นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย มอง จนท.หละหลวมปล่อยเรือหาย

14 มิ.ย. – ประธานสมาคมการประมงฯ-นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย ให้ความเห็นสอดคล้องกรณีเรือน้ำมันหาย 3 ลำ ใช้ความเร็ว 10 น็อต หลบหนีหลายชั่วโมงก่อนพ้นน่านน้ำไทย คาดเจ้าหน้าที่หละหลวมปล่อยเรือลอยลำโดยไม่ควบคุม มองหากเรือของกลางหายจะไม่สามารถฟ้องคดีได้


นายอภิสิทธิ์ เตชะนิธิสวัสดิ์ นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย กล่าวถึงกรณีเรือบรรทุกน้ำมัน 3 ลำ พร้อมน้ำมันเถื่อน 330,000 ลิตร ของกลางในคดี จอดอยู่ที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี หายไปว่า การเติมน้ำมันของเรือประมงสามารถเติมได้หลายรูปแบบ ส่วนใหญ่หรือประมงจะเติมน้ำมันจากเรือน้ำมันที่ขายน้ำมันเขียว หรือน้ำมันที่กลั่นมาขายให้กับชาวประมง ซึ่งเรือโครงการขายน้ำมันเขียวจะอยู่กลางทะเลโดยสมาคมจะเป็นผู้ออกรหัสให้ หรือจะซื้อน้ำมันจากบนฝั่งซึ่งถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้เรือประมงจะเติมน้ำมันเขียวเนื่องจากถูกกว่าราคาน้ำมันปกติ 2-5 บาท/ลิตร ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันในขณะนั้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ตนเองทำเรือประมงที่ต่างประเทศ หากเรือถูกจับที่ต่างประเทศ โดยปกติจะต้องถอดพวงมาลัยเรือ หรืออุปกรณ์เครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้เรือที่ถูกจับหลบหนีได้ ซึ่งเป็นมาตรการที่ต่างประเทศใช้ เช่น อินโดนีเซีย อย่างไรก็ตามหากไม่มีอุปกรณ์ในการเดินเรือแต่หากมีอะไหล่ ก็สามารถทำได้ ทั้งนี้เรือที่ต่อมาส่วนใหญ่ความเร็วอยู่ที่ประมาณ 10 น็อตต่อชั่วโมง หรือเท่ากับ 18.52 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่หากเจอสภาพอากาศที่ไม่เอื้อจะทำให้ช้าลง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในขณะนั้นว่าจะรุนแรงแค่ไหน หากรุนแรงมากปกติการเดินเรือ 10 น็อต จะเหลือ 5-6 น็อต


อย่างไรก็ตาม หากให้วิเคราะห์ในกรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ การเอาเรือของกลางออกไปอาจเกิดจากมีจังหวะที่ดี ประกอบกับสภาพอากาศในขณะนั้นเอื้ออำนวย ทำให้การหลบหนีออกไปสามารถทำได้ง่ายโดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ควบคุมอยู่บนเรือ ซึ่งช่วงที่เจ้าหน้าที่ได้ให้เรือออกไปลอยลำถือว่าเรืออยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และลูกเรือพร้อม ปัจจัยทุกอย่างทำให้มีความพร้อมในการหลบหนี จึงอาศัยจังหวะดังกล่าวหนี ส่วนเรือที่ไม่มี GPS สามารถนำเรือออกได้ ถ้าผู้ควบคุมเรือมีความเชี่ยวชาญหรือมีความรู้ในการเขียนแผนที่ด้วยดินสอ โดยเฉพาะชาวประมงรุ่นเก่า ๆ สามารถทำได้ ส่วนโทรศัพท์ดาวเทียมไม่สามารถช่วยในการเดินเรือได้ แต่ทั้งนี้เชื่อว่ากรณีดังกล่าวไม่มีความจำเป็นต้องใช้เรือนำในการหลบหนีเนื่องจากคนเรือมีความชำนาญ และสภาพพื้นที่บริเวณสัตหีบเป็นพื้นที่เปิด ทำให้ง่ายต่อการหลบหนี

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวก็สงสัยว่าหลบหนีได้อย่างไรเพราะเป็นเขตพื้นที่ของกองทัพเรือ ทั้งนี้ หากจะหลบหนีไปนอกน่านน้ำไทย คาดว่าใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 วัน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นการหละหลวมของเจ้าหน้าที่ในการปล่อยเรือออกไปลอยลำโดยไม่ควบคุม แม้สภาพอากาศแปรปรวน แต่จะต้องมีเจ้าหน้าที่ในการควบคุมเรือ หรือจะต้องมีการส่องกล้องติดตามอยู่ตลอดเวลาว่าเรือของกลางอยู่หรือไม่

ด้านนายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ได้วิเคราะห์ในกรณีที่เกิดขึ้นว่า เรือน้ำมันเถื่อนจะไม่มี GPS แต่หาก เป็นเรือประมงจะมีติดตั้งอยู่ตลอดเวลา แต่ในส่วนนี้เห็นว่าเป็นเรือน้ำมันเถื่อนแต่ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าจะเป็นน้ำมันเถื่อนหรือไม่เพราะมีการต่อสู้คดีกันอยู่ ประเด็นของกลางจะมีการบกพร่องหละหลวม แม้ในการย้ายออกไปจะมีคลื่นลม จึงจำเป็นต้องย้ายออก แต่คนที่ดูแลมีความสะเพร่าหรือไม่ เพราะเรือไม่ได้วิ่งเร็วมากจะต้องใช้เวลา หากจะไปกัมพูชาจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง เพราะเรือวิ่งได้ 8-10 น็อต


ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าเป็นความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ เพราะอาจคิดว่าไม่มีใครกล้า ในประเด็นนี้ส่วนตัวให้ความเห็นได้ยาก เพราะทราบว่าเจ้าของเรือตามที่ปรากฏเป็นข่าวก็ยังมีคดีอยู่และมีอิทธิพลทางด้านการเงินพอสมควร

เมื่อถามถึงว่าการนำเรือของกลางหลบหนีพร้อมน้ำมันหรืออาจเป็นเพราะเรือมีราคาแพงหรือไม่นั้น นายมงคล กล่าวว่า เรือไม่แพงมาก แต่หากไม่มีของกลางจะสามารถฟ้องคดีได้หรือไม่ หรือจะนำเรือไปจมแล้วไม่ก็รู้ ส่วนตัวมองว่าการนำเรือหายไปอาจเกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวหรือไม่ เพราะเรือไม่ได้มีราคาสูง อาจไปซื้อเรือลำละหลักแสนไปดัดแปลง ราคาเรืออาจไม่กี่ล้านบาท แต่ก็ไม่เข้าใจว่าจะขโมยไปทำไม ส่วนคนที่พาเรือไป เช่น นายท้าย, ถือท้ายเรือ, ช่างเครื่อง อาจจะซวยติดคุกได้

ส่วนสภาพอากาศหากมีคลื่นลมแรงการเดินเรือปกติที่ 10 น็อต ความเร็วอาจลดลงเหลือ 7-8 น็อตได้ เรือไม่ได้เร็ว เพราะมีรูปร่างคล้ายเรือประมง การหลบหนีไปแบบนี้อย่างไรเชื่อว่าจะต้องถูกจับกุมได้ หากไม่นำเรือไปจม หรือเปลี่ยนแปลงสภาพเรือหรือสัญลักษณ์ของเรือเช่น เปลี่ยนสีเรือ, พ่นเปลี่ยนชื่อเรือ สามารถทำได้ไม่ยาก. -419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้าน

กทม. 1 ก.ค.-ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้านตุ๋นแลกคริปโตฯ ชุดสืบปูพรมล่า จากกรณีกลุ่มคนร้าย 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ เงินสด 3.4 ล้านบาท โดยใช้อาวุธมีดจี้ ข่มขู่ผู้เสียหาย 3 คน ที่มาซื้อเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ สกุลเวิน USDT จำนวน 100,000 ดอลล่า ภายในลานจอดรถศูนย์การค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงเวลา 19.30 น. ของวานนี้ (30 มิ.ย.) ภายหลัง พล.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำชุดสืบสวนเร่งรัดติดตามตัว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว อายุ 25 ปี […]

“ทักษิณ” พร้อมลูกสาว เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก

1 ก.ค. – บรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อเวลา 12.10 น. นายทักษิณ พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม ได้เดินทางกลับโดยใช้ประตูด้านข้างของศาลอาญา ก่อนขึ้นรถออกไป โดยเลี้ยวออกไปทางประตูของศาลแพ่ง และเลี้ยวออกถนนพหลโยธินโดยทันที โดยมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงยืนคอยให้กำลังใจอยู่บริเวณริมฟุตบาธบริเวณประตูทางออกอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้มีนางเพญ พินิจอักษร ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ถือรูปนายทักษิณ โดยมีการเขียนข้อความในภาพว่าขอส่งกำลังใจให้นายกฯในดวงใจ พร้อมถือพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ และมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงกลุ่ม 50 เขตแดน กทม. มาให้กำลังใจด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว นายทักษิณ ได้เดินมาทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนหลังจากที่ศาลอาญาได้มีการพักการสืบพยาน ว่า ขอให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ เพราะศาลใช้การพิจารณาลับ ทั้งนี้ไม่สามารถพูดอะไรในกระบวนการได้ จะพูดได้แค่มีพยานกี่ปาก […]

ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 เพิ่ม “จ่าย ตัด ต้น” พร้อมขยายขอบเขต 2 มาตรการเดิม “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย ยอดนี้ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย ว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กระทรวงการคลัง สศช. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ เห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเฟส 1 (เดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย.68) และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ภายใต้โครงการ […]

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

ข่าวแนะนำ

“โชต้า” แข้งลิเวอร์พูล ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

สเปน 3 ก.ค. – “ดิโอโก้ โชต้า” กองหน้าสโมสรลิเวอร์พูล และทีมชาติโปรตุเกส เสียชีวิตแล้ว หลังประสบอุบัติเหตุระหว่างการพักผ่อนที่ประเทศสเปนกับน้องชาย “มาร์ก้า” สื่อชื่อดังของสเปน รายงานข่าวว่า ดิโอโก้ โชต้า กองหน้าสโมสรลิเวอร์พูล วัย 28 ปี เสียชีวิตแล้ว หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่จังหวัดซาโมรา ทางตะวันตกของประเทศสเปน ระหว่างการเดินทางไปพักผ่อนกับ อังเดร น้องชาย เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณกิโลเมตรที่ 65 ของทางหลวงสาย เอ-52 ใกล้เขตซานาเบรีย โดยโชต้าอยู่ในรถคันดังกล่าวพร้อมกับอังเดร น้องชายวัย 26 ปี ซึ่งเป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นกัน และเล่นให้กับสโมสรเปนาฟีแอล ในลีกโปรตุเกส รถยนต์ที่ทั้งสองโดยสาร ประสบเหตุหลุดออกจากถนนและเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง มีพยานในที่เกิดเหตุโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉินหมายเลข 112 ระบุว่า รถถูกไฟคลอกทั้งคัน ดิเอโก้ โชต้า ย้ายจากวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส มาร่วมทัพลิเวอร์พูลในปี 2020 ด้วยค่าตัวราว 44.7 ล้านยูโร ราว 1,700 […]

สั่งปิดประชุมสภาฯ หลัง สส. เสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 3 ก.ค. – การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันแรก ประเดิมด้วยกระทู้สดเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และขณะนี้ประธานสั่งปิดประชุมแล้ว หลัง สส. เสนอนับองค์ประชุม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ประเดิมด้วยการพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชนชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการ รมว.กลาโหม เป็นผู้ชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมีกรณีคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีคุยกับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา โดยระบุว่าขณะนี้มีสัญญาณดี กัมพูชายอมคุยด้วยแล้ว ทางฝ่ายระดับสูงของกัมพูชาเริ่มมีการคุยว่า เชิญไปประชุมทวิภาคี จีบีซี หารือ 2 ประเด็น ถอนกำลังพล-ลดเข้มงวดมาตรการชายแดน แต่ด้วยสถานการณ์ทางด้านโซเชียลฯ ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาทำให้การพูดคุยในเรื่องเงื่อนไขเราก็ยังไม่เป็นที่ตกลงกัน ขอเรียนว่า มีสัญญาณบวกและวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลยังคงมาตรการในการควบคุมด่านอยู่ มีไว้เพื่อสร้างแรงกดดันที่ต้องใช้อย่างเหมาะสม ยืนยันกองทัพทำตาม นโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้หลังการถามกระทู้ ที่ประชุมเตรียมพิจารณารายงานของกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอที่ประชุมให้นับองค์ประชุม เพื่อตรวจสอบจำนวน สส.ภายในห้องประชุม ซึ่งขณะนี้มี […]

ครม. มอบ “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ เบอร์หนึ่ง

ทำเนียบ 3 ก.ค.-ครม. มอบ “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ เบอร์หนึ่ง มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกฯ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ เรื่องการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับดังนี้1.นายภูมิธรรม เวชยชัย2.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ3.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค4.นายพิชัย ชุณหวชิร5.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ทั้งนี้ ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี จะมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจหน้าที่ในการเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการ หรือองค์กรใด ส่วนในกรณีที่ผู้รักษาราชการแทนตาม 2-5 จะสั่งการใดอันเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบฯ อันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ กองอาลักษณ์ฯ เห็นว่า การเสนอ ครม. พิจารณาการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีดังกล่าว เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายและเป็นอำนาจของ ครม. ตามความในมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ดังนั้น จึงเห็นควรเสนอ ครม. ต่อไป […]

เจ้าอาวาสวัดม่วง ยันบริสุทธิ์ใจ ยินดีให้ตรวจสอบ

กรุงเทพฯ 3 ก.ค. – เจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ลงพื้นที่วัดม่วง ตรวจสอบกรณีเงินสด 10 ล้าน และทองคำ 300 บาท หายไป เจ้าอาวาสวัด เผยบริสุทธิ์ใจ ยอมเสียเงินดีกว่าเสียชื่อเสียง ยืนยันแยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีวัด โดยบัญชีวัดจะมีคณะกรรมการและไวยาวัจกรดูแล ส่วนเงินที่หายไป เป็นเงินส่วนตัวที่จะนำไปใช้ทำบุญวันเกิด ช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เดินเข้ามาภายในวัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 ถนนเพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ โดยปฏิเสธให้ข้อมูล เบื้องต้นตอบเพียงว่าเดินทางมาตรวจสอบข้อมูลการเงินของวัด หลังปรากฏข่าวออกไป เจ้าอาวาสวัดม่วง บอกว่าเงินที่หายไปเป็นปัจจัยที่เบิกมา เพื่อเตรียมนำมาทำบุญวันเกิด โดยจะนำเงินส่วนนี้ไปแจกให้กับเด็กนักเรียน และนำไปนิมนต์พระมาทำบุญ รวมถึงจะนำบางส่วนไปใช้ในการก่อสร้างเจดีย์ โดยวันที่ไปเบิกเงินที่ธนาคารไปกับคนสนิท 2 คน และเบิกเงินจำนวน 10 ล้านบาท หลังจากนั้นเดินทางกลับ และนำปัจจัยใส่กระเป๋าวางไว้ใต้โต๊ะในกุฏิ เนื่องจากภายในเซฟมีการเก็บเงินของวัดไว้ จึงไม่ต้องการนำไปรวม ตนเองเองรู้ที่เก็บเงินเพียงคนเดียว ยืนยันมีการแยกบัญชีเงินส่วนตัวและเงินของวัด ในส่วนของวัดจะมีกรรมการและไวยาวัจกรดูแล แต่เงินของตัวเองซึ่งเก็บมากว่า 40 ปี มีอยู่ประมาณ […]