ตร.เร่งคลายปมพบ 6 ศพ ในห้องพักโรงแรมดังกลางกรุง

กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – ตำรวจเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในโรงแรมดังย่านราชประสงค์ คลายปมพบ 6 ศพ ภายในห้องพัก พร้อมเชิญญาติและผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำเพิ่มเติม


วานนี้ (16 ก.ค.) ช่วงหัวค่ำ มีรายงานว่าพบผู้เสียชีวิตจำนวน 6 ราย ภายในห้องพักชั้น 6 โรงแรมย่านราชประสงค์ ภายในห้องพบว่ากระเป๋าเดินทางถูกเก็บแล้ว และทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตเป็นชาย 3 คน หญิง 3 คน ตรวจสอบสัญชาติพบทั้งหมดเป็นชาวเวียดนาม ในจำนวนนี้ 2 คน ถือสัญชาติอเมริกันด้วย


จากการตรวจที่เกิดเหตุเบื้องต้นมีร่องรอยการดื่มชา กาแฟ ตำรวจจึงคาดว่าน่าจะเป็นการวางยา หรือเสียชีวิตจากยาพิษ แต่ยังไม่ชัดเจน ส่วนจะเป็นการสังหารจากเหตุผลหักหลังทางธุรกิจ ล้างแค้น หรืออาจเป็นลัทธิประหลาด ตำรวจยังไม่สรุป แต่ตั้งประเด็นสืบสวนสอบสวนเอาไว้หลายประเด็น

ด้าน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากการตรวจที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยการต่อสู้ พบศพรวมตัวเสียชีวิตในห้องเดียวกัน โดยห้องพักห้องนี้ต้องเช็กเอาต์ออกวันที่ 16 ก.ค. 67 มีการแพ็กกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกำลังชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด และตรวจหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คน 1.Ms.SHERINE CHONG หญิง อายุ 56 ปี สัญชาติอเมริกัน เดินทางเข้าไทยล่าสุด 5 ก.ค. เคยเดินทางเข้า-ออกไทยแล้ว 5 ครั้ง
2.Mr.HUNG DANG VAN ชาย อายุ 55 ปี สัญชาติอเมริกัน เข้าไทยล่าสุด 7 ก.ค. เดินทางเข้า-ออกไทย 1 ครั้ง
3.Ms.THI NGUYEN PHUONG LAN หญิง อายุ 47 ปี สัญชาติเวียดนาม เข้าไทยล่าสุด 4 ก.ค. เดินทางเข้า-ออกไทย 17 ครั้ง
4.Mr.HONG PHAM THANH ชาย อายุ 49 ปี สัญชาติเวียดนาม เข้าไทยล่าสุด 12 ก.ค. เดินทางเข้า-ออกไทย 1 ครั้ง
5.Mr.DINH TRAN PHU ชาย อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม เข้าไทยล่าสุด 12 ก.ค. เดินทางเข้า-ออกไทย 11 ครั้ง
6.Ms.THI NGUYEN PHUONG หญิง อายุ 46 ปี สัญชาติเวียดนาม เข้าไทยล่าสุด 12 ก.ค. เคยเดินทางเข้า-ออกไทย 3 ครั้ง

ปม 6 ศพเวียดนาม พบแก้วชาถูกดื่มก่อนตาย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และผู้เกี่ยวข้อง เดินทางมาที่โรงแรมดังกล่าว เพื่อแถลงข่าวรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตชาวเวียดนาม โดยในที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือการประทุษร้าย จึงคาดการณ์ว่าสาเหตุการเสียชีวิตอาจมาจากการดื่มเครื่องดื่มบางอย่าง ทั้งนี้ ไม่กระทบการท่องเที่ยว ได้มีการพูดกับทางสถานทูตเวียดนามแล้ว


พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. แถลงรายละเอียดคดีนี้ว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6 คน เป็นคนเชื้อชาติเวียดนาม ถือสัญชาติอเมริกัน 2 คน สัญชาติเวียดนาม 4 คน เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ชั้น 5 ของโรงเเรม

ประวัติการเดินทางเข้าพักที่โรงเเรม พบว่ามีการเเจ้งบุ๊กกิ้งไว้ 7 คน 7 ห้อง, เช็กอิน 5 คน 5 ห้อง เเต่เสียชีวิต 6 คน 5 คนที่ตรวจสอบตรงกับบุคคลที่เช็กอินกับโรงเเรม แต่อีก1 คน มาได้ยังไงไม่รู้ แเละคนที่ 7 ต้องไปพิสูจน์ว่ามีตัวตนหรือไม่อย่างไร ถ้ามีจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้อย่างไร

กลุ่มผู้เสียชีวิตเช็กอินเข้าโรงแรมไม่พร้อมกัน 4 คนแรกเช็กอินก่อนที่ชั้น 7 จำนวน 4 ห้อง เเละวันถัดมาเช็กอินเพิ่มที่ชั้น 5 เเละเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ชั้น 5

วันที่พบศพคือ 16 ก.ค. 67 เป็นวันที่ห้องชั้น 5 จะต้องเช็กเอาท์ออกจากโรงเเรมช่วงบ่าย แต่ไม่มีการเช็กเอาท์ โดยห้องชั้น 7 ทั้ง 4 ห้องเช็กเอาท์ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.

ส่วนชั้น 5 เช็กเอาท์บ่ายวันที่ 16 กค. ซึ่งเป็นวันที่พบศพและไม่มีการเช็กเอาท์ออกจากโรงแรม เป็นไปได้ว่าทั้งหมดมีการเก็บกระเป๋าจากห้องชั้น 7 ลงมารวมตัวกันอยู่ที่ห้องชั้น 5

เวลาประมาณ 16.00 น. เเม่บ้านจะเข้าไปในห้องเพื่อทำความสะอาด แต่ประตูด้านหน้าล็อกจากข้างใน แม่บ้านจึงต้องเดินไปเปิดประตูด้านหลัง เนื่องจากห้องพักเป็นลักษณะเป็นไพรเวทโซนคล้ายวิลล่า จึงมีประตูด้านหลังด้วย เมื่อเข้าไปพบผู้เสียชีวิต จึงแจ้งทางผู้บริหาร และทางผู้บริหารติดต่อแจ้งไปทาง สน.ในพื้นที่

ตำรวจเเละพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุประมาณ 17.00 น. พบผู้เสียชีวิตอยู่ในห้องทั้งหมด 6 คน เสียชีวิตที่พื้นบริเวณโซนรับแขกด้านหน้า 4 คน อีก 1 คน เสียชีวิตบริเวณหน้าประตู เสียชีวิตในห้องนอน 2 คน เบื้องต้นไม่พบร่องรอยบาดแผล ไม่พบการต่อสู้ ข้าวของเครื่องใช้อยู่ตามปกติ เเต่มีผู้เสียชีวิตหนึ่งคนมีบาดแผลบริเวณใบหน้า ตำรวจและแพทย์สันนิษฐานว่าเกิดจากการกระแทกขณะล้มแล้วถูกของแข็ง

ตำรวจเชื่อว่าเสียชีวิตเวลา 13.53 น. ของวันที่ 15 ก.ค. เสียชีวิตเกินกว่า 20 ชั่วโมง เพราะอาหารไทยที่สั่งไว้เป็นอาหารจานเดียว วางอยู่ในห้องรับแขก ยังไม่ได้รับประทานอาหารเลย และมีถ้วยชาสีขาว 6 ใบ ถูกดื่มแล้ว วางอยู่ที่เคาน์เตอร์ 5 ใบ เเละ 1 ใบ วางที่โต๊ะอาหาร มีเศษตะกอนตกค้างอยู่ที่ก้นถ้วย ขณะนี้ให้เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานไปทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้พบกระปุกชาสีเขียว พร้อมน้ำเกลือแร่และน้ำผึ้ง ที่ถูกเปิดใช้แล้ว วางอยู่ในห้องน้ำ

ทั้งนี้ จะนำกระเป๋าของผู้เสียชีวิตทั้งหมดมาตรวจหาวัตถุพยานหรือพยานหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้ว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ข้อสรุปณตอนนี้คือทั้งหมดไม่ได้ทำร้ายตัวเอง แต่ถูกคนอื่นทำให้เสียชีวิต เเละประสงค์ต่อชีวิตและร่างกาย แต่โดยวิธีการใดนั้นต้องรอผลจากนิติวิทยาศาสตร์

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในโรงแรมทั้งหมด ตั้งแต่เดินทางเข้ามาพักในโรงแรม มาชุดแรกวันที่ 13 ก.ค. และชุดที่สองวันที่ 14 ก.ค. พร้อมไล่ไทม์ไลน์ตั้งแต่การเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และเดินทางไปที่ไหนบ้าง เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ตรวจสอบจากพาสปอร์ตว่าเดินทางเข้ามาจริงไหม เมื่อไร เที่ยวบินอะไร ใครนั่งข้างข้าง ใครเป็นผู้จองตั๋ว ใครเป็นผู้ชำระเงินให้ และขณะนี้กำลังรอข้อมูลทางโรงแรมส่งให้ตำรวจทั้งหมด พร้อมประสาน ตม. ตรวจสอบ ช่วงตรวจหนังสือเดินทางเข้ามาในประเทศมีการเดินทางมากับใครบ้าง สิ่งสำคัญคือต้องหาคำตอบให้ได้ก่อนว่ารายที่ 7 ที่แจ้งบุ๊กกิ้งไว้นั้นมีตัวตนจริงหรือไม่ 

นอกจากนี้ยังมีพยานอีก 5 คน ที่ตำรวจเชิญตัวให้มาสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งในจำนวนนี้พบว่ามีญาติของผู้เสียชีวิตรวมอยู่ด้วย โดยผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 และผู้กำกับการ สน.ลุมพินี เป็นผู้สอบปากคำด้วยตัวเอง

พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า พยานทั้ง 5 ปากที่เชิญตัวมาสอบปากคำมีทั้งเลขานุการเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย และเพื่อนของน้องสาวผู้เสียชีวิตที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย พอทราบข่าวตำรวจจึงเชิญตัวมาให้ข้อมูลและช่วยแปลภาษาจากเอกสารต่างๆ ที่อยู่ในกระเป๋าเดินทางของผู้เสียชีวิต

นอกจากนี้จากการตรวจค้นกระเป๋าของผู้เสียชีวิตมีลักษณะเตรียมพร้อมจะเช็กเอาท์ออกจากโรงแรม และยังพบยาชนิดเม็ดรักษาโรคทั่วไป แต่ต้องส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเพื่อเทียบเคียงลักษณะยาที่พบในจุดเกิดเหตุว่าเป็นชนิดเดียวกันหรือไม่

ส่วนศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย เจ้าหน้าที่ส่งพิสูจน์ทราบที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

มีรายงานว่าในช่วงบ่ายวันนี้ (17 ก.ค.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะแถลงความคืบหน้าคดีดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย