ทีมชันสูตรยืนยันสาเหตุดับ 6 ศพ เกิดจาก “ไซยาไนด์”

รพ.จุฬาฯ 17 ก.ค. – ทีมชันสูตร 6 ศพ ยืนยันสาเหตุการตายเกิดจากสารไซยาไนด์ หากมากพอทำให้เสียชีวิต ไม่สามารถยืนยันใครตายก่อน ส่วนสารประกอบอื่นรอผลห้องปฏิบัติการยืนยันความชัดเจน


รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย พร้อมด้วย รศ.นพ.กรเกียรติ วงศ์ไพศาลสิน อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.), พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร โฆษกสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ, พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (ผบก.น.5) ร่วมกันแถลงผลชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของชาวเวียดนาม 6 ราย บริเวณชั้น 5 ของโรงแรมย่านราชประสงค์ กรุงเทพฯ

รศ.นพ.ฉันชาย กล่าวว่า เบื้องต้นจากลักษณะที่ตรวจพบทั้งภายนอกและอวัยวะภายในไม่พบว่ามีปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นเหตุให้เสียชีวิตนอกจากสารไซยาไนด์ ต้องรอผลตรวจอวัยวะภายในเชิงลึก เพื่อหาสารบางอย่างเพิ่มเติม แต่เบื้องต้นหากได้รับสารไซยาไนด์ระดับมิลลิกรัมในเลือด ถ้าได้รับเกิน 3 มิลลิกรัมต่อซีซี จะเสียชีวิตทุกราย หากได้รับไซยาไนด์ในปริมาณ 1-2 มิลลิกรัมต่อซีซี ผู้ป่วยจะมีอาการค่อนข้างหนัก แต่หากรักษาทันอาจจะรอด ซึ่งจะต้องรอผลจากห้องปฏิบัติการอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งว่าได้รับไปประมาณเท่าใด สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษไซยาไนด์จะขึ้นอยู่กับปริมาณและวิธีการที่ได้รับ เช่น การสูดดมหรือการรับประทาน หากรับประทานในปริมาณที่สูงจะเกิดอาการในระยะเวลาที่สั้น คนไข้จะมีอาการเหนื่อยหอบ หมดสติ รวมถึงมีการชักเกร็ง เพราะขาดออกซิเจนในสมองเฉียบพลัน ซึ่งสามารถเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็วมากในเวลาหลักนาที


รศ.นพ.กรเกียรติ กล่าวว่า การชันสูตรในสถานที่เกิดเหตุและนำมาชันสูตรพลิกศพในภาพรวมทั้งหมด 6 ราย เป็นหญิง 3 ราย ชาย 3 ราย ประกอบด้วยชาวเวียดนาม 4 ราย อเมริกัน 2 ราย ส่วนแรกจะเป็นการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลจะมีการพิสูจน์เอกสารหลักฐานซึ่งตรงกับสภาพศพที่ได้รับทั้งนี้ทราบชื่อ เชื้อชาติ ทั้งหมด 6 ราย จากพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ 2.การพิสูจน์ระยะเวลาการเสียชีวิต ได้ประเมินจากการตรวจสถานที่เกิดเหตุที่โรงแรม เบื้องต้นทีมแพทย์ที่เข้าไปประเมินศพทุกรายเสียชีวิต 12-24 ชม. ซึ่งการประเมินได้มาจากการตรวจการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่น การแข็งตัวของกล้ามเนื้อหลังการตาย การตกสู่เบื้องต่ำของเม็ดเลือดในศพทุกรายพบในลักษณะปรากฏสอดคล้องในทิศทางเดียวกันในระยะเวลา 12-24 ชม. 3.สาเหตุการเสียชีวิต ทุกรายทางพนักงานสอบสวนได้ส่งศพมาชันสูตร ที่ศูนย์อำนวยการชันสูตรพลิกศพ โดยได้เก็บภาพหลักฐานของผู้เสียชีวิต การเก็บตัวอย่างเลือด ปัสสาวะ น้ำวุ้นลูกตา เพื่อพิสูจน์หาสาเหตุการตาย และการตรวจซีทีสแกนหาร่องรอยการถูกทำร้ายหรือบาดเจ็บโดยใช้ภาพถ่ายรังสีคอมพิวเตอร์ช่วย ในเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายในทุกราย

รศ.นพ.กรเกียรติ กล่าวว่า ส่วนการผ่าชันสูตร ในภาพรวมทั้ง 6 ราย มีร่องรอยการขาดอากาศเกิดขึ้นคือ ริมฝีปากเป็นสีม่วงเข้ม ใบหน้าต่าง ๆ รวมถึงการตกสู่เบื้องต่ำของเลือดมีสีลักษณะพิเศษ รวมถึงปลายเล็บมือที่มีสีม่วงเข้มเป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ว่าอาจจะมีการเสียชีวิตในเรื่องของการขาดอากาศร่วมด้วย จากการตรวจสอบมีคุณลักษณะสำคัญอีกอย่างที่ตรวจพบว่าการตกสู่เบื้องต่ำของเลือดสีที่พบเป็นสีค่อนข้างแดงสดแตกต่างจากเคสหลังตายทั่วไป ทีมชันสูตรจึงตั้งข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า การเสียชีวิตเหล่านี้อาจมีสารพิษบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่พบได้บ่อย ๆ คือ ไชยาไนด์ ทั้งนี้จะเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจพิสูจน์หาสารพิษอื่นๆ ร่วมด้วย

รศ.นพ.กรเกียรติ กล่าวว่า เมื่อผ่าชันสูตร อวัยวะภายในต่างๆ ไม่ได้พบร่องรอยอะไรที่เป็นลักษณะที่สำคัญจากตรวจด้วยตาเปล่าพบเพียงการคลั่งเลือดของอวัยวะต่างๆ ปริมาณมากในทุกราย ส่วนการสรุปสาเหตุของการเสียชีวิตเป็นการสันนิษฐานในเรื่องของการตรวจพิษของสารไซนาไนด์ส่งผลในการขาดอากาศในระดับเซลล์ของอวัยวะที่สำคัญคือระบบประสาทและหัวใจ เชื่อว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกรายเสียชีวิต ซึ่งมีการตรวจคัดกรองสารพิษไซยาไนด์ในห้องปฏิบัติการพบมีการเปลี่ยนสี ให้สีเป็นบวก จึงสงสัยเรื่องสารพิษไซยาไนด์ ทั้งนี้ทต้องรอผลการตรวจเลือดยืนยันอีกครั้งอาจใช้เวลาอีก 1-2 วัน คาดว่าจะทราบผลในวันศุกร์นี้ ส่วนจะมีปริมาณเท่าใด และมีสารประกอบอื่นๆ ที่ส่งเสริมฤทธิ์ด้วยหรือไม่นั้นต้องรอผลการตรวจเลือดเพื่อยืนยันอีกครั้งคาดว่าจะทราบผลภาพรวมทั้งหมดใน 1-2 สัปดาห์ ทั้ง 6 ราย เจอไซยาไนด์ทั้งหมดในการตรวจคัดกรอง


อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถแยกแยะระบุเวลาเสียชีวิตเป็นราย ๆ ได้ว่าใครเสียชีวิตในเวลาไหน ในขณะนั้นใครจะเสียชีวิตก่อนหรือหลัง เพราะการแข็งตัวของกล้ามเนื้อหลังตายและการตกสู่เบื้องต่ำของเม็ดเลือดจะบ่งบอกได้เป็นช่วงระยะเวลาเท่านั้น ไม่สามารถลงลึกบอกระยะเวลาที่แน่นอนได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงหลังตายมีปัจจัยรบกวนอยู่หลายอย่าง เช่น อุณหภูมิ สิ่งแวดล้อม แต่การเปลี่ยนแปลงในทุกรายเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ 12-24 ชม. จากสภาพศพบ่งบอกไม่ได้เรื่องการชักเกร็ง ทั้งนี้พบว่าทุกศพมีเศษอาหารคงเหลืออยู่ในกระเพาะแตกต่างกัน ซึ่งบางรายอาหารย่อยไปมากแล้ว แต่บางศพยังไม่ย่อยเท่าที่ควร แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอาหารชนิดใดบ้าง ซึ่งข้อมูลนี้แพทย์จะบันทึกลงผลการชันสูตรแบบละเอียด ส่วนการตรวจสอบสารไซยาไนด์ที่พื้นผิวอื่นๆ ของศพนั้นเป็นเรื่องยาก ต้องยอมรับว่าแพทย์ตรวจเฉพาะไซยาไนด์ในเลือด จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีไซยาไนด์ติดที่อวัยวะภายนอกของบุคคลใดใน 6 รายนี้บ้าง หลังจากนี้จึงจะมีการตรวจภายนอก

ด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวถึงที่มาของสารไซยาไนด์ว่า ตำรวจได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ 2 ประเด็นคือ เตรียมการนำเข้ามาก่อนเข้าประเทศไทย หรือหาซื้อในประเทศ ผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งได้สั่งการให้ตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม ที่กลุ่มผู้เสียชีวิตเริ่มเดินทางเข้าประเทศไปจนถึงวันที่ 12 กรกฎาคม และยอมรับว่าขณะเดินทางผ่าน ตม.ไม่สามารถตรวจหาสารเหล่านี้ได้ รวมถึงไม่สามารถยืนยันว่าผู้ใดคือผู้นำเข้า ต้องรอการสืบสวนให้เสร็จสิ้นชัดเจนก่อน

สำหรับขั้นตอนหลังจากชันสูตรแล้ว ตำรวจจะรอรายงานผลการชันสูตรจากทางแพทย์เพื่อนำไปประกอบในสำนวน ส่วนครอบครัวที่ติดต่อมารับศพ มีเพียงครอบครัวของสามีภรรยาที่มาสอบปากคำที่โรงพัก สน.ลุมพินี ในวันนี้.-419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมสึก คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

15 พ.ค.- เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมลาสิกขาด้วยตัวเอง หลังถูกเค้นสอบนานกว่า 8 ชม. เบื้องต้นยอมให้การแล้ว คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ช่วงหนึ่งของการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อุ้มพระพุทธรูป ปางสมาธิองค์สีดำ ถือเข้าไปไปยังห้องสอบสวนที่สอบปากคำพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม เจ้าคณะภาค 14 สังเกตพบว่ามีการนำพระพุทธรูปวางไว้บนโต๊ะบริเวณด้านหน้าของ พระธรรมวชิรานุวัตร โดยมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า พระธรรมวชิรานุวัตร ยอมทำพิธีลาสิกขาบทด้วยตัวเอง แต่ยังไม่เริ่มพิธีเนื่องจากรอชุดเสื้อผ้าเปลี่ยนหลังทำพิธีลาสิกขาบทแล้วเสร็จ ส่วนการสอบปากคำ เบื้องต้นทางพระธรรมวชิรานุวัตร ยอมให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว และให้การไปในทิศทางที่ดี ซึ่งปรากฏว่าทางพระธรรมวชิรานุวัตร ได้โอนเงินไปให้กับผู้ต้องหาที่ 2 เป็นจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาท ในช่วงปี 2564 ซึ่งข้อมูลนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำหาข้อเท็จจริง ว่ามีการทำธุรกรรมด้วยสาเหตุใด แต่พบบางส่วนเข้าไปพัวพันกับเว็บการพนัน .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน

เวียดนาม 16 พ.ค.-นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน รวมทั้งสุสานโฮจิมินห์ เน้นย้ำไทยให้ความสำคัญประวัติศาสตร์และมิตรภาพกับเวียดนาม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนักปฏิวัติผู้เสียสละชีวิต เมื่อปี ค.ศ. 1940 ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของขบวนการต่อสู้ของเวียดนามภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ โดยตั้งอยู่บนถนนบั๊กเซิน (Bạch Sơn Street) ในพื้นที่ใกล้กับจัตุรัสบาดิ่งห์ โดยออกแบบในสไตล์ศิลปะสังคมนิยม ที่ประกอบด้วยกลุ่มรูปปั้นนักรบปฏิวัติ แสดงถึงความกล้าหาญและความสามัคคีของนักต่อสู้เพื่อเอกราชของเวียดนาม หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อไปยังสุสานโฮจิมินห์ ตั้งอยู่ที่จัตุรัสบาดิ่งห์ สถานที่ซึ่งอดีตผู้นำโฮจิมินห์เคยอ่านคำประกาศเอกราชของเวียดนามในปี ค.ศ.1945 ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมทรงอนุสรณ์สถาน โดยใช้หินอ่อนและหินแกรนิตคุณภาพสูง ผสมผสานระหว่างศิลปะสังคมนิยม กับเอกลักษณ์เวียดนาม โดยโฮจิมินห์เป็นบุคคลสำคัญของเวียดนาม ผู้ได้รับการยกย่องในฐานะ “บิดาแห่งชาติ” ที่นำพาประเทศสู่การประกาศเอกราช และเป็นผู้ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ สถานที่สำคัญของเวียดนามครั้งนี้ แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและเวียดนาม ตลอดจนการให้ความสำคัญต่อประวัติศาสตร์และการเมืองของประเทศพันธมิตรที่สำคัญของไทยอย่างเวียดนาม จากนั้น เวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะจะเข้าร่วมประชุมหารือทวิภาคีกลุ่มเล็ก กับนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ ทำเนียบรัฐบาล.-314.-สำนักข่าวไทย

“เปรมชัย” นั่งวีลแชร์ เข้ามอบตัว กรณีตึกกำลังสร้าง สตง. ถล่ม

กทม. 16 พ.ค.-“เปรมชัย” ผู้บริหารบริษัทอิตาเลียนไทย นั่งวีลแชร์ เข้ามอบตัวพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ กรณีตึกกำลังสร้าง สตง. ถล่ม ด้านวิศวกร ผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง ทยอยเข้ามอบตัวเช่นกัน เวลา 08.00 น. นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประมูลโครงการก่อสร้างหลัก อาคาร สตง.แห่งใหม่ ซึ่งพังถล่มเมื่อวันที่ 28 มีนาคม จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ฐาน “เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 227 , 238 นายเปรมชัย นั่งวีลแชร์ มีพยาบาลส่วนตัวประกบ เดินทางมาที่ สน.บางซื่อ พร้อมทนายความและญาติ เพื่อเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้บริหารบริษัทกิจการร่วมค้า รวมถึงกลุ่มวิศวกร อีก 13 […]

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]