดบริเวณแยกคลองตัน จนรถเสียหลักวิ่งขึ้นเกาะกลางถนน จากนั้นคนร้ายทราบชื่อภายหลังคือ นายบัญชา อายุ 45 ปี ได้วิ่งหลบหนีไปถึงหน้าการไฟฟ้าบางกะปิ ชาวบ้านที่ตามมาต่างกรูกันวิ่งตามไปด้วยความโกรธแค้น กระทั่งคนร้ายหมดแรง ถูกชาวบ้านจับตัวไว้ได้ และลงประชาทัณฑ์จนคนร้ายแน่นิ่งไป และทราบภายหลังว่าเสียชีวิตที่โรงพยาบาล จากนั้นส่งศพไปชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ


จากการสอบถาม พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.หัวหมาก บอกว่าจากการตรวจสอบทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าของรถอีแต๊ก ไม่ได้ไปขโมยมา และได้ขับมาจาก อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อมาหาญาติในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่วนรายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผย และเมื่อถามถึงกรณีที่ชาวบ้านไปรุมทำร้ายจนผู้เสียชีวิตแน่นิ่งไปจะมีความผิดหรือไม่ เบื้องต้นผู้กำกับ ระบุว่า ตนไม่ได้รับรายงานว่ามีการรุมประชาทัณฑ์ แต่ได้รับรายงานว่าชาวบ้านไปช่วยกันไล่จับ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและประสานกลุ่มชาวบ้านเข้ามาสอบปากคำ ส่วนตัวผู้เสียชีวิตตอนนี้อยู่ที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ต้องรอผลชันสูตรว่าเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร เบื้องต้นพบยาเสพติดภายในกระเป๋าของผู้เสียชีวิต เป็นยาบ้า 9 เม็ด กับไอซ์ 1 ถุง

นายสุรกิตติ เจ้าที่กู้ภัยที่อยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า ตนได้รับแจ้งเหตุเกิดประมาณ 00.10 น. ว่าพบรถอีแต๊กขับในพื้นที่ถนนในลักษณะหวาดเสียวโดยที่มีชาวบ้านและพลเมืองดีไล่ตามกันมา เพราะกังวลว่าจะขับไปชนกับใครเหมือนกับเหตุการณ์รถ 10 ล้อที่พระราม 4 ส่วนตำรวจที่ติดตามจับกุม ไม่ทราบว่าเป็นตำรวจ สน.ไหน (ทราบภายหลังเป็นตำรวจ สน.ปทุมวัน) เมื่อมาถึงบริเวณแอร์พอร์ตลิ้งค์รามคำแหง รถอีแต๊กเกิดอาการเสียหลักหมุน ทำให้คนขับลงจากรถและวิ่งหนี จากนั้นชาวบ้าน พลเมืองดี และตำรวจวิ่งตามไล่จับ เมื่อถึงตัว ตำรวจจึงใช้ยุทธวิธีในการสกัดจับและควบคุมตัวโดยให้คว่ำหน้า มือไพร่หลัง ใส่กุญแจมือ และประสานตำรวจท้องที่มารับตัว แต่ระหว่างนั้นตนเองได้ตรวจดูทรัพย์สินของคนขับเพื่อหาเอกสารประจำตัวจากกระเป๋า เมื่อเปิดไปก็พบอุปกรณ์การเสพและยาบ้าจำนวนหนึ่ง จึงเรียกตำรวจให้ตรวจสอบ แต่ระหว่างนั้นตนเห็นคนขับอาการไม่ดีเนื่องจากปัสสาวะราด น้ำลายฟูมปาก หายใจเร็วและแรง และตาค้าง ตนจึงให้ตำรวจถอดกุญแจมือ เพื่อจะเช็กอาการ พบว่าไม่มีชีพจรจึงทำการปั๊มหัวใจและใช้เครื่องช็อตไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก่อนศูนย์เอราวัณมาถึง จากนั้นใช้เวลาอีกประมาณ 30 นาทีในการช่วยเหลือจนชีพจรกลับมาก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดและทราบภายหลังว่าเสียชีวิตที่โรงพยาบาล


นายสุรกิตติ ยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีการรุมประชาทัณฑ์ เพราะตัวของคนขับไม่มีร่องรอยบาดแผล ใบหน้าไม่ปูดบวม มีเพียงรอยถลอกจากการยื้อเล็กน้อยเท่านั้น

ทางด้าน อารีรัตน์ อายุ 43 ปี น้องสาวของผู้เสียชีวิต ระบุว่า ตอนนี้ทางญาติยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของพี่ชาย เพราะในคลิปการจับกุม ในขณะที่ใส่กุญแจมือนั้น เห็นมีคนเอาเท้าเหยียบพี่ชาย คาดว่าอาจจะขาดอาการตอนนั้นหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ทางบ้านลำบากมาก เพราะพี่ชายคอยดูแลพ่อกับแม่ที่เป็นอัลไซเมอร์ที่บ้าน และคอยทำเกษตรเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้าน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีใครคอยดูพ่อแม่ ซึ่งปกติพี่ชายสติไม่ดีอยู่แล้ว เคยรักษาอาการติดยาเสพติด ในวันเกิดเหตุพี่ชายกำลังเดินทางไปหาญาติอีกที่ใน กทม. เพื่อไปกินข้าวกัน แต่กลับเกิดเหตุเสียก่อน ตอนญาติแจ้งต่อๆ กันมาว่าพี่ชายเสียชีวิต ก็ได้ไปรับศพที่นิติเวช แพทย์ไม่ได้ระบุการเสียชีวิต ต้องรอผล 2 เดือน ซึ่งขณะนี้ได้รับศพมาฝังตามพิธีทางศาสนาเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้อยากให้ทางตำรวจ และแพทย์ ตรวจสอบสาเหตุการตายให้แน่ชัด ถ้าเกิดจากการเสพยาเสพติดเกินขนาด ทางญาติก็จะยอมรับผล

นอกจากนี้ทางทีมข่าวยังได้โทรหาหลานสาวของคุณบัญชา ที่อยู่กับคุณบัญชา คนสุดท้าย ระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. น้าได้เข้ามาที่บ้านที่ซอยกรุงเทพกรีฑา พอมาถึงก็ขอกินน้ำ สักพักน้าก็ขับรถออกไปข้างนอก แต่ตนคิดว่าอีกสักพักน้าคงกลับมา แต่ก็ไม่มีใครสามารถติดต่อได้เลย ตอนเจอกันก็อาการปกติ แต่ไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกันมาก เพราะเป็นช่วงเวลาที่ตนจะเข้านอน จนมีคนมาบอกว่าเห็นคนอีแต๊กอยู่ที่ สน. เลยไปดูปรากฏว่าเป็นรถของน้าจริงๆ ตนเองทราบว่าน้าเคยมีประวัติเสพยา แต่หลังจากการบำบัดก็ไม่เคยทราบอีกว่ากลับมาเสพหรือไม่ ปกติน้าจะเดินทางมาเดือนละ 3-4 วัน แบบ ไป-กลับ เพราะเขามีลูกอยู่ที่ กทม. ตอนนี้ทางญาติก็ยังคงติดใจ ว่าน้าไปเสียชีวิตตรงนั้นได้อย่างไร ทั้งที่ทางเส้นนี้ไม่ใช่ทางผ่าน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน แต่ถ้าผลชันสูตรพบว่าเป็นการเสพยาเกินขนาดทางญาติก็จะยอมรับ.-420.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง