กรุงเทพฯ 2 ก.ย. – สาวแบงก์งงถูกตามด่าหาว่าแย่งผัวนาน 5 ปี ทั้งที่ไม่รู้จักกัน ขู่จะสาดน้ำกรดผ่านหน้าโซเชียล จนคนรอบข้างรุมด่าทอ
น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี ผู้เสียหาย เข้าร้องทุกข์กับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกด่าว่าเเย่งผัวชาวบ้านนานกว่า 5 ปี และถูกข่มขู่ต่างๆ นานา โดยเปิดเผยว่า ทำงานเป็นพนักธนาคารเเห่งหนึ่ง กระทั่งปี 62 พี่สาวบอกว่า มีผู้หญิงรายหนึ่งทักแชทมาหาพี่สาวแล้วบอกว่าตนเองไปแย่งผู้ชาย ซึ่งผู้ชายคนนี้ทำงานอยู่ที่เดียวกับตนแต่ไม่เคยมีการคุยกันส่วนตัว จากนั้นหญิงคนดังกล่าวก็ได้มาหาตนที่ทำงานและเข้ามาถามกับตนว่าได้พูดคุยเชิงชู้สาวกับแฟนของฝ่ายหญิงหรือไม่ ถ้าหากคุยทางฝ่ายหญิงจะเลิกรากับแฟนให้แต่ตนก็ได้ปฏิเสธไป เพราะไม่เคยคุยเรื่องส่วนตัวกับฝ่ายชายเลย และขณะนั้นตนเองมีแฟนเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว ก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ให้โทรศัพท์กับฝ่ายหญิงโทรหาฝ่ายชายว่าไม่ได้มีการแลกเบอร์ไว้ติดต่อกัน ซึ่งทางฝ่ายหญิงก็ขอโทษและยอมรับว่าเข้าใจผิด เเต่หลังเหตุการณ์ดังกล่าวเพียงคืนเดียว ทางฝ่ายหญิงก็ยังโพสต์ข่มขู่เชิงเมียหลวงฆ่าเมียน้อย ตนจึงตัดสินใจบล็อกทุกช่องทางกับทางฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย เพราะคิดว่าเรื่องจบแล้วและไม่อยากติดต่อใครทั้งสิ้น
หลังจากนั้นประมาณ 1-2 ปี มีบุคคลหนึ่งโพสต์ด่าตนอย่างต่อเนื่อง จนต้องไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ แต่ขณะนั้นตำรวจไม่ได้รับแจ้งความ และที่หนักสุดคือมีการโพสต์รูปหน้าบ้านของตน นำมาลงผ่าน Instagram พร้อมข่มขู่ว่าทราบที่อยู่ของตน และเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา แอคเคาท์นั้นได้แชทหาตนและด่าทออีกเช่นเคย และมีการทักข้อความบอกตนว่า จำได้ว่าแย่งผัวเมื่อหลายปีที่ผ่านมา จะทำการฟ้องชู้ เพราะจดทะเบียนสมรสกับฝ่ายชายแล้ว ตนเองจึงบอกว่าให้ฟ้องเลย จากนั้นตนก็ได้บล็อกข้อความดังกล่าวไป
ล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคม มีคนทักไปหาแม่ของตน บอกว่าให้สั่งสอนลูกให้ดีหน่อย อย่าให้ไปแย่งผัวชาวบ้าน พร้อมเพิ่มเพื่อนและไล่ทักเพื่อนของแม่ตนเองเพื่อประจานในทางเสียหาย และจะตามล่าหาให้เจอ และขู่จะสาดน้ำกรดใส่ อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกงงมากตอนเจอกับทั้ง 2 คน สามีภรรยาคู่นี้ก็ดูท่าทีปกติ ไม่ได้เหมือนคนโรคจิต รู้สึกอึดอัดที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้มานานกว่า 5 ปี และเรื่องราวยังลามไปถึงครอบครัวและหลาน ยืนยันไม่เคยยุ่งกับสามีชาวบ้าน และตนเองก็ชอบผู้หญิง
ขณะที่นายเอกภพ กล่าวว่า เคสดังกล่าวมีความผิดชัดเจน ทั้งการแชร์รูปต่าง ๆ ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งผู้เสียหายเองได้ไปแจ้งความที่โรงพักไว้ 6 ครั้ง ที่ สน.บางซื่อ 4 ครั้ง ในช่วง ปี 62- 66 และ ที่ สน.พญาไท ปี 67 อีก 2 ครั้งแล้ว ทั้งนี้ ตนจะประสานไปยัง ผบก.สอท.1 ให้ช่วยเหลือ หลังผู้เสียหายถูกคุกคาม.-416- สำนักข่าวไทย