ร้อง “กัน จอมพลัง” ถูกเพื่อนบ้านลูกตำรวจ คุกคามนาน 6 ปี

กรุงเทพฯ 1 ก.ย.-ผู้เสียหายร้อง “กัน จอมพลัง” หลังถูกเพื่อนบ้านลูกตำรวจ คุกคามนาน 6 ปี

ครอบครัวจากจังหวัดนครราชสีมา มาร้องทุกข์กับนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง หลังถูกเพื่อนบ้านซึ่งเป็นหนุ่มข้าราชการมีพ่อเป็นตำรวจยศใหญ่ คุกคามมานานนับ 10 ปี อาทิ ปาขวดใส่หลังคาบ้านตอนกลางคืน, นำปืนมาชักสไลด์เสียงดัง จนทำให้เกิดความหวาดกลัว, กวาดขยะแล้วเอามาเทในบ้าน, นำเลเซอร์มาส่องใส่กล้องวงจรปิดจนได้รับความเสียหาย, ทำร้ายร่างกายแม่และพ่อของผู้เสียหาย ฯลฯ ทั้งนี้เมื่อแจ้งไปยังหน่วยงานให้เข้ามาดำเนินการแต่ได้รับคำตอบให้ไปฟ้องเอาเอง


ด้านผู้เสียหายซึ่งเป็นแม่ อายุ 50 ปี เล่าเหตุการณ์ว่า เหตุการณ์เริ่มมีปัญหาตั้งแต่ 2561 จากลูกสาวคนเล็กเกิดโทรศัพท์เสีย จึงไปยืมโทรศัพท์ของนายกร ซึ่งเป็นลูกตำรวจที่เป็นเพื่อนบ้านกันมานาน 10 ปี ลูกสาวได้ใช้ 3-4 วัน หลังจากนั้นลูกชายตำรวจมาแจ้งว่าโทรศัพท์เสีย เขาอ้างว่าโทรศัพท์เสียจะต้องส่งไปซ่อมที่สิงคโปร์เป็นยอดเงิน 1,600 บาท ซึ่งตอนนั้นตัวเองยินดีที่จะชดใช้ให้ ทั้งนี้ฝั่งของแม่ได้พูดกับลูกสาวว่าไม่ชอบพฤติกรรมของลูกที่ไปเอาโทรศัพท์คนอื่นไปใช้ จึงลงโทษลูกโดยต้องเอาเงินเก็บของลูกสาวมาใช้ เพราะไม่อยากลงโทษด้วยการตี แต่ในช่วงที่เขาทวงมาในวันนั้นแม่ไม่สบาย เมื่อเขาแชทมาทวงถามเรื่องเงิน ทางแม่ไม่ได้เปิดแชทอ่านเพียงหนึ่งวัน หลังจากนั้นเขาก็ไปฟ้องพ่อเขาซึ่งเป็นตำรวจว่าทางฝ่ายเราไม่รับผิดชอบเรื่องโทรศัพท์

ผู้เสียหายเล่าอีกว่า หลังจากนั้นมีประเด็นกับนายตำรวจผู้เป็นพ่อ หลังจากที่ฝ่ายตัวเองไปแจ้งความกับบุคคลหนึ่งในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากมีการโพสต์ด่ากันผ่านทางเฟซบุ๊ก จึงไปแจ้งความที่โรงพักแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมาเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ทางตำรวจคนดังกล่าวจึงได้เข้ามารับทำคดีให้ ส่วนที่แจ้งความดำเนินคดีเพราะไม่อยากได้เงิน แต่ต้องการให้คู่กรณีมาขอขมาหรือขอโทษเท่านั้น แต่ทางตำรวจได้ไกล่เกลี่ยให้ตกลงยอมความกันที่ยอดเงินจำนวน 30,000 บาท ทั้งนี้ฝ่ายตัวเองบอกว่าหากได้เงินมาจะนำเงินดังกล่าวไปทำบุญ แต่เมื่อได้เงินมาก็ยังไม่ได้มีการนำไปทำบุญ หลังจากนั้นนายตำรวจคนนี้ก็มาทวงถามเรื่องเงินส่วนหนึ่งที่จะนำไปทำบุญแต่ก็ไม่ได้ให้กัน จากนั้นกลายเป็นประเด็นมาเรื่อยๆ และเกิดความไม่พอใจซึ่งกันและกัน เพราะไม่ได้นำเงินในส่วนนั้นไปให้


ผู้เสียหายเล่าว่า ครอบครัวโดนระรานมาเรื่อยๆ 4 ครั้ง ครั้งแรกที่ได้ทำบุญขึ้นบ้านใหม่โดนถูกปาขวดเข้ามาในบ้านทำให้เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นกระจกแตกร้าว จึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดี แต่กว่าจะขึ้นศาลก็ใช้เวลานาน โดยตำรวจบอกว่าให้ไปพูดคุยกันก่อน เมื่อไปแจ้งความทีหลังก็อ้างว่าคดีขาดอายุความ เนื่องจากไปแจ้งความในคดีอาญาเกินกว่า 90 วัน จุดประสงค์ที่ไปแจ้งความเพราะเห็นว่าใครทำโดยเห็นว่าเป็นลูกนายตำรวจเพื่อนบ้าน จึงมีการชะลอเรื่องเอาไว้ทำให้คดีขาดอายุความ ตัวเองจึงไปร้องเรียนกับทางผู้กำกับการว่ามีเจตนาที่จะดำเนินคดีทำไมไม่ทำเรื่องให้ หลังจากนั้นก็มีการทำเอกสารกลับมาว่าจะทำเรื่องให้ หลังจากที่เริ่มมีปัญหาโคมไฟหน้าบ้านก็ถูกทุบและมีการกดกริ่งเรียกคนในบ้านแต่ตัวเองไม่ทราบว่าเป็นใคร ในเวลานั้นมีเรื่องเพียงแต่กับเขา

จากนั้นก็ถูกทุบกล้องวงจรปิดก็ไปแจ้งความอีก แต่ทางโรงพักดังกล่าวบอกว่าหลักฐานไม่ชัดเจน และต่อมาก็มีการขว้างขวดโซดามาที่บ้าน 3-4 ขวด ทั้งนี้เห็นว่าใครเป็นคนทำ เพราะทุกคนอยู่ในบ้าน ได้ใช้เป็นกล้องมือถือถ่ายคลิปเอาไว้เห็นว่านายกรเป็นคนทำ ทั้งนี้ที่บ้านไม่มีปัญหาหรือประเด็นกับใคร จากนั้นก็โดนทั้งทิ้งขยะขว้างเข้ามาเต็มบ้าน โยนไฟที่เอาผ้าใส่ในกระป๋องที่มีน้ำมันโยนเข้ามาในบ้าน จึงไปแจ้งความเอาไว้แต่ทางตำรวจบอกว่าหลักฐานไม่ชัดเจน ไม่เห็นคนทำจึงให้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้

ผู้เสียหายเล่าว่า ต่อมาต้องพาครอบครัวไปย้ายไปอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี เพราะอยู่ไม่ได้ ส่วนลูกสาวคนโตไปเรียนที่เชียงราย ลูกสาวคนเล็กมาเรียนที่กรุงเทพฯ ระหว่างที่มีปัญหาระหว่างกันฝ่ายตัวเองถูกแจ้งดำเนินคดีไป 10 กว่าคดีภายในปี 2561 ถึง 2562 โดยผู้เป็นพ่อโดนแจ้งความ 3 คดี ลูกสาว 2 คดี ส่วนตังเองโดนไป 9 คดี ส่วนใหญ่เป็นข้อหาแจ้งความเท็จ เพราะที่ไปแจ้งความหลักฐานไม่ชัดเจน เขาจึงแจ้งความกลับ


ทั้งนี้ระหว่างที้กำลังไปแจ้งความกรณีที่โดนขวางขวดมาที่บ้านอยู่บนโรงพัก นายกรก็มาเดินโวยวายว่าเป็นลูกสารวัตรและเดินมาข้างหลังพ่อพยายามจะตบหัว แต่กลับกลายเป็นว่าพ่อถูกดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย เพราะเอามือสะบัดไปโดนเขาเนื่องจากตกใจ ในคดีขว้างขวดโซดา ศาลลงโทษเสียค่าปรับไป 300 กว่าบาท ส่วนคดีของฝั่งตัวเองศาลยกฟ้องเพราะไม่มีเจตนา จากการตรวจสอบพบว่านายกรมีพ่อเป็นสารวัตรจริง โดยเป็นสารวัตรสอบสวนในโรงพักที่ไปแจ้งความ ก่อนที่จะย้ายไปปฎิบัติหน้าที่ที่โรงพักอื่น

“ส่วนตัวรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ในส่วนที่ตัวเองไปแจ้งความดำเนินคดี บางคดีต้องติดตามนานกว่า 2 ปี ปัจจุบันครอบครัวก็ยังคุกคามอยู่ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ทั้งนี้โดนคุกคามและโดนคดีจนไม่มีเวลาทำมาหากิน
และเป็นห่วงลูกสาว เพราะบางวันก็มีขยะโยนเข้ามาในบ้าน อยากให้เขาหยุดทำพฤติกรรมคุกคาม ให้ต่างคนต่างอยู่ และอยากให้เอาต้นไม้ที่ปลูกขวางทางเข้าบ้านออก“ ผู้เสียหายซึ่งเป็นแม่กล่าว

ด้านกัน จอมพลัง กล่าวว่า ในส่วนของคลิปและมีข้อมูลอีกหลายส่วนที่ยังไม่ครบในส่วนที่เล่าเท่าที่จับใจความได้คือมีปัญหาเรื่องคดี แจ้งความกันไปกันมา ทั้งนี้ตัวเองจะประสานไปยังอธิบดีอัยการคุ้มครองสิทธิ เพื่อมาคุยกันเรื่องคดีว่าจะจบลงอย่างไรเพราะถ้าแจ้งกันไปกันมาก็เสียเวลากันทั้งคู่ จากที่ดูคลิปมีการพิพาทกันกินแหนงแคลงใจกันมานานไม่มีใครมีความสุขทั้งคู่ หากคุยกันไม่ได้จะประสานไปยังผู้บังคับการจังหวัดนครราชสีมา หากพูดคุยกันไม่ลงตัวจะดำเนินคดีกันอย่างไรให้ถึงที่สุดหรือไม่ก็ว่ากันไป ทั้งนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมกับอีกฝ่ายด้วย เพื่อหาทางออกที่ดึ เชื่อว่าปัญหาเพื่อนบ้านจะจบง่ายที่สุดคือการมานั่งพูดคุยกัน.-419.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย