ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก คดี “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญา 4 ก.ค. – ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์นัดแรกคดี “แอม ไซยาไนด์” มีมารดา “ก้อย” ผู้เสียชีวิต ขึ้นเบิกความเป็นพยานปากแรก


ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้นัดพิจารณาสืบพยานฝ่ายโจทก์ในคดีการเสียชีวิตของก้อย หรือ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ ซึ่งมีนางสรารัตน์ รังสิตวุฒาภรณ์ หรือแอม ไซยาไนด์ เป็นจำเลยที่ 1, พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ เป็นจำเลยที่ 2  และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัตร์ หรือทนายพัช เป็นจำเลยที่ 3 โดยในวันนี้ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความฝ่ายผู้เสียหาย ได้เดินทางมาที่ศาลพร้อมกับแม่ของก้อย และนายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อคดีแอม ไซยาไนด์ 

โดยทนายเดชา เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการสืบพยานโจทก์นัดแรก ซึ่งมีแม่ของคุณก้อยเป็นพยานปากแรกของฝั่งตน โดยรวมฝั่งโจทก์เบิกพยานบุคคลจำนวน 89 ปาก มีทั้งนักวิชาการ ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน รวมทั้งวัตถุพยานต่าง ๆ ซึ่งศาลนัดสืบพยานฝั่งโจทก์จำนวน 20 นัด


ส่วนตัวมั่นใจการทำงานของตำรวจที่นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ดูแลคดีในขณะนั้นและพนักงานอัยการ รวมถึงพยานหลักฐานต่าง ๆ ในสำนวนที่มีจำนวนหลายแฟ้ม ก็เชื่อมั่นว่า จำเลยไม่น่ารอด เพราะว่าพยานหลักฐานค่อนข้างมัดแน่น เริ่มตั้งแต่ประเด็นการสั่งซื้อสารไซยาไนด์และนำสารไซยาไนด์ไปใช้ รวมทั้งพบสารไซยาไนด์ในรถของแอมและศพก้อย รวมถึงขวดสารไซยาไนด์ พยานแวดล้อมต่าง ๆ ที่ยืนยันสอดคล้องตรงกันและคลิปวงจรปิดที่แน่นหนาพอสมควรในการเอาผิดจำเลย

ส่วนที่ทนายพัชได้ยื่นเรื่องตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ต่อพนักงานอัยการ จะมีผลต่อคดีหรือไม่ ทนายเดชา ระบุว่า พ.ร.บ.อุ้มหาย กับคดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน เท่าที่ตนจำได้ตอนที่ยังไม่ส่งฟ้อง ทนายพัชเคยยื่นคำร้องดังกล่าวแก่ศาลแล้ว แต่ศาลยกคำร้องและให้ไปว่ากล่าวกันต่างหาก ดังนั้น ประเด็นตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งคดีนี้มีประเด็นเดียวคือ แอมวางยาพิษก้อยและชิงทรัพย์หรือไม่ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่เป็นตำรวจและสามีของแอมนั้น จะมีส่วนในการทำลายพยานหลักฐานเพื่อช่วยแอมหรือไม่ ส่วนจำเลยที่ 3 ก็คือทนายพัช มีประเด็นว่า ได้เป็นคนใช้ให้จำเลยที่ 2 หรือสามีของแอมทำลายหลักฐานหรือไม่ เนื่องจากมีแชทการสนทนาที่ระบุว่า ถ้าไม่มีพยานหลักฐาน คดีหลุด ศาลยกฟ้องได้

สำหรับประเด็นที่ทนายพัชต่อสู้ว่า ตำรวจจับกุมแอมโดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้น ไม่น่าจะมีผลต่อรูปคดี เนื่องจากในนัดตรวจพยานก่อนหน้านี้ แอมยอมรับสารภาพว่า ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมโดยชอบและมีหนึ่งในจำนวนพยานบุคคลที่ยอมรับในประเด็นนี้


ด้านแม่ของก้อย ระบุว่า ตนรู้สึกอุ่นใจที่มีทีมทนายความ เข้ามาให้การช่วยเหลือทางคดี ส่วนตัวยังเชื่อมั่นในความยุติธรรม เพราะมีทั้งทีมทนายความและคุณรพีมาให้การช่วยเหลือ รวมทั้งมีคนให้กำลังใจจำนวนมาก ตนจึงมั่นใจว่าจะได้รับความยุติธรรม ส่วนที่ทนายพัชเคยพูดไว้ว่ามั่นใจว่าแอมจะหลุดจากคดีนี้ คุณแม่บอกว่า ตนเองไม่กังวล ยังมีความมั่นใจในเรื่องทางคดี อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงศาลตั้งแต่เช้าก็ได้ขอให้ก้อยดลบันดาลช่วยให้คดีนี้สำเร็จและตนก็เชื่อว่า ก้อยยังไม่ไปไหน ยังอยู่เคียงข้างตนเสมอ ส่วนได้มีการพูดคุยอะไรกับแอมไหมก่อนหน้านี้ แม่บอกว่า เคยคุยกับแอมตั้งแต่แรกว่าให้รับสารภาพ แต่แอมก็ไม่รับสารภาพและไม่คุยอะไรกับตนเลย อีกทั้งยังมีสีหน้าเรียบเฉยใส่ตน มองว่าตัวแอมเองยังไม่มีท่าทีที่จะสำนึก

ด้านนายรพี เปิดเผยว่า ตนขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ยังไม่ลืมคดีนี้ ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตเป็นการทั่วไปว่าการที่ทนายความบอกให้ลูกความทำลายพยานหลักฐาน โดยอ้างว่า หากไม่มีของกลาง แล้วศาลจะยกฟ้องนั้น ถือเป็นการกระทำที่ผิดมรรยาททนายความและจริยธรรมของทนายความหรือไม่ ทั้งที่โดยหน้าที่ของทนายความทั่วไป ควรจะต้องช่วยกันสืบหาความจริงและช่วยต่อสู้ให้เขาได้รับโทษตามความสมควร รวมทั้งอยากฝากถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องว่า “พายเรือให้โจรนั่ง ก็ได้รับกรรมเช่นเดียวกัน” โดยตนมั่นใจว่าในสิ่งที่เขาทำนั้น เวรกรรมต้องถึงแน่ กฎหมายจะเอื้อมไปอย่างไร ตนไม่อาจทราบได้ ตนขอไม่ก้าวล่วงอำนาจศาล ซึ่งศาลจะพิจารณาอย่างไร ก็น้อมรับ

ต่อมาทนายพัช ได้เดินทางมายังศาลอาญา เพื่อร่วมนัดสืบพยานนัดแรกคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย โดยทนายพัชได้เดินทางมาพร้อมกับทีมทนายความมากถึง 7 คน ซึ่งทางทนายพัช เปิดเผยว่า ตนมีความพร้อมในคดีนี้มานานแล้ว ซึ่งระยะเวลาที่ศาลนัดพิจารณาคดีนั้น อาจจะช้าไปนิดหนึ่ง เลยอาจจะไม่ทันใจหลาย ๆ คน ซึ่งยืนยันว่า วันนี้ตนเตรียมพร้อมทางคดีอย่างเต็มที่ โดยดูได้จากทีมทนายความที่มาพร้อมกับตน ซึ่งฝั่งตนได้เบิกพยานบุคคลประมาณ 10 กว่าปากได้ ในจำนวนนี้ทนายพัชอ้างว่า ได้เชิญพยานบุคคลที่มีชื่อเสียงมาให้การในชั้นศาลด้วย เช่น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และกรรชัย กำเนิดพลอย ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาสืบพยานถึงช่วงเดือนกันยายน ส่วนเรื่องผลทางคดีนั้น ตนขอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน พวกตนและทีมทนายความ มีหน้าที่เพียงนำเสนอข้อเท็จจริงอีกมุมมองหนึ่งที่ทางโจทก์ไม่ได้นำเสนอให้ศาลให้เห็น ซึ่งจะมีประเด็นอะไรบ้าง ตนขอสงวนไว้เพื่อเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาล แต่อาจจะเป็นเรื่องของกล้องวงจรปิดหรือเรื่องของความสัมพันธ์ต่าง ๆ

สำหรับประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่า ทนายพัชมีส่วนร่วมในการให้ฝั่งจำเลยทำลายพยานหลักฐานนั้น ทนายพัชยืนยันว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและบอกอีกว่า หน้าที่ของทนายความนั้นอยู่ภายใต้ข้อจำกัดตามกรอบของกฎหมาย แต่ตนมองว่า ก็มีอะไรบางอย่างอยู่ในกระบวนการที่ทำให้แอมรับสารภาพเช่นเดียวกัน

ส่วนประเด็นเรื่องของ พ.ร.บ.อุ้มหาย ที่ทนายพัชเคยเอามาพูดนั้น ทนายพัชระบุว่า การจับกุมนั้นแม้จะเป็นการจับกุมโดยมิชอบ แต่ไม่ได้ทำให้กระบวนการสอบสวนเสียไป พนักงานอัยการยังคงมีอำนาจฟ้องคดีตามปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็ได้ดำเนินการตามเรื่องของ พ.ร.บ.อุ้มหายไปแล้วและอยู่ในระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการ

สำหรับก่อนหน้านี้ที่ทนายพัชเคยให้สัมภาษณ์บอกว่า คดีนี้เสร็จแน่ ทนายพัชชี้แจงว่าจริง ๆ แล้วหมายความว่า คดีนี้นั้นเสร็จทีมทนายความของตน อีกทั้งประเด็นที่ตนถูก กล่าวหาว่าออกมาพูดชี้นำคดีนั้น ตนขอไม่ออกความเห็นในเรื่องนี้อีก แต่ที่ตนได้พูดไปก่อนหน้านี้นั้น ตนมองในภาพรวมเท่านั้น

ด้านนายภูดิท โทณผลิน ทนายความให้กับทนายพัช เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทนายพัชได้ทำหน้าที่ทนายความตามหลักวิชาชีพในการให้คำแนะนำแก่จำเลยในการปฏิเสธ เพราะจริง ๆ แล้วจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ว่ารายละเอียดของทางคดีนั้น ต้องสืบพยานไปสักพักก่อน แล้วภายใน 1-2 สัปดาห์ ก็จะรู้แนวทางการต่อสู้ว่าควรจะต่อสู้อย่างไร.-412-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]