มติ ก.ตร.ชี้คำสั่งให้ “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการ ชอบด้วยกฎหมาย

กรุงเทพฯ 26 มิ.ย. – ที่ประชุม ก.ตร. มีมติ 12 ต่อ 0 เห็นชอบตามมติอนุฯ ก.ตร.วินัย ชี้คำสั่งให้ “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการไว้ก่อน ชอบด้วยกฎหมาย


พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงาน ก.ตร. ในฐานะเลขานุการ ก.ตร. กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้มาชี้แจงกรณีผู้ร้องขอให้ ก.ตร. พิจารณาเกี่ยวกับการปฏิบัติการบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าดำเนินการเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายหรือไม่ ใน 2 คำสั่ง คือ คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 177/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.67 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และคำสั่ง ตร.ที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.67 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งทั้ง 2 กรณี ที่ประชุม ก.ตร. มีมติเห็นชอบตามอนุฯ ก.ตร. ที่อนุฯ ก.ตร.วินัย เสนอว่า การดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 กำหนดแล้ว

พล.ต.ท.อนุชา กล่าวว่า สำหรับกรณีที่การพิจารณายกเลิกหรือเพิกถอนคำสั่งนั้นไม่อยู่ในอำนาจของ ก.ตร. แต่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ที่ประชุมจึงมีมติพร้อมทั้งผู้ที่ร้องได้ใช้สิทธิตามที่กฎหมายกำหนดต่อองค์กรดังกล่าวแล้ว จึงให้ผู้ร้องรอการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร. ต่อไป


“ที่ประชุมมีมติเห็นชอบและไม่มีผู้คัดค้าน โดยในที่ประชุม ก.ตร. มาประชุมทั้งหมด 13 ท่าน จาก 15 ท่าน มี 2 ท่าน ลาการประชุมและไปราชการ โดยอยู่ในการประชุมเพื่อพิจารณาลงมติ 12 ท่าน ซึ่งไม่มีผู้ใดคัดค้าน ที่ประชุมจึงถือว่าให้ความเห็นชอบต่อการประชุม” พล.ต.ท.อนุชา กล่าว

พล.ต.ท.อนุชา กล่าวว่า การดำเนินการในส่วนของกรณีที่มีผู้ที่คัดค้าน หรือกรณีที่คณะกรรมการท่านใดที่เห็นว่าตนมีสภาพที่ทำให้การพิจารณาไม่เป็นกลาง ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองทุกประการ ทั้งนี้ มติที่ประชุมเสียงข้างมากเห็นชอบว่า การดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปตามหลักเกณฑ์แล้ว โดยคณะอนุฯ ก.ตร. มี 19 ท่าน ไม่ได้อยู่ในปฏิบัติหน้าที่ มีประชุม และอยู่ลงมติ 15 ท่าน โดยมีมติเห็นชอบด้วย 14 ท่าน

สำหรับ ก.พ.ค.ตร. จะมีระยะเวลาพิจารณาตามที่กฎหมายกำหนดใน 120 วัน และขอขยายได้อีก 2 ครั้ง ขณะนี้อยู่ในระหว่าง 120 วันแรก น่าเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในกำหนด


พล.ต.ท.อนุชา กล่าว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งและมีการร้องขอให้ ก.ตร. ในฐานะองค์กรที่มีอำนาจกำกับดูแลเรื่องการบริหารงานบุคคล พิจารณาว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายหรือไม่ และมีการมอบหมายให้อนุฯ ก.ตร.วินัย พิจารณาและเสนอ ซึ่งอนุฯ ก.ตร. พิจารณา 2 ครั้ง แล้วเสนอขึ้นมา โดยมีความเห็นว่า การดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปโดยถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดแล้ว และ ก.ตร. ก็มีมติโดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน คือเห็นชอบตามที่อนุฯ ก.ตร.วินัย เสนอ ดังนั้น การดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องการบริหารงานบุคคลทั้ง 2 คำสั่ง ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดแล้ว

ส่วนมติในที่ประชุม หากพิจารณาแล้วเกี่ยวข้องกับใครบ้าง ทั้งผู้ร้อง หรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ถ้าพิจารณาแล้วเกี่ยวข้องจะส่งมติไปให้ทุกหน่วย

พล.ต.ท.อนุชา กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ นายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของประธาน ก.ตร. และการให้ที่ประชุมได้มีการอภิปรายอย่างครบถ้วน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยให้ยึดถือตามกฎหมายและระเบียบ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญลงมาจนกระทั่งถึงกฎหมายระดับอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง

ส่วนเรื่องการเพิกถอนคำสั่ง คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครอง การเพิกถอนคำสั่งในชั้นของฝ่ายบริหารอยู่ในอำนาจของ ก.พ.ค.ตร. ในชั้นของตุลาการอยู่ในอำนาจของศาล

สำหรับ ก.ตร.ทั้งหมดมีจำนวน 15 คน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข รรท.รอง ผบ.ตร. ลาประชุม ทำให้ที่ประชุมเหลือเพียง 13 คน ขณะพิจารณาวาระของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ได้เดินออกจากห้องประชุม เนื่องจากเป็นผู้ที่ลงนามในคำสั่ง ถือว่ามีส่วนได้เสีย ทำให้เหลือ ก.ตร. 12 คน โดยมี 1. นายเศรษฐา ในฐานะประธาน 2. น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. 3. นายปิยะวัฒน์ ศิวะรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. 4. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ 5. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. 6. พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. 7. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช. 8. นายประทิต สันติประภพ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 9. พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 10. นายศุภชัย ยาวะประภาษ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 11. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 12. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ก่อนการประชุม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เรียกรอง ผบ.ตร.ทุกคน มาพูดคุยกันนอกรอบ ที่ห้องรับรองคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ บริเวณชั้น 1 อาคาร 1 ตร. จากนั้นเวลา 15.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึง โดยก่อนเริ่มการประชุม นายกฯ ได้เรียก พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช. และ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าพบที่ห้องรับรองพรหมนอก

ต่อมาเวลา 17.45 น. นายกฯ เดินทางกลับ แจ้งว่าให้เลขานุการที่ประชุม ก.ตร. แถลงผลการประชุม โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เดินลงมาส่ง และแจ้งว่าการประชุมยังไม่เสร็จ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีต ผกก.ขับรถปาดหน้า-ชัก M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง

สงขลา 11 พ.ค. – การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี เดือด ลูกชาย สส.สงขลา ทำร้ายตำรวจคุมหน่วย ส่วน จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้กำกับขับรถปาดหน้าและชักปืน M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดือด นายชวลิต เจริญพงษ์ อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรองนายกเทศมนตรีที่วัง เบอร์ 2 เข้าแจ้งความที่ สภ.กะปาง ว่าถูก พ.ต.อ.พิรุณ อดีต ผกก.ที่ปรึกษาผู้สมัครนายกเทศมนตรีอีกทีม ขับรถไล่ตามและใช้ปืน M16 ข่มขู่ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ที่วัง ได้เจ้อกับลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก เข้ามาพูดจาข่มขู่ พวกตนจึงหนีขึ้นรถเพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าเมื่ออกจากร้านได้เพียง 10 เมตร พ.ต.อ.พิรุณ ได้ขับรถแวนเชฟโรเลตสีขาวปาดหน้า และลงจากรถพร้อมปืน M16 วิ่งมาที่รถของตน เห็นท่าไม่ดี จึงหักพวงมาลัยขับรถหนีและเข้ามาแจ้งความ ระหว่างนั้น พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

ผบ.ตร. สั่งกองวินัยเตรียมสอบ ปมมติแพทยสภาลงโทษหมอ

ผบ.ตร. รับทราบกรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” ลั่นพ่อป่วยจริง แจงสังคมได้

ทำเนียบ 13 พ.ค.- “นายกฯ แพทองธาร” ลั่นแจงสังคมได้ พ่อป่วยจริง ใครจะคิดอย่างไร ห้ามไม่ได้ ชี้มติแพทยสภาว่าไปตามกระบวนการ เผย “ทักษิณ” เตรียมไปศาล 13 มิ.ย.นี้ ย้ำเหตุเกิดก่อนตัวเองนั่งเก้าอี้นายกฯ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 คน จากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเข้าพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ปรากฏการณ์ดังกล่าวมองว่าเป็นการล้อมกรอบพรรคเพื่อไทย และมองกันว่าเป็นการแบ่งชนชั้นว่า ที่จริงแล้วเรื่องนี้ยังไม่มีข้อยุติว่าเป็นอย่างไร และยังไม่มีแพทยสภาคนใด ที่ออกมาพูดว่านายทักษิณ ป่วยจริงหรือไม่จริง ยังไม่ได้มีข้อสรุปตรงนี้และทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ จะแปลว่าอย่างไรก็ไม่ทราบจริงๆ ส่วนจะเป็นชนชั้นอะไรอย่างไรก็ไม่ทราบ เพราะไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้นเลย เมื่อถามว่าหลังแพทยสภามีมติออกมา จะมีผลอะไรตามมากับนายทักษิณหรือไม่ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่าไม่มีและคุณพ่อเตรียมที่จะชี้แจงแค่นั้น เป็นการชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง เมื่อถามย้ำว่าประเด็นนี้สามารถแจงสังคมได้ใช่หรือไม่นางสาวแพทองธารกล่าวว่า แจงได้ และพูดมาตลอดว่า นายทักษิณอายุมากแล้ว และเคยเป็นโควิดตั้งแต่ ก่อนกลับประเทศไทยตอนอายุประมาณ 72 ปี ตนจำได้เพราะไม่สบายหนัก และมีประวัติเรื่องนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่การรักษาที่เมืองนอก และเกี่ยวเนื่องกันมา […]

เพลิงไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ซอยฉลองกรุง 55 ดับสนิทแล้ว

กทม. 13 พ.ค. – เหตุเพลิงไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ซอยฉลองกรุง 55 ไฟดับแล้วทุกจุด เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบสารเคมี เตรียมปิดศูนย์บัญชาการวันนี้ แต่เปิดศูนย์พักพิงให้บริการประชาชนต่อเนื่อง กรณีเหตุเพลิงไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ ซอยฉลองกรุง 55 เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ เกิดขึ้นตั้งแต่ 16.00 น. ของวันที่ 11 พฤษภาคม กระทั่งเมื่อคืนนี้ช่วง 01.00 น. วันที่ 13 พฤษภาคม เกิดมีไฟลุกไหม้ขึ้นมาอีกครั้งบางจุด เนื่องจากอุณหภูมิพลาสติกที่สูงสะสมประกอบกับลมแรง แต่เป็นเพียงหย่อมเล็กๆ และไม่มีการลามไปยังจุดอื่นๆ เจ้าหน้ายังคงคอยควบคุมอุณหภูมิเพื่อป้องกันการลุกไหม้ ประกอบกับฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน จนสามารถควบคุมเพลิงได้ในเวลา 07.00 น. ที่ผ่านมา ซึ่งบรรยากาศขณะนี้ พบว่ายังคงมีกลุ่มควันลอยออกมาจากตัวอาคารที่เกิดเพลิงไหม้อยู่ และยังคงมีกลิ่นสารเคมีลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ วันนี้ นางเกศี จันทราประภาวัฒน์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ลงพื้นที่มาเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ภายในศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ สำนักงานเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ด้วย ด้าน นายธราพงษ์ เพ็ชร์คง ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง เปิดเผยว่า สถานการณ์ล่าสุด ควบคุมเพลิงได้สนิททั้งหมดในช่วงเที่ยงของวันนี้ […]

เตรียมฝากขัง “สจ.กอล์ฟ” พรุ่งนี้ อาจโดนข้อหาซ่องโจรเพิ่ม

สงขลา 13 พ.ค. – ตำรวจยังไม่นำตัว “สจ.กอล์ฟ” กับลูกน้องไปฝากขังผัดแรก ต้องสอบปากคำเพิ่มเติม อาจแจ้งข้อหาซ่องโจรเพิ่มด้วย มั่นใจดิ้นไม่หลุด จากเหตุการณ์ นายสิรดนัย พลายด้วง หรือ สจ.กอล์ฟ สจ. เขต7 จ.สงขลา ลูกชาย สส.สงขลา ส่งลูกน้องไปรุมทำร้าย ด.ต.นิสาธิต คงเทพ ตำรวจตชด. ซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในหน่วยเลือกตั้งที่ อ.เมือง จ.สงขลา เพราะไม่พอใจที่ถูกห้ามถ่ายรูปในหน่วยเลือกตั้ง ขณะไปลงคะแนน ก่อนถูกออกหมายจับ และเข้ามอบตัวตั้งแต่เมื่อวานนี้ (12 พ.ค.) ขณะที่ลูกน้องอีก 6 คน ถูกจับกุมตัวได้หมดแล้ว ซึ่งทั้ง7 คนยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังสภ.เมืองสงขลา เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อนำตัวส่งฟ้องศาล จ.สงขลา พรุ่งนี้ อย่างไรก็ตาม วันนี้อาจมีการนำตัวผู้ต้องหาบางคนออกมาสอบสวนเพิ่มเติม และอาจแจ้งข้อหาเพิ่ม อาทิ ซ่องโจร เนื่องจากเป็นการรวมตัวเกิน 5 คนเพื่อกระทำความผิด อย่างไรก็ตาม คดีนี้เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานหนาแน่นทั้งพยานบุคคล ภาพจากกล้องวงจรปิด หลักฐานในโทรศัพท์มือถือของสจ.กอล์ฟ […]

กทม.ทำบุญให้ผู้สูญหายที่เสียชีวิตจากตึก สตง. ถล่ม

กทม. 13 พ.ค.-พิธีตักบาตรพระสงฆ์และสวดพระพุทธมนต์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้สูญหายที่เสียชีวิตจากอาคาร สตง. ถล่ม พบมี ผู้ว่าฯ สตง.เข้าร่วมพิธี 13 พ.ค.68 ตั้งแต่ช่วงเช้าที่บริเวณชั้น 3 ภายในพื้นที่ก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 109 รูป และพิธีสวดพระพุทธมนต์ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้สูญหายที่เสียชีวิต จากอาคาร สตง. ถล่ม โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เป็นประธาน พร้อมด้วย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม., นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. รวมถึงอาสาหน่วยกู้ภัยและผู้ที่เข้ามาปฏิบัติงานช่วยเหลือตลอดทั้ง 45 วันของปฏิบัติการ โดยพบว่ามี นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เข้าร่วมพิธีด้วย จากนั้นทีมงานที่ปฏิบัติงานทั้งหมด ทั้งหน่วยกู้ภัย รวมถึงทีมจากศูนย์บัญชาการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ทีมสุนัขกู้ภัย […]