สน.บางนา 18 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร.แถลงรวบยกแก๊งคดีนักศึกษาอาชีวะ 2 สถาบันก่อเหตุทะเลาะวิวาท มีผู้เสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 1 ราย ในซอยวชิรธรรมสาธิต ย่านบางนา
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อม พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกันแถลงผลการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาคดีนักศึกษาอาชีวะ 2 สถาบัน ก่อเหตุทะเลาะวิวาท มีผู้เสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 1 ราย ในซอยวชิรธรรมสาธิต ย่านบางนา
พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาผู้ต้องหาซึ่งเป็นเยาวชนอีก 1 คน ที่เหลือ คนสุดท้ายได้ประสานขอเข้ามอบตัวแล้วที่สถานีตำรวจนครบาลบางนา และทางพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวผู้ต้องหาที่เหลือทั้งหมด 5 คน ไปฝากขังศาลในข้อหาเป็นซ่องโจร ร่วมกันฆ่าผู้อื่น, พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนในเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือไม่มีเหตุอันสมควร, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช้เหตุเหตุในเมือง, ทะเลาะกันอย่างอื้ออึงในที่สาธารณะ และชักหรือแสดงอาวุธในการวิวาทต่อสู้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้สามารถติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาได้ครบถ้วนทุกคนแล้ว แบ่งเป็นเยาวชน 9 คน และผู้ใหญ่ 5 คน
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาชุดสืบสวนนครบาลได้สนธิกำลังกว่า 50 นาย เปิดปฏิบัติการบุกตรวจค้น พื้นที่เป้าหมาย 9 จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร สามารถยึดของกลาง เป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก พร้อมกระสุนปืน, อาวุธมีดสั้น 3 เล่ม, มีดยาว 1 เล่ม, ปลายตะขอ 1 เล่ม รถจักรยานยนต์ 8 คัน พร้อมเสื้อผ้าและหมวกกันน็อคที่กลุ่มผู้ต้องหาสวมใส่ในวันก่อเหตุ
พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหา ทราบว่ามูลเหตุจูงใจ มาจากเรื่องความขัดแย้งระหว่างสถาบันที่มีการเตรียมการมาก่อนแต่ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่งอย่างชัดเจน แต่หากพบกลุ่มนักศึกษาซึ่งเป็นของสถาบันฝ่ายตรงข้ามก็จะเข้าก่อเหตุทันที ซึ่งแผนประทุษกรรมของกลุ่มนักศึกษากลุ่มนี้จากการตรวจสอบพบว่าแม้จะมีการเตรียมการมาก่อน เช่น ถอดแผ่นป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ออก รวมถึงสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า แต่ก็ยังถือเป็นการก่อเหตุระดับกลาง ยังไม่ถึงขั้นเป็นองค์กรอาชญากรรมอย่างที่เคยพบในพื้นที่ของสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการกำชับให้ฝ่าย สืบสวนและฝ่ายปราบปรามสถานีตำรวจนครบาลบางนา และกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสถาบันอาชีวะตั้งอยู่ในพื้นที่ ให้ช่วยกันเฝ้าระวังเหตุโดยเฉพาะช่วงเวลาก่อนและหลังเข้าเรียน พร้อมตรวจสอบดูแลเส้นทางเสี่ยงที่อาจจะเกิดเหตุทะเลาะวิวาท และทำความเข้าใจกับ อาจารย์ผู้ปกครองและกลุ่มนักศึกษา ให้ช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทระหว่างสถาบันด้วย.-419-สำนักข่าวไทย