ตร. 20 มิ.ย. – “บิ๊กเต่า” รับแชตหลุด “เสี่ยโจ้” สนทนาตำรวจน้ำเป็นของจริง ด้านผู้การตำรวจน้ำขอความเป็นธรรมเผยโพยจ่ายส่วย 1 ล้านบาท เป็นของเก่า ส่วนรองผู้การปราบปรามเผยขยายผลเตรียมออกหมายจับผู้บงการลักเรือน้ำมัน
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พร้อมด้ว ยพล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการตำรวจปราบปราม (รอง ผบก.ป.) ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีการสืบสวนสอบสวนกรณีการตรวจยึดเรือบรรทุกน้ำมันของกลางที่หลบหนีไป
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า การไปดำเนินการทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ได้เข้าไปตรวจสอบ แม้กระทั่งกองปราบปราม และ ปปป. เราจะทำงานได้ดีหรือไม่ดีแล้วแต่ใครจะคิดแต่ทุกอย่างที่ทำเพื่อรักษาองค์กรให้ไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย เรือลำใหญ่ไม่สามารถดูแลของกลางได้ มีเสียงติฉินนินทาไม่เชื่อถือ แต่ขอบอกว่าทุกอย่างเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นตามหน้าข่าวที่ได้ให้ไป จะไม่บิดเบือนข้อมูลให้เกิดความไขว้เขว จะทำอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงการยึดเรือน้ำมันที่ได้มาขนาดไหนก็ให้ว่าไปตามข้อเท็จจริง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า 3 เรื่องที่ทำ มีดังนี้ 1.การตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องในการปล่อยปละละเลยทำให้เสื่อมเสียต่อทางราชการ รวมถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ โดยจะนำทุกสำนวนมารวมเป็นสำนวนเดียว และการตรวจสอบแชตที่หลุดออกมา ยืนยันจะทำอย่างตรงไปตรงมา เพื่อรักษาองค์กรเอาไว้ จะดำเนินคดีไม่ว่ายศเล็กหรือยศใหญ่ จะดำเนินคดีโดยไม่มีความลำเอียง ขอให้เกิดความเชื่อมั่นในส่วนนี้ 2.การนำเรือของกลางกลับมา ด้วยการประสานงานจากภาคีเครือข่าย 3.การตรวจสอบทั้งหมดจะรวมสำนวนมาไว้เป็นสำนวนเดียว
พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ กล่าวว่า เรือของกลางหายทางกองบังคับการตำรวจน้ำ กองบัญชาการสอบสวนกลางเสียใจที่เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ความบกพร่องในกรณีจะเยียวยาได้ดีที่สุดคือการตามเรือของกลาง น้ำมันในเรือ และผู้ต้องหากลับมาให้ได้ ทั้งนี้ขอไล่ไทม์ไลน์ ดังนี้เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ตามที่ได้มีการจับกุมเรือ 5 ลำ ต่อมาวันที่ 12 มิถุนายน เรือได้สูญหายจากท่าที่จอด จากการตรวจสอบเบื้องต้นได้สอบสวนปากคำผู้เกี่ยวข้องมีผู้เข้าข่ายความผิดบกพร่องการปฏิบัติหน้าที่จำนวน 3 ราย ซึ่งผลสรุปจะนำเสนอกองบัญชาการสอบสวนกลางเพื่อดำเนินการต่อไป
พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ กล่าวว่า ในวันที่ 12 มิถุนายนได้รับรายงานเวลา 10.00 น. ได้นำเรียน ผอ.ศปนม.ตร.และ ผบช.ก. ได้สั่งการให้ติดตามเรือและผู้ต้องหากลับมาให้ได้ ต่อมาวันที่ 13 มิถุนายน ได้ประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยได้ประสานไปยังตำรวจและทหารในพื้นที่ประเทศกัมพูชา และได้มีการประสานงานในทางลับ โดยปล่อยข่าวและออกข่าวต่าง ๆ ทำให้กลุ่มเหล่านี้รับทราบข้อมูล ตนยืนยันพร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจในการติดตามเรือทั้ง 3 ลำ กลับมา ทำให้กลุ่มคนร้ายรับทราบ และในวันที่ 17 มิถุนายน จึงสามารถจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาไว้ได้ เมื่อจับกุมผู้ต้องหาและเรือกลับมาได้ น้ำมันของกลางเหลืออยู่ 18,000 ลิตร หลังจากจับกุมมีแชตหลุด ผมขอให้ความเป็นธรรมกับตนเอง ซึ่งมีสื่อบางสื่อไปลงว่าปีนั้นปีนี้ผู้การรับเงินจำนวนเท่านี้ ซึ่งเอกสารที่เผยแพร่ไม่ใช่ปีที่ตัวเองรับราชการอยู่ในตำรวจน้ำ ซึ่งเอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารที่เคยยึดไว้ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และนำมาเป็นเรื่องเดียวกันจึงขอความเป็นธรรมในส่วนนี้ด้วย
พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า คดีแรกเรือน้ำมันเถื่อนอยู่ในความรับผิดชอบของ บก.ปอศ. และอัยการสูงสุดเนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร กองบังคับการปราบปรามมีหน้าที่ในการสืบสวนขยายผลและนำพยานหลักฐานไปสนับสนุนพยานหลักฐานในคดีที่ บก.ปอศ. รับผิดชอบอยู่ ส่วนคดีที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องเรือหาย ทางกองบังคับการปราบปรามเป็นผู้ควบคุม วันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ไปฝากขังเรียบร้อยแล้ว ส่วนการขยายผลผู้ต้องหาที่นำเรือทั้ง 3 ลำและน้ำมันไปขายเพื่อหาคนที่เกี่ยวข้องว่ามีใครบ้าง ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนกองปราบกำลังเร่งรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเสนอศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้นำเรือ เบื้องต้นมีประมาณ 3-4 คน ที่เข้าข่ายกระทำความผิดแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ ส่วนจะมีนาย จ. ด้วยหรือไม่ ขอไม่ระบุตัวบุคคลว่าเป็นใคร
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ส่วนกรณีแชตหลุดที่ปรากฏในสื่อมวลชน จากการตรวจสอบ เชื่อได้ว่า แชตดังกล่าวเป็นแชตจริง โดยเป็นการสนทนาระหว่างข้าราชการตำรวจ 4-6 คน ซึ่งหนึ่งในนั้น เป็นทหารเรือ เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันกับตัวเอง ก่อนที่จะมีการโอนย้ายไปเป็นตำรวจน้ำ ส่วนที่เหลืออีก 5 คน แบ่งเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 2 คน, รองผู้บังคับการสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 2 คน, ผู้กำกับการอีก 1 คน พร้อมยืนยันตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยตัวเองในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน อยากเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอหน่วยงานอื่นเข้ามาตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและข้าราชการตำรวจที่ถูกกล่าวหา เพื่อพิสูจน์ความจริง ซึ่งส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะพิจารณาว่าคณะกรรมการชุดใดจะมีความเหมาะสม
ส่วนเรื่องโพยส่วยที่มีการออกมาเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดการจ่ายเงิน ให้กับ 10 หน่วยงาน ซึ่งหนึ่งในนั้นปรากฏ ข้อมูลว่ามีการจ่ายเงินให้กับผู้บังคับการตำรวจน้ำ 1 ล้านบาท พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ เปิดเผยว่า เอกสารที่พบเป็นเอกสารเก่าที่เคยมีการตรวจยึดได้มานานแล้วเมื่อปี พ.ศ.2555 ที่มีการตรวจยึดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนจะจริงหรือไม่ ตัวเองไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเนื่องจากเป็นหน่วยงานของตัวเองแต่ยินดีให้หน่วยงานอื่นเข้ามาตรวจสอบ ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเนื่องจากตัวเองเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง. -419-สำนักข่าวไทย