ตร.เรียกผู้เสียหาย-ผู้ก่อเหตุคดีเกาะกระโปรงรถเข้าให้ปากคำ

สน.ดุสิต 30 ก.ค. – พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เรียกผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุคดีเกาะกระโปรงรถเข้าให้ปากคำ พร้อมพูดคุยค่าเยียวยา


พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ได้เรียกผู้ก่อเหตุ และผู้เสียหายคดีเกาะกระโปรงรถ มาเพื่อชี้ตัวผู้ก่อเหตุ และรายงานความเสียหาย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่คู่กรณีได้มาพบกันหลังจากเกิดเหตุ ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกันเบื้องต้น และพนักงานสอบสวนได้นำตัวอย่างปัสสาวะของผู้ก่อเหตุไปตรวจหาสารเสพติดด้วย

ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้พบกับผู้ก่อเหตุต่อหน้าพนักงานสอบสวน ก็ได้มีการพูดคุยกัน ทำให้รู้สึกคาใจ เนื่องจากผู้ก่อเหตุนั้นมีกิริยาท่าทางเงียบนิ่งเฉยไม่เหมือนกับวันเกิดเหตุ ที่มีการพูดจาต่อว่าตนเอง โดยวันนี้อ้างว่าในวันที่เกิดเหตุนั้นเกิดความตกใจจึงขับรถหนีไป จากนั้นพนักงานสอบสวนก็ได้ถามผู้ก่อเหตุว่าจะขอโทษผู้เสียหายหรือไม่ ผู้ก่อเหตุจึงยกมือไหว้ขอโทษ


โดยวันนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการรับผิดชอบเรื่องค่าเสียหาย และค่ารักษาพยาบาลแต่อย่างใด เนื่องจากพนักงานสอบสวนจะต้องรอผลการตรวจร่างกายของแพทย์มาประกอบสำนวน ซึ่งผู้เสียหายบอกว่าผลวินิจฉัยเบื้องต้นพบว่ามีกระดูกซี่โครงร้าวเล็กน้อย จึงต้องหยุดงานเพราะว่าแพทย์สั่งห้ามยกของหนัก ทำให้ขาดรายได้ไปวันละ 1,000-2,000 บาท สำหรับข้อหาที่เข้าข่ายความผิดพนักงานสอบสวนบอกว่าน่าจะเข้าข่ายข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้รับบาดเจ็บ ในส่วนคดีขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนรถผู้อื่นได้รับความเสียหาย และคดีขับรถชนแล้วหนีที่ สน.พญาไท ที่แจ้งความไว้อีกส่วนนั้น ทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งความคืบหน้าทางคดีแต่อย่างใด ซึ่งทั้ง 2 คดี ยืนยันให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

กรณีนี้เป็นข่าวฮือฮาในโลกโซเชียลเมื่อสัปดาห์ก่อน เมื่อมีการโพสต์เหตุการณ์หญิงคนหนึ่งกระโดดไปเกาะหน้ารถเก๋งสีขาว เพื่อพยายามหยุดรถ หลังคู่กรณีขับชนท้ายรถแล้วหลบหนี จนหญิงคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ดุสิต ทันที ต่อมาตำรวจได้ติดตามจนกระทั่งทราบตัวเจ้าของรถคู่กรณี พบเป็นผู้ชาย จึงได้ทำการสอบถาม ก่อนทราบว่า ผู้หญิงที่ก่อเหตุเป็นเพื่อน ได้มายืมรถจากจังหวัดกาญจนบุรีขับมากรุงเทพมหานคร หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้ไปแจ้งความที่ สน.พญาไท ในวันที่ 26 กรกฏาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเหตุรถเฉี่ยวชนเกิดในท้องที่ดังกล่าว. -420-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง