ตร.ไซเบอร์ รวบกราฟิกสาว ขายข้อมูลส่วนบุคคลกว่า 1 ล้านรายชื่อ

14 มิ.ย. – ตำรวจไซเบอร์รวบกราฟิกสาววัย 30 ปี ขายข้อมูลส่วนบุคคลกว่า 1 ล้านรายชื่อ ทางเฟซบุ๊ก พบมีครบทั้งเลขบัญชีธนาคาร เบอร์โทร ไอดีไลน์


พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ “Cyber Sweep” ตรวจค้นเครือข่ายลักลอบการขายข้อมูลส่วนบุคคลกว่า 1 ล้านรายชื่อ ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยคดีนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเฟซบุ๊กโพสต์ข้อความซื้อขายข้อมูลส่วนตัวในกลุ่ม “ซื้อขายฐานข้อมูลลูกค้าทุกอย่าง” ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มเปิดสาธารณะ เข้าไปแชทพูดคุยส่วนตัวกับผู้ที่โพสต์ จึงได้ล่อซื้อข้อมูล มีทั้งสายดำและสายขาว จำนวน 200,000 รายชื่อ ในราคา 3,000 บาท โดยผู้โพสต์จะให้แอดไลน์เพิ่มเพื่อนในไอดีไลน์ จากนั้นจะปรากฏไลน์ชื่อ “ดาต้าฐานข้อมูลลูกค้า” หลังจากพูดคุยตกลงรายละเอียดแล้วจะให้โอนเงินเพื่อซื้อขายข้อมูลตามที่เราต้องการไปยังบัญชีที่ส่งมาให้ทางไลน์ เมื่อโอนเงินเสร็จสิ้นจะได้รับข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่นจริง พร้อมทั้งยังได้รับโปรแกรมยิง SMS ฟรี ซึ่งข้อมูลส่วนตัวที่ได้รับมีหลายประเภท อาทิ ชื่อ นามสกุล หมายเลขบัญชีธนาคาร หมายเลขโทรศัพท์ และไอดีไลน์

จากนั้นเจ้าหน้าที่สืบสวนทราบว่าที่ห้องเช่าภายพื้นที่หมู่ 2 ต.สามกอ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นสถานที่ตั้งขายข้อมูลส่วนบุคคลรายนี้ จึงขอหมายศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว พบสาวอายุ 30 ปี ผู้ต้องสงสัย แสดงตัวเป็นเจ้าของห้อง จึงตรวจยึดโน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง มาตรวจสอบข้อมูลพบ มีข้อมูลส่วนบุคคลทั้งชายและหญิงที่จัดเก็บไว้ในเครื่องกว่า 1 ล้านรายชื่อ


สอบถามผู้ต้องสงสัยให้การว่า เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว เคยทำงานเป็นกราฟิกให้เว็บพนันออนไลน์ ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ได้รับค่าตอบแทน 15,000-18,000 บาทต่อเดือน โดยทำหน้าที่ตัดต่อรูปภาพที่ใช้สำหรับโปรโมทเว็บพนันออนไลน์ ส่วนข้อมูลบุคคลที่ตนได้มานั้นเป็นฐานข้อมูลของลูกค้าที่เคยสมัครเข้าไปเล่นพนันออนไลน์ตามเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งทางเจ้าของเว็บพนันเป็นคนจัดหาข้อมูลมาให้ โดยในคอมพิวเตอร์มีข้อมูลทั้งหมดกว่า 10 ไฟล์ รวมกันกว่า 1 ล้านรายชื่อ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ขายข้อมูลให้ผู้อื่นไปแล้วกว่า 10 ครั้ง เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลนั้นสามารถนำมาทำให้เกิดรายได้ โดยส่วนใหญ่ผู้ทำเว็บพนันออนไลน์ต่างๆ จึงมักมีการลักลอบนำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ามาเสนอขายให้แก่บุคคลทั่วไป หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบขยายผลหาผู้กระทําผิดทั้งขบวนการ

สมาคมธนาคารไทยปิดแล้วกว่า 3 แสนบัญชีออนไลน์ ต้องสงสัยบัญชีม้า
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาตรการยกระดับ จัดการภัยทุจริตทางการเงิน มุ่งป้องกันและจัดการปัญหาบัญชีม้า เพื่อไม่ให้เป็นเครื่องมือมิจฉาชีพในการรับ-ส่งเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชน สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก พร้อมสนับสนุนมาตรการของ ธปท. โดยจัดทำแนวทางปฏิบัติภาคธนาคารร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการป้องกันบัญชีม้าที่จะเปิดใหม่และขยายผลตรวจจับบัญชีม้าที่มีอยู่เดิม ซึ่งจะยกระดับการป้องกันบัญชีม้า 2 ส่วน

ส่วนแรกมาตรการป้องกันบัญชีม้าเปิดใหม่ โดยจะประเมินความเสี่ยงของคนที่มาเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารว่ามีแนวโน้มจะนำบัญชีไปใช้ทุจริตหรือไม่ เช่น การเข้มงวดในการเปิดบัญชีใหม่สำหรับกลุ่มบุคคลที่อยู่ในรายชื่อมีความเสี่ยงสูง หรือกลุ่มบุคคลที่มีข้อสงสัยว่าอาจเป็นบัญชีม้า หรือเคยเป็นบัญชีม้ามาก่อน


มาตรการขยายผลตรวจจับและการจัดการบัญชีม้าให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชี ที่อาจเป็นบัญชีม้าข้ามธนาคาร การตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าที่มีบัญชีกับธนาคาร (กระบวนการ CDD) และการแลกเปลี่ยนข้อมูลจากหน่วยงานราชการกับธนาคาร เพื่อให้แต่ละธนาคารนำข้อมูลดังกล่าวมาประกอบการตรวจจับบัญชีต้องสงสัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ เมื่อธนาคารตรวจพบบัญชีต้องสงสัยจะดำเนินการระงับการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ทันที เพื่อให้เจ้าของบัญชียืนยันตัวตน แสดงหลักฐานว่าเป็นผู้ใช้บัญชีจริง และไม่ได้นำบัญชีไปใช้ทำทุจริต พร้อมนำส่งข้อมูลบัญชีต้องสงสัยไปยังหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาออกคำสั่งทางปกครองเพื่อดำเนินการกับบัญชีต้องสงสัยต่อไป โดยปัจจุบันธนาคารได้ปิดช่องทางออนไลน์ของบัญชีต้องสงสัยไปแล้วกว่า 300,000 บัญชี

ขอให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบจากการเปิดบัญชีม้า หรือยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีของตนเป็นบัญชีม้า ว่ามีโทษตามกฎหมาย และย้ำว่าภาคธนาคารมีมาตรการจัดการที่เข้มงวด เช่น ระงับการใช้งานผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดทันที ไม่อนุญาตให้เปิดบัญชีใหม่ ตลอดจนกำหนดมาตรการอื่นเพิ่มเติม การพัฒนากำหนดฟังก์ชันการใช้งานโมบายแบงก์กิ้งเพิ่มเติม ป้องกันความเสี่ยงให้กับลูกค้าในอนาคต โดยจะพิจารณาอย่างรอบคอบไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการใช้บริการหรือการทำธุรกรรมลูกค้าทั่วไป โดยสมาคมธนาคารไทย ธนาคารสมาชิก เชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้สามารถตรวจจับบัญชีม้าในระบบ และลดบัญชีม้าเกิดใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]