“ลูกหมี” พร้อมถอนแจ้งความหากได้เงินคืน ขณะลูกหนี้รายใหม่โผล่

กรุงเทพฯ 15 ก.ค.-“ลูกหมี” ยันพร้อมถอนแจ้งความ หาก “ปู” ถือเงินสด 1.4 ล้านบาท มาเคลียร์ที่ สน.ทองหล่อ ขณะที่เจ้าหนี้รายใหม่โผล่งานแถลง ระบุเป็นหนึ่งในเจ้าหนี้ของ “ปู”


วันนี้ (15 ก.ค.) บรรดาเจ้าหนี้ของ ปู-มัณฑนา เปิดใจก่อนถึงนัดไกล่เกลี่ยวันพรุ่งนี้ (16 ก.ค.) โดยคุณอ้อม กล่าวถึงเรื่องที่ถูกพาดพิงว่าปล่อยเงินกู้ เวลาตนออกมาแต่ละครั้งจะถูกพาดพิง ถูกเอ่ยชื่อเสมอ เรื่องปล่อยเงินกู้ เรื่องนี้ยืนยันไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้มีอาชีพปล่อยเงินกู้ โดยปู มาหาอ้อมเพราะยืมเงิน ที่ให้ยืมเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อน ต่อมาปูพยายามขอเงินอีก เราก็บอกว่าไม่ได้ปล่อยเงินกู้นะ แต่ที่ให้ไปเพราะอยากช่วย ครั้งแรกเสนอให้ดอกเบี้ย 3% จากนั้นเริ่มพูดถึงเรื่องลงทุนคอลลาเจน บอกว่าได้ทุนได้ปันผล ตนก็ตัดสินใจลงทุนไป ตนมีหลักฐานทั้งหมดทุกอย่าง ส่วนที่บอกว่าพี่ลูกหมีให้เขาเซ็นต์กระดาษเปล่า เขาไม่ใช่เด็ก 3 ขวบ ให้เขียนอะไรก็ทำ นอกจากนี้เวลามายืมเงินแต่ละครั้งมักอ้างบุคคลที่ 3 เช่น พี่สะใภ้เป็น ceo เดือดร้อนต้องใช้เงิน

นอกจากนี้คุณอ้อมยังบอกอีกว่า น้ำตาที่ร้องออกมา ช่วยอะไรไม่ได้ หลักฐานเท่านั้นที่จะรู้ว่าใครพูดจริง ส่วนการไกล่เกลี่ยตนอยากให้มาคุยกันเอง อย่าให้บุคคลที่ 3 มาคุย หรือไม่อย่างนั้นก็ให้บุคคลที่ 3 เอาเงินมาคืนเลย 1,160,000 บาท นอกจากนี้ตนมีหลักฐานเด็ด หากปูยังพูดโกหกอีกจะเอามาเปิด เป็นการเอาชื่อบุคคลที่ 3 ระดับประเทศมาแอบอ้าง ก็ไม่รู้ว่าสามีเขาจะรู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมของภรรยาเป็นแบบนี้


ขณะที่ลูกหมี ชี้แจงเริ่มต้นว่า ตั้งแต่ 27 ก.ย. ปูโทรมายืมเงินลงทุนกระเป๋า โอนไปโอนมา ติดเงินอยู่ 2 ล้านบาท เราเลยให้เขียนเช็คมา ได้เช็คมาก็เด้ง แจ้งความไว้ตั้งแต่ 4 เมษายน ปูโทรหาบอกว่าอย่าทำงี้เลยจนล่วงเลยมาถึง 13 มิ.ย. เวลาเกือบ 2 เดือน มีเวลามากมายในการไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่ทำ ส่วนวันพรุ่งนี้ตนยอมขอโทษได้เลย หากคืนเงินมา แต่หากการไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จขบวนการของกฎหมายก็เดินต่อ แต่ถ้าพรุ่งนี้เอาเงินมาให้ 1.4 ล้านบาท ยินดีรับไว้ และถอนแจ้งความ แล้วเริ่มต้นทำมาหากินใหม่

ขณะเดียวกันระหว่างสัมภาษณ์มีผู้เสียหายเพิ่มอีก 1 คน ชื่อว่าโทนี่ มีอาชีพเป็นนักร้อง เผยว่ารู้จักปู มานาน เป็นพี่เป็นน้องที่ดีต่อกัน ย้อนหลัง 2 ปี ตอนแรกเริ่มต้นยืมไม่เยอะ แต่ต้องทำงานร้องเพลงเป็นปีถึงได้ยอดนี้ มีการโอนคืนกันบ้าง แล้วยืมต่อเรื่อย ๆ ตลอด 2 ปี จนล่าสุดมายืมเงินอีกครั้งโดยบอกว่าพ่อแม่เข้า รพ. ทั้งนี้ยอดรวมทั้งหมดตนยังไม่ได้นับ

ต่อมา ลิลลี่ เหงียน ยืนยันว่า ปู โชว์บัญชีเงินในบัญชี 14 ล้านบาทจริง ตนเห็นมากับตา ส่วนเงิน 70,000 บาท ของลี่ ศักยภาพของเขาสามารถจ่ายได้อยู่แล้ว 2 สัปดาห์แล้วยังไม่ได้เลย อยากได้เหมือนกัน ส่วนเรื่องคลิปเสียงตนมีอยู่จริง แต่ขอดูพฤติกรรมก่อน ตอนนี้ยังมีความรู้สึกสงสารอยู่ ไม่ได้เกลียด แต่อยากให้ออกมาขอโทษ ตอนนี้คือลี่ ปล่อยวางแล้ว ขอบคุณพี่ปู ที่ทำให้ลี่ เป็นดั่งหนึ่งซูเปอร์สตาร์ในวันนี้ ไม่อยากทะเลาะด้วยแล้ว หนูกลัวโดนฟ้อง กลัวติดคุก จะเป็นเด็กดี เพราะการเป็นดาราสำคัญกว่า


ส่วนเรื่อง “เอิร์ก เลเดอเรอร์” เอาเงินสดลี่ไป 36.8 ล้านบาท บอกเป็นโควิดจะตายก็โอนให้อีกหลายแสนรวม 37 ล้านบาท แล้วเขาหลอกให้ลี่เอาคอนโด ไปขายฝากนอกระบบ เรามีหลักฐานในการโอนเงินทุกอย่าง อยากให้ออกมาคุย ขอร้องกลับประเทศไทยเถอะนะ. -414-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

สุดจึ้ง! ซาลาเปาแฟนซีแฮนด์เมด รายได้ครึ่งล้านต่อเดือน

“คุณจารุวรรณ” วัย 78 ปี พร้อมครอบครัว ช่วยกันคิดค้นสูตรซาลาเปาแฟนซีเป็นเจ้าแรกใน จ.ตรัง ส่งขายทั่วทุกภาคของประเทศ สร้างรายได้เดือนละ 450,000-500,000 บาท และมีแผนส่งออกไปขายยังต่างประเทศในต้นปีหน้า

เจ้าของคลินิกซิ่งชนไรเดอร์ตกสะพานเสียชีวิต

เจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง ซิ่งเบนซ์ชนไรเดอร์หญิง ตกสะพานต่างระดับย่านพระรามสี่ เสียชีวิต วัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ก่อเหตุ สูงเกินกฎหมายกำหนด

เปิดให้สักการะ “พระเขี้ยวแก้ว” วันแรก

ริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้ว ถึงยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวงแล้ว พร้อมเชิญชวนประชาชนสักการะ วันนี้ (5 ธ.ค.) วันแรก ตั้งแต่ 07.00 น.เป็นต้นไป

ข่าวแนะนำ

ยังไร้วี่แววส่ง 4 ลูกเรือประมงกลับไทย

เมียนมาเงียบกริบ! ยังไร้วี่แววส่งตัว 4 ลูกเรือประมงกลับไทย จนท.ในพื้นที่เผยจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานใดๆ ที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเมียนมา มีเพียงการประสานจากเนปิดอว์มายังเกาะสองด้วยวาจาเท่านั้น

นายกฯ ยันไม่ปรับ VAT เป็น 15% ย้ำรับฟังทุกภาคส่วน

“นายกฯ แพทองธาร” ยืนยัน ไม่ปรับ VAT เป็น 15% ชี้ ก.คลัง กำลังศึกษาปรับโครงสร้างภาษี ต้องมองทั้งระบบลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ขอให้มั่นใจการทำงานของรัฐบาลรัดกุม

“ฟิล์ม” เข้ารับทราบข้อกล่าวหา “พยายามกรรโชกทรัพย์-หมิ่นประมาท”

มาตามนัด! “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ปมคลิปเสียงเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท “ดิไอคอนกรุ๊ป”