ขยายผลชิงทรัพย์ 3.3 ล้าน พบหักหลังกัน คาดเป็นเงินจากบัญชีม้า

8 ก.ค. – จับเครือข่ายแก๊ง “บอล-แจ๊ค ก่อเหตุชิงทรัพย์เงินสด 3.3 ล้านบาท กลางลานจอดรถห้างฯ ย่านพัฒนาการ พบมีการวางแผนร่วมกันอย่างดี ก่อนหักหลังชิงเงินกัน ตร.คาดเป็นเงินจากบัญชีม้า


ในช่วงบ่าย ตำรวจได้คุมตัวนายแจ๊ค ออกมาจากห้องควบคุมผู้ต้องหา สน.ประเวศ เพื่อให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ สอบปากคำอย่างละเอียดเพื่อขยายผล เนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ได้ ระหว่างที่คุมตัวออกมา นายแจ๊ค ที่ส่วมเสื้อฮู้ดปิดบังใบหน้าทั้งหมด ไม่ได้มีการตอบคำถามแต่อย่างไร เอาแต่ก้มหน้าเข้าไปในห้องสอบสวน

พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่าจากการสืบสวนคดีนี้ออกหมายจับ 3 คน คือนายนันทพร หรือ บอล ก่อเหตุใช้ปืนจี้้ชิงเงิน 2 ถุง, นายจักรพงษ์ หรือ แจ๊ค คนที่ไปกดเงิน ทำหน้าที่ชี้เป้า , ส่วนอีกหนึ่งคนคือชายที่คาดว่าน่าจะเป็นคนจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำหน้าที่ขี่จักรยานยนต์พานายบอลหลบหนี ซึ่งขณะนี้ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 คน นายบอลถูกตำรวจ สปป.ลาว จับกุมได้ที่แขวงคำม่วน สปป.ลาว เมื่อวันที่ 7 กรกฏาคมที่ผ่านมา


โดยก่อนมาก่อเหตุชิงเงินสดที่พัฒนาการ พบประวัติ นายบอลได้ก่อเหตุชิงทองคำที่ แขวงคำม่วน สปป.ลาว มูลค่า 3 บาท เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม แล้วข้ามฝั่งมายังไทย จากนั้นวันที่ 2 ก.ค. นายบอลได้ติดต่อนายแจ๊ค เพื่อวางแผน และชิงทรัพย์บริเวณห้างถนนพัฒนาการ และหนีผ่านทางช่องทางธรรมชาติกลับไปยัง สปป.ลาว ซึ่งขณะนี้ตำรวจไทยที่อยู่ระหว่างประสานงานกับตำรวจลาว ในเรื่องของการส่งตัวคนร้ายข้ามแดน

ส่วนนายแจ๊ค ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ให้การว่า รู้จักกับนายบอล สมัยเรียนช่างกลเมื่อปี 2550 นายแจ็คเป็นรุ่นพี่ของนายบอล และคดีนี้ตนเองได้วางแผนกับนายบอล ก่อเหตุชิงทรัพย์เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยตนเองได้เป็นคนเปิดโรงแรมย่านนวมินทร์ เพื่อนัดเจอและวางแผนก่อเหตุกับนายบอล ซึ่งในวันเกิดเหตุนายแจ็คได้ขี่รถจักรยานยนต์มาถึงที่เกิดเหตุก่อนนายบอลเพียงแค่ 2 นาที ซึ่งแผนเดิมที่คุยกันไว้ คือจะดักปล้นระหว่างทาง แต่ไม่คิดว่านายบอลจะหักหลังลงมือก่อเหตุตั้งแต่อยู่ในลานจอดห้างสรรพสินค้าแล้วชิงเงินไป พอข่าวออกไม่กล้าแจ้งความเพราะกลัวจะถูกเชื่อมโยงรู้เห็นเป็นใจกับการปล้นของนายบอลด้วย

ส่วนเรื่องการเบิกเงินนั้น นายแจ็คให้การว่า เป็นลูกจ้างของบริษัทแห่งหนึ่งจะจ้างให้ไปเบิกเงิน และจะได้ค่าจ้างครั้งละ 2,000 บาท เบื้องต้นพบว่า บริษัทว่าจ้างให้ไปถอนเงินใช้ชื่อคนไทย 3 คน ในการธุรกรรมทางการเงิน โดย 3 คนนี้ อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย, จังหวัดพังงา, และจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้ทั้ง 3 คน มาชี้แจงเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ทั้ง 3 คน ก็ไม่มาตามหมายเรียก ซึ่งทางการสืบสวนเชื่อว่า น่าจะเป็นเงินที่ถูกปล้นมาจากบัญชีม้า อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงิน


ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 คน ที่ยังหลบหนี เป็นชาวต่างประเทศ ทำหน้าที่ขี่จักรยานยนต์พานายบอลหลบหนี จากการตรวจสอบพบว่า มีการไปขึ้นรถที่ขนส่งหมอชิตและหลบหนีไปทางจังหวัดจันทบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างไล่กล้องติดตามตัว ภายหลังการสอบสวนนายแจ็ค ตำรวจ สน.ประเวศ ได้ควบคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังทันที. -416-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

กกต.สั่งเอาผิดอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ

กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายเลือกตั้งไม่ตรงความเป็นจริง โทษหนักทั้งจำคุก-ตัดสิทธิ 5 ปี

ข่าวแนะนำ

นายกฯ​ ขอบคุณสื่อร่วมทำงาน บอกเป็นคนตรงๆ ไม่ค่อยคิดร้าย

นายกฯ​ ขอบคุณสื่อร่วมทำงาน บอกอายุน้อยที่สุดต้องสร้างความสดใสทุกวงการ​ ขอให้เข้าใจคาแรคเตอร์ส่วนตัวเป็นคนตรง-โผงผาง​ ไม่ค่อยคิดร้ายกับใคร

เลขาฯ กฤษฎีกา ยันยังไม่มีข้อสรุปปม “กิตติรัตน์”

“เลขาฯ กฤษฎีกา” ยันยังไม่ปัดตก “กิตติรัตน์” นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ หรือไม่ เผยเตรียมประชุมคณะกรรมการร่วม สอบคุณสมบัติพรุ่งนี้

“กิตติรัตน์” เคารพการพิจารณา หลังไม่ผ่านคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ

“กิตติรัตน์” โพสต์ข้อความ หลังไม่ผ่านคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ลั่นไม่มีอะไรค้างคาใจ-ไม่เคยขลาดกลัวหนีหายเอาตัวรอด ระบุได้อาสาทำงานให้ประเทศแล้ว ยันเคารพการพิจารณา

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท