นัดสืบพยานคดี ม.112 ของ “ทักษิณ” เดือน ก.ค. ปีหน้า

กทม. 19 ส.ค. – ศาลตรวจพยานหลักฐานความผิดคดี ม.112 ของ “ทักษิณ ชินวัตร” เสร็จแล้ว ได้ผลว่าฝ่ายโจทก์จะนำพยานขึ้นสืบ 3 นัด ส่วนฝ่ายจำเลยจะนำพยานขึ้นสืบ 4 นัด เริ่มสืบพยานเดือน ก.ค. ปีหน้า


นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยความผิดมาตรา 112 เดินทางมาที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 9.00 น. โดยแต่งกายชุดเสื้อสูทสีเข้ม สวมทับเสื้อเชิ้ตสีเหลือง มีสีหน้ายิ้มแย้ม เดินเข้าหาสื่อ ด้วยสีหน้า แววตา ยิ้มแย้มสดใส ต่างจากวันที่อัยการนำตัวส่งฟ้องศาล และศาลนัดชี้ 2 สถาน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน นายทักษิณ หลบเข้าทางด้านหลังของศาล

วันนี้ นายทักษิณ ยังตอบคำถามสื่อ ถึงประเด็นความมั่นใจในในการต่อสู้คดี 112 ซึ่งโดยรวมบอกว่าไม่กังวลใจ และไม่มีปัญหา หลังให้สัมภาษณ์ นายทักษิณ ก็เดินเข้าไปในศาลทันที โดยมีทีมทนายความติดตามเข้าไปด้วย


สำหรับคดีนี้ อัยการได้ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยต่อศาล เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2567 ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีให้สัมภาษณ์สื่อที่เกาหลีใต้ เหตุเกิดเมื่อปี 2558 โดยหลังยื่นฟ้องศาล นายทักษิณ ได้รับการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ศาลตีราคาประกัน 5 แสนบาทกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และอาจมีคำถามว่าทำไมวันนี้ นายทักษิณ จึงต้องเดินทางมาศาลอาญาด้วยตัวเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้หลายครั้งจะมอบหมายให้ทนายความมาทำหน้าที่แทนที่ศาล คำตอบ คือ ความผิดมาตรา 112 มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปี ดังนั้นจำเลยจึงไม่สามารถร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีลับหลังได้ นายทักษิณ จึงต้องมาศาลด้วยตัวเอง แม้จะมานั่งเพื่อรับฟังขั้นตอนการตรวจพยานหลักฐานเฉยๆ ก็ต้องมาด้วยตัวเอง ซึ่งศาลจะดำเนินการถามทั้งสองฝ่ายคือโจทก์และจำเลยว่ามีพยานกี่ปากเพื่อกำหนดวันสืบพยาน และหากพยานซ้ำซ้อนศาลจะมีคำสั่งให้ตัดออกทันที เพื่อให้กระบวนการพิจารณาคดีไวมากขึ้น

และล่าสุดศาลได้ตรวจพยานหลักฐาน ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยเสร็จสิ้นลงแล้วเมื่อเวลา 11.30 น. ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาตรวจหลักฐานทั้งสิ้น เกือบ 3 ชั่วโมง จากนั้น นายทักษิณ ได้เดินทางออกไปจากศาลขึ้นรถออกไปทันที โดยไม่ได้หยุดพูดคุย หรือให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ แต่มีสีหน้ายิ้มแย้มเป็นปกติ

ต่อมานายวิญญาณ ชาติมนตรี ทนายความ แถลงว่า วันนี้ศาลได้สอบคำให้การจำเลย ซึ่งนายทักษิณให้การปฏิเสธ โดยฝ่ายโจทย์ อ้างพยานนำสืบ จำนวน 10 ปาท โดยเป็นพยานที่มีการสอบสวนไว้แล้ว แต่พยานที่สอบสวนเพิ่มเติมฝ่ายโจทก์ไม่อ้างถึง อาจมองว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อคดี ดังนั้น ฝ่ายจำเลยจึงใช้สิทธิในการอ้างพยานจากฝ่ายโจทก์ดังกล่าวมาเป็นพยานฝ่ายจำเลย โดยเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายจำเลย นอกจากนี้ ฝ่ายจำเลยยังมีพยานอีกหลายปาก ทั้งพยานผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ตรวจพิสูจน์ แผ่นซีดี และเครื่องคอมพิวเตอร์ และการตรวจพยานวันนี้ยังได้ข้อมูลเชิงประจักษ์ว่าข้อมูลที่ฝ่ายโจทก์อ้างถึง ล้วนดึงมาจากระบบอินเทอร์เน็ต ไม่ได้เป็นหลักฐานที่มาจากสถานที่เกิดเหตุจริง


สำหรับ พยานที่ฝ่ายโจทย์ จะนำขึ้นสืบในชั้นศาลมีจำนวน 10 ปาก ฝ่ายจำเลยจำนวน 14 ปาท โดยสารจะเริ่มสืบพยานจำเริญนัดแรกในวันที่ 1,2 และ 3 กรกฎาคม 2568 ส่วนฝ่ายจำเลยจะเริ่มสืบในวันที่ 15, 16, 22 และ 23 กรกฎาคม ปีหน้าเช่นกัน รวมทั้งหมด 7 นัด จากนั้นศาลจะทำคำพิพากษาในขั้นตอนต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้