ป.ป.ส.แถลงผลทลายเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดลงสู่ภาคใต้รายใหญ่

ป.ป.ส. 16 ก.ค. – เลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงผลจับกุมทลายเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้รายใหญ่ ยึดทรัพย์ได้กว่า 1.5 ล้านบาท พร้อมยาบ้า 1.9 ล้านเม็ด ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี


พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พล.อ.ต.นิวัติ พูนสิน ผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง น.อ.บรรพต นิธิณัฐอาภาศิริ รองผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (นสร.กร.) และนายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมาจากความร่วมมือของประชาชน ร่วมแจ้งเบาะแสยาเสพติดผ่านสายด่วน ป.ป.ส. 1386 จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลางยาบ้า 1,900,000 เม็ด เหตุเกิดที่ จ.สุพรรณบุรี ก่อนขยายผลตรวจค้น 4 จุด ในพื้นที่ กทม. 3 จุด และ จ.สุพรรณบุรี 1 จุด ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิเช่น รถยนต์ เงินสด ทองคำ รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท

พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยข่าวกรองทางทหาร (ขกท.), ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพเรือ บก.ส่วนควบคุมส่วนหน้า ชปพ.ศอ.ปส.ทร. (นสร.กร.), และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพอากาศ (ศอ.ปส.ทอ.) ทำการสืบสวนติดตามพฤติการณ์ผู้ต้องหาและเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้มาอย่างยาวนาน จากการสืบสวนทราบว่า เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ ใช้บ้านเช่าในพื้นที่ภาคกลาง (ได้แก่ พื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และ จ.นนทบุรี) เป็นสถานที่เก็บพักยาบ้า ก่อนจะดำเนินการจัดส่งให้กับเครือข่ายในพื้นที่ภาคกลาง เพื่อลำเลียงต่อไปยังพื้นที่ภาคใต้ คือ พื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตามคำสั่งของผู้สั่งการรายใหญ่ จึงได้สั่งการให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด มอบหมายชุดปฏิบัติการอินทรีย์ 19 ติดตามพฤติการณ์เครือข่ายดังกล่าวอย่างใกล้ชิด


กระทั่งวานนี้ (15 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการอินทรีย์ 19 ซึ่งกำลังติดตามรถยนต์ของบุคคลในเครือข่ายดังกล่าว พบพฤติการณ์ต้องสงสัยน่าเชื่อว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จึงติดตามไปเพื่อแสดงตัวขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นผู้ต้องหา 2 คน พบภายในรถยนต์คันดังการมีการถอดเบาะนั่งโดยสารออกเพื่อนำยาบ้ามาซุกซ่อนหลอกตาเจ้าหน้าที่ แล้วจะนำไปวางที่จุดพักตามคำสั่งของผู้สั่งการ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาไปตรวจสอบจุดที่วางยาเสพติด พบยาบ้า จำนวน 1,900,000 เม็ด บรรจุอยู่ในกระสอบ 9 กระสอบ (โดยห่อด้วยถุงพลาสติดสีดำอีก 1 ชั้น) ซึ่งยาบ้าที่พบเตรียมลำเลียงส่งไปยังพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงขยายผลตรวจค้นสถานที่เพิ่มเติม จำนวน 4 จุด (กทม. 3 จุด, จ.สุพรรณบุรี 1 จุด) และได้ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิเช่น รถยนต์ เงินสด ทองคำ ไว้ รวมมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาท

พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลได้มีการกำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมมือกับหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ อันได้แก่ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35.) และ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) สกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่บริเวณชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสามารถสกัดกั้นยาเสพติดได้จำนวนมาก แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เล็ดลอดถูกลำเลียงเข้าพื้นที่ตอนในได้ ทำให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการประทรวงยุติธรรม มีความกังวลและเป็นห่วงประชาชน อยากให้มีการเพิ่มความเข้มข้นในการปราบปรามและจัดการกับกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดที่ทำให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดของยาบ้าในพื้นที่ตอนในของประเทศ เป็นการลดทอนปัญหาการแพร่ระบาดของยาบ้าที่จะกระจายไปสู่ประชาชน

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนพบว่าเครือข่ายนี้จะลงไปในพื้นที่ภาคใต้ ทาง รมว.ยุติธรรมได้สั่งการให้ ป.ป.ส.เป็นเจ้าภาพหาจุดสกัดกั้นไม่ให้ลงไปยังภาคใต้ ซึ่งจะมีการประชุมกันภายในสัปดาห์หน้า ยาเสพติดบางส่วนมาจากรัฐฉานทั้งตอนเหนือและตอนใต้ จากการสอบสวนยืนยันตรงกันแหล่งผลิตเหล่านี้ล้วนแต่อยู่ในความคุ้มครองของชนชาติพันธุ์ อาทิ ว้า ม้ง กระเหรี่ยง ฯลฯ มีทั้งหมด 27 กลุ่ม ทั้งนี้จะใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (MLAT) ในการเข้าจับกุมกลุ่มเหล่านี้ อย่างไรก็ตามเตรียมออกหมายจับผู้บัญชาการชนชาติพันธุ์ 1 คน


จากข้อมูลสถิติการจับกุมพบว่า มียาบ้าจำนวน 1 ล้านเม็ดขึ้นไป จำนวนหลายคดี ถูกลำเลียงไปยังพื้นที่ภาคใต้ ในปี 2566 พบ 4 คดี ยาบ้ารวม 6.6 ล้านเม็ด ในขณะที่ ปี 2567 พบ 13 คดียาบ้ารวม 39 ล้านเม็ด คิดเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นเกือบ 6 เท่า ทั้งนี้ ตนได้เร่งสั่งการเตรียมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดจุดตรวจ/จุดสกัด เพิ่มเติม ในการสกัดกั้นยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ต่อไป.-419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย