fbpx

จตช.ประสาน ตร.กัมพูชา ติดตามเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย

13 มิ.ย. – จตช.ระบุประสานตำรวจกัมพูชาช่วยติดตามเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย 3 ลำ ซึ่งทางการกัมพูชาพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ส่วนข้ออ้างนำเรือออกไปหลบคลื่นลมฟังไม่ขึ้น จึงต้องย้ายออกนอกพื้นที่


พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปนม.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามเรือของกลาง 3 ลำ ที่หายจากท่าเทียบเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ว่า ได้สั่งการให้จเรตำรวจลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เรือหายว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ หรือมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรือของกลางที่มีน้ำมันเถื่อนอยู่ในเรือหรือไม่ ซึ่งต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและใช้เวลาอีกสักระยะ ส่วนตำรวจน้ำที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับ พ.ต.อ. หรือผู้กำกับ ให้ออกจากพื้นที่ให้หมด จำนวน 5 นายโดยให้มาช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวว่า ส่วนคนที่เคลื่อนย้ายเรือออกไปเป็นคนของเรือ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเรือมีราคาแพงจะต้องมีคนของเจ้าของเรือมาคอยดูแลเรือ คอยติดเครื่องยนต์เรือ และดูแลทางเทคนิคของเรือ ทั้งนี้การที่ให้นำเรือออกไปจอดโดยอ้างว่าหลบคลื่นลม ในข้อเท็จจริงทางตำรวจจะต้องลงไปกำกับดูแลพร้อมกับเรือด้วยเพื่อป้องกันการหลบหนี อย่างไรก็ตาม ขอให้ทางจเรตำรวจได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนใน 7 วัน


ส่วนในกรณีที่เรือของกลางพ้นน่านน้ำไทยไปแล้ว พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวว่า เรือที่ได้มีการจับกุมดำเนินคดีได้มีข้อตกลงระหว่างทูตตำรวจกับประเทศเพื่อนบ้าน จะทำหนังสือประสานแจ้งไปยัง พล.ต.ท.วันวีระ รองอธิบดีกรมตำรวจของกัมพูชา ซึ่งเมื่อวานนี้ได้มีการประสานพูดคุยกันในเบื้องต้นแล้ว
ยืนยันลูกเรือที่นำเรือของกลางหลบหนีไปจะมีความผิดอยู่แล้ว แต่จะเชื่อมโยงกับเจ้าของเรือหรือไม่ อย่างไร ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อน

ส่วนกระแสข่าวว่าเรือของกลางดังกล่าวเป็นของโจ้ปัตตานีนั้น พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวว่า โจ้ ปัตตานี เป็นผู้ต้องหาหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศนานแล้ว โดยมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ภาคใต้ อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับทางรองอธิบดีกรมตำรวจกัมพูชา เมื่อวานนี้ ยืนยันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

เมื่อถามว่าคดีนี้มีความยากง่ายอย่างไรหรือไม่ จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ทั้งนี้จะทำงานอย่างตรงไปตรงมา ผิดก็ว่าไปตามผิด จะตรวจสอบอย่างเต็มที่ และยืนยันว่าไม่มีการช่วยเหลือตำรวจด้วยกันหากพบว่ามีการกระทำผิด.-414-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย