ป.ป.ส. 16 ก.ค. – เลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงผลจับกุมทลายเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้รายใหญ่ ยึดทรัพย์ได้กว่า 1.5 ล้านบาท พร้อมยาบ้า 1.9 ล้านเม็ด ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พล.อ.ต.นิวัติ พูนสิน ผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง น.อ.บรรพต นิธิณัฐอาภาศิริ รองผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (นสร.กร.) และนายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมาจากความร่วมมือของประชาชน ร่วมแจ้งเบาะแสยาเสพติดผ่านสายด่วน ป.ป.ส. 1386 จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลางยาบ้า 1,900,000 เม็ด เหตุเกิดที่ จ.สุพรรณบุรี ก่อนขยายผลตรวจค้น 4 จุด ในพื้นที่ กทม. 3 จุด และ จ.สุพรรณบุรี 1 จุด ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิเช่น รถยนต์ เงินสด ทองคำ รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท
พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยข่าวกรองทางทหาร (ขกท.), ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพเรือ บก.ส่วนควบคุมส่วนหน้า ชปพ.ศอ.ปส.ทร. (นสร.กร.), และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพอากาศ (ศอ.ปส.ทอ.) ทำการสืบสวนติดตามพฤติการณ์ผู้ต้องหาและเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้มาอย่างยาวนาน จากการสืบสวนทราบว่า เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ ใช้บ้านเช่าในพื้นที่ภาคกลาง (ได้แก่ พื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และ จ.นนทบุรี) เป็นสถานที่เก็บพักยาบ้า ก่อนจะดำเนินการจัดส่งให้กับเครือข่ายในพื้นที่ภาคกลาง เพื่อลำเลียงต่อไปยังพื้นที่ภาคใต้ คือ พื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตามคำสั่งของผู้สั่งการรายใหญ่ จึงได้สั่งการให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด มอบหมายชุดปฏิบัติการอินทรีย์ 19 ติดตามพฤติการณ์เครือข่ายดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
กระทั่งวานนี้ (15 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการอินทรีย์ 19 ซึ่งกำลังติดตามรถยนต์ของบุคคลในเครือข่ายดังกล่าว พบพฤติการณ์ต้องสงสัยน่าเชื่อว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จึงติดตามไปเพื่อแสดงตัวขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นผู้ต้องหา 2 คน พบภายในรถยนต์คันดังการมีการถอดเบาะนั่งโดยสารออกเพื่อนำยาบ้ามาซุกซ่อนหลอกตาเจ้าหน้าที่ แล้วจะนำไปวางที่จุดพักตามคำสั่งของผู้สั่งการ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาไปตรวจสอบจุดที่วางยาเสพติด พบยาบ้า จำนวน 1,900,000 เม็ด บรรจุอยู่ในกระสอบ 9 กระสอบ (โดยห่อด้วยถุงพลาสติดสีดำอีก 1 ชั้น) ซึ่งยาบ้าที่พบเตรียมลำเลียงส่งไปยังพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงขยายผลตรวจค้นสถานที่เพิ่มเติม จำนวน 4 จุด (กทม. 3 จุด, จ.สุพรรณบุรี 1 จุด) และได้ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิเช่น รถยนต์ เงินสด ทองคำ ไว้ รวมมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาท
พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลได้มีการกำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมมือกับหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ อันได้แก่ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35.) และ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) สกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่บริเวณชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสามารถสกัดกั้นยาเสพติดได้จำนวนมาก แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เล็ดลอดถูกลำเลียงเข้าพื้นที่ตอนในได้ ทำให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการประทรวงยุติธรรม มีความกังวลและเป็นห่วงประชาชน อยากให้มีการเพิ่มความเข้มข้นในการปราบปรามและจัดการกับกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดที่ทำให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดของยาบ้าในพื้นที่ตอนในของประเทศ เป็นการลดทอนปัญหาการแพร่ระบาดของยาบ้าที่จะกระจายไปสู่ประชาชน
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนพบว่าเครือข่ายนี้จะลงไปในพื้นที่ภาคใต้ ทาง รมว.ยุติธรรมได้สั่งการให้ ป.ป.ส.เป็นเจ้าภาพหาจุดสกัดกั้นไม่ให้ลงไปยังภาคใต้ ซึ่งจะมีการประชุมกันภายในสัปดาห์หน้า ยาเสพติดบางส่วนมาจากรัฐฉานทั้งตอนเหนือและตอนใต้ จากการสอบสวนยืนยันตรงกันแหล่งผลิตเหล่านี้ล้วนแต่อยู่ในความคุ้มครองของชนชาติพันธุ์ อาทิ ว้า ม้ง กระเหรี่ยง ฯลฯ มีทั้งหมด 27 กลุ่ม ทั้งนี้จะใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (MLAT) ในการเข้าจับกุมกลุ่มเหล่านี้ อย่างไรก็ตามเตรียมออกหมายจับผู้บัญชาการชนชาติพันธุ์ 1 คน
จากข้อมูลสถิติการจับกุมพบว่า มียาบ้าจำนวน 1 ล้านเม็ดขึ้นไป จำนวนหลายคดี ถูกลำเลียงไปยังพื้นที่ภาคใต้ ในปี 2566 พบ 4 คดี ยาบ้ารวม 6.6 ล้านเม็ด ในขณะที่ ปี 2567 พบ 13 คดียาบ้ารวม 39 ล้านเม็ด คิดเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นเกือบ 6 เท่า ทั้งนี้ ตนได้เร่งสั่งการเตรียมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดจุดตรวจ/จุดสกัด เพิ่มเติม ในการสกัดกั้นยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ต่อไป.-419-สำนักข่าวไทย