กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – หนุ่มวัย 29 ปี สุดช้ำใจ ถูกนายจ้างหลอกให้นำรถกระบะมาจอดที่บ้าน ผ่านไปหลายเดือนแอบนำรถไปขายให้เพื่อนแล้ว
จากกรณี “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด รับเรื่องร้องเรียนจากนายวัฒน์ อายุ 29 ปี ชาวแม่ฮ่องสอน กรณีถูกนายจ้างร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านวงเวียนใหญ่ ออกอุบายนํารถกระบะไปขาย
นายวัฒน์ ผู้เสียหาย เล่าวว่า ตนมาทํางานกับนายจ้างได้ประมาณ 1 ปี ตอนมาทํางานครั้งแรกนํารถกระบะมาด้วย และเช่าที่จอดเอาเดือนละ 1,000 บาท ต่อมานายจ้างให้นํารถกระบะไปจอดที่บ้านของเขาได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าที่จอดรถ โดยปกติแล้วนายจ้างจะนํารถกระบะของตนออกมาใช้ซื้อของที่ตลาดแทบทุกเดือน ตนก็อนุญาต เพราะเห็นว่าหากจอดไว้เฉยๆ กลัวรถจะเสื่อมสภาพ
โดยครั้งสุดท้ายที่เห็นรถกระบะคือเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 หลังจากขับรถไปทําบุญกับนายจ้าง กระทั่งเดือนธันวาคมปีเดียวกัน ตนต้องนํารถไปต่อภาษีป้ายทะเบียน จึงสอบถามหารถ แต่นายจ้างบอกว่านํารถไปขายให้เพื่อนแล้วที่ปอยเปต ตอนแรกตนคิดว่าพูดเล่นและไม่เชื่อ แต่นายจ้างยืนยันว่าเป็นความจริง แถมยังบอกกับตนด้วยว่าหากไม่พอใจหรืออยากได้รถคืนจะทําอะไรกับเขาก็ได้ หรือจะไปหยิบมีดในครัวมาแทงเขาเลยก็ได้ แต่ตนไม่ทํา
หลังจากนั้นนายจ้างบอกว่าจะซื้อรถให้ใหม่ แต่ไม่เป็นความจริง ตนจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตํารวจ สน.บุปผาราม ถึง 3 ครั้ง เนื่องจากกังวลใจเรื่องค่างวดรถที่ยังค้างอยู่กว่า 600,000 บาท โดยครั้งที่ 3 ตํารวจโทรเรียกนายจ้างเข้ามาพูดคุย จากนั้นบอกให้ตนไกล่เกลี่ย เพราะหากแจ้งความดําเนินคดีจะติดคุกเสียเอง โดยตํารวจอ้างว่าเจ้าทุกข์คือไฟแนนซ์ ชื่อเจ้าของก็ไม่ใช่ชื่อของตน และด้วยที่ไม่รู้กฎหมายจึงยอมไกล่เกลี่ย โดยนายจ้างจะจ่ายคืนให้วันละ 100 บาท ซึ่งในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จ่ายครบ แต่พอมาเดือนพฤษภาคม กลับไม่จ่าย ตนจึงคิดว่าแค่ระยะสั้นยังมีปัญหา จึงตัดสินใจติดต่อขอให้ทนายตั้มช่วยเหลือ
ล่าสุดทนายตั้มพานายวัฒน์ ไปที่ร้านอาหารดังกล่าว ก่อนไปพบนายศรัณย์ นายจ้าง ได้กล่าวคำขอโทษ บอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากตัวแทนของตนด้วย ในส่วนของตนเองจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนการขายดาวน์รถ ขอยืนยันว่าตนเองมีหลักฐานในการขายดาวน์ดังกล่าว โดยมีการฝากขายกับคนที่ชื่อนัท ในส่วนที่ขายดาวน์ได้เงินมาก็ไม่ได้บอกกับน้องเจ้าของรถ หลังจากขายรถได้เงินมาก็นำไปใช้ในธุรกิจส่วนตัว จนไม่สามารถนำเงินก้อนมาคืนได้ หลังจากนี้จะพบพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดี แล้วไปตกลงกันในชั้นศาลเรื่องการผ่อนจ่ายต่อไป.-สำนักข่าวไทย