กองปราบฯ ร่วม FBI ทลายองค์กรอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก

1 มิ.ย. – ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ FBI ทลายองค์กรอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก หลังเหิมเกริมโจมตีระบบองค์การใหญ่ เรียกค่าไถ่ พ่วงแฮ็กระบบสวมรอยรับเงินสวัสดิการรัฐ เสียหายกว่า 190 ประเทศ


กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล รอง ผกก.2 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป., บก.ปอท. และเจ้าหน้าที่ FBI ร่วมกับ Federal Bureau of Investigation (FBI) โดย นายไมค์ ไช FBI attache ประจำประเทศไทย

ร่วมกันตรวจค้นที่พัก 4 หลัง ได้แก่ 1.บ้านหลังหนึ่ง ถ.พระตำหนัก ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 2.ห้องพักในคอนโดมิเนียม พื้นที่หมู่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 3.ห้องพักในคอนโดมิเนียม หมู่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และ 4.ห้องพักในคอนโดมิเนียม พื้นที่หมู่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี


ตรวจยึดของกลาง 1.เงินสดสกุลเงินไทยและต่างประเทศ รวมมูลค่ากว่า 7.5 ล้านบาท 2.นาฬิกาหรู จำนวน 13 เรือน (มีนาฬิกา AUDEMARS PIGUET 3 เรือน ตาม MLAT) รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท 3.เครื่องประดับ จำนวน 23 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท 4.รถยนต์ BMW X7 M50d สีดำ จำนวน 1 คัน 5.โฉนดที่ดิน เอกสารแสดงความเป็นเจ้าของและสัญญาการซื้อขายที่ดิน สถานที่ และคอนโดฯ 6.บัญชีธนาคารของผู้ต้องหา และบริษัท Spicy Code และ 7.อุปกรณ์บันทึกข้อมูล Flash Drive ที่เชื่อว่าบันทึกข้อมูลคีย์การเข้ารหัส หรือรหัสผ่านการเข้ารหัส และอื่นๆ

สืบเนื่องจากทางการสหรัฐอเมริกาขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องการดำเนินการทางอาญา เพื่อจับกุมและทลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ โดยทำหนังสือส่งผ่านสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ประสานงานกลาง ก่อนจะมีการมอบหมายต่อมายังตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ระบุขอให้ประเทศไทยตรวจสอบและหาพยานหลักฐานของนายยุน เหอ พร้อมพวก ซึ่งเป็นผู้ต้องหาอาชญากรออนไลน์ระดับชาติ โดยเป็นผู้ต้องหาในคดีทำให้เกิดความเสียหายแก่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการป้องกัน ฉ้อโกงผ่านการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ และฟอกเงินแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยทางการสหรัฐอเมริกาแจ้งว่าปฏิบัติการนี้เป็นการทำงานร่วมมือในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยและสิงคโปร์ ในการกวาดล้าง ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งใช้อุปกรณ์ติดตั้งมัลแวร์ ร่วมกับเครื่องมือปกปิดที่อยู่ของเครือข่ายอาชญากร ซึ่งเรียกกันว่า 911 S5 ซึ่งผู้ต้องหาในคดีนี้คือนายยุน เหอ พร้อมพวกคนจีน โดยเฉพาะนายยุน เหอ เป็นผู้ก่อตั้งและดูแลระบบหลักของ 911 S5 ทั้งหมด ขณะที่พวกที่เหลือทำหน้าที่ดูแลเอกสาร ธุรกรรมทางเงิน และตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อทำการฟอกเงิน จำนวน 3 บริษัท อยู่ในประเทศไทย


ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่าเครือข่ายนี้ได้ทำการแฮ็ก IP Address ของคอมพิวเตอร์ 19 ล้านเครื่อง ในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก สร้างความเสียหายมหาศาล และยังมีการโกงเงินจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอีกจำนวนมาก ด้วยการแฮ็กเข้าคอมพิวเตอร์ของชาวอเมริกัน และทำเรื่องขอความช่วยเหลือในเรื่องสวัสดิการต่างๆ แต่เมื่อหน่วยงานรัฐอนุมัติเงินช่วยเหลือ กลับเป็นการโอนเข้าบัญชีของอาชญากร โดยที่บุคคลชาวอเมริกันคนนั้นกลับไม่ทราบเรื่องและไม่ได้รับเงินดังกล่าวแต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังมีการแฮ็กเข้าไปขโมยเงิน เหรียญคริปโตฯ โจมตีทางไซเบอร์ เรียกค่าไถ่ (Ransomeware) ด้วยการปิดกั้นการทำงานขอองค์กรใหญ่ และเรียกค่าไถ่แลกกับการให้ระบบกลับมาใช้งานได้ดังเดิม และยังใช้เป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์จากภาพอนาจารของเด็ก รวมไปถึงการขู่วางระเบิด สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนอีกด้วย ขณะเดียวกันคนร้ายกลุ่มนี้ได้ทำการฟอกเงินที่ได้จากกิจการ ซึ่งกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ได้กำไรหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการบริการผิดกฎหมาย และนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ ยานพาหนะ ทรัพย์สินอื่นๆ ในหลายประเทศ หนึ่งในนั้นคือประเทศไทย

จากข้อมูลข้างต้น พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เรียกประชุมโดยด่วน ก่อนมอบหมายให้กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เป็นผู้รับผิดชอบเนื่องจากเป็นพื้นที่รับผิดชอบ ทำการตรวจค้นที่อยู่อาศัย ยานพาหนะของนายยุน เหอ พร้อมทั้งตรวจยึดอายัดทรัพย์สินตามรายการที่ปรากฏตามหนังสือขอความร่วมมือ รวมทั้งสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว ซักถามปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้อง และตรวจยึดทรัพย์สินตามบันทึกร้องขอ โดยได้ทรัพย์สินตามรายการข้างต้น ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ยังสืบทราบว่าผู้ต้องหามีการนำทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดมาแปรสภาพทรัพย์ในประเทศไทย เป็นลักษณะอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทต่างๆ ซึ่งในส่วนนี้รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 67 ได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศสิงคโปร์ และเจ้าหน้าที่ FBI ได้ร่วมกันจับกุมนายยุน เหอ ที่ประเทศสิงคโปร์ ไว้แล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้าน

กทม. 1 ก.ค.-ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้านตุ๋นแลกคริปโตฯ ชุดสืบปูพรมล่า จากกรณีกลุ่มคนร้าย 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ เงินสด 3.4 ล้านบาท โดยใช้อาวุธมีดจี้ ข่มขู่ผู้เสียหาย 3 คน ที่มาซื้อเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ สกุลเวิน USDT จำนวน 100,000 ดอลล่า ภายในลานจอดรถศูนย์การค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงเวลา 19.30 น. ของวานนี้ (30 มิ.ย.) ภายหลัง พล.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำชุดสืบสวนเร่งรัดติดตามตัว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว อายุ 25 ปี […]

“ทักษิณ” พร้อมลูกสาว เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก

1 ก.ค. – บรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อเวลา 12.10 น. นายทักษิณ พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม ได้เดินทางกลับโดยใช้ประตูด้านข้างของศาลอาญา ก่อนขึ้นรถออกไป โดยเลี้ยวออกไปทางประตูของศาลแพ่ง และเลี้ยวออกถนนพหลโยธินโดยทันที โดยมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงยืนคอยให้กำลังใจอยู่บริเวณริมฟุตบาธบริเวณประตูทางออกอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้มีนางเพญ พินิจอักษร ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ถือรูปนายทักษิณ โดยมีการเขียนข้อความในภาพว่าขอส่งกำลังใจให้นายกฯในดวงใจ พร้อมถือพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ และมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงกลุ่ม 50 เขตแดน กทม. มาให้กำลังใจด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว นายทักษิณ ได้เดินมาทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนหลังจากที่ศาลอาญาได้มีการพักการสืบพยาน ว่า ขอให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ เพราะศาลใช้การพิจารณาลับ ทั้งนี้ไม่สามารถพูดอะไรในกระบวนการได้ จะพูดได้แค่มีพยานกี่ปาก […]

ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 เพิ่ม “จ่าย ตัด ต้น” พร้อมขยายขอบเขต 2 มาตรการเดิม “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย ยอดนี้ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย ว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กระทรวงการคลัง สศช. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ เห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเฟส 1 (เดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย.68) และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ภายใต้โครงการ […]

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

ข่าวแนะนำ

รวบเพิ่มอีก 1 แก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงิน 3.4 ล้าน

นนทบุรี 2 ก.ค. – สืบนครบาลบุกรวบเพิ่มอีก 1 คน แก๊ง “เสือปุ่น” ร่วมปล้นเงิน 3.4 ล้านบาท ระหว่างเข้าจับกุมพยายามปีนหลังคาหลบหนี สุดท้ายไม่รอด ตกลงมาบาดเจ็บ เร่งล่าอีก 4 รายที่ยังหลบหนี ภาพขณะตำรวจสืบนครบาล บุกรวบนายนนทวัฒน์ หรือสอง ที่บ้านพักย่านนนทบุรี หลังร่วมแก๊งนายวรวัฒน์ หรือ “เสือปุ่น” คนดังสายคุกในโซเชียล ปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท ในลานจอดรถห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว โดยนายสอง พยายามหลบหนีด้วยการปีนหลังคาบ้านและตกลงมาถูกเศษกระจกบาดขาได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายสอง ส่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าก่อน จากนั้นนำตัวมาสอบปากคำที่ สน.พหลโยธิน โดยมีรายงานข่าวว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองบัญชาการตำรวจนครบาลจะเข้ามาสอบปากคำนายสองด้วยตนเอง สำหรับคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน ถูกจับกุมเมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) 2 คน คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว ทำหน้าที่เป็นเอเย่นต์หรือตัวแทนหลอกซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ผ่านเฟซบุ๊ก และ น.ส.นานา ซึ่งอ้างว่าถูกนายหนาวชักชวนมาก่อเหตุ ล่าสุดคือนายสอง ทำให้ยังเหลือผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังหลบหนี […]

“พล.อ.ณัฐพล​” ยัน​ไม่มีสุญญากาศ​ แม้ไร้​ รมว.กลาโหม

กลาโหม 2 ก.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยัน​ไม่มีสุญญากาศ ​แม้ไร้​ รมว.กลาโหม​ เผย​ชายแดนกัมพูชา​มีแนวโน้มดีขึ้น​ หลัง “เตีย​ เซ็ยฮา​” ยอมคุย​เปิดเวที​ GBC​ แต่อยู่ระหว่างต่อรอง​ ย้ำ​คำนึงถึงศักดิ์​ศรีของ​ 2 ประเทศ​ ขอบคุณนายกฯ เชื่อมั่น​ พร้อมระบุ​ กต.​เตรียมรับมือปม “ฮุน มา​เนต” นำ​ 3 ปราสาท​ -​ 1 พื้นที่สู่ศาลโลก พลเอกณัฐพล​ นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ กล่าวถึง ภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชา ว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังทรงอยู่ แต่เราได้ใช้กลไกในทุกระดับของกองทัพ ในการประสานงานกับกัมพูชา และพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการพูดคุยแบบทวิภาคี​ สิ่งที่กระทรวงกลาโหมคาดหวัง คือกลไก​ GBC​ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ในขณะเดียวกันระดับรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ก็มีการพูดคุย​ ซึ่งมีสัญญาณที่ดีขึ้นเล็กน้อย คือทางกัมพูชาเริ่มคุยด้วยจากก่อนหน้านี้ที่ไม่คุยเลย แต่ยอมรับว่ายังมีการต่อรองกันอยู่ ซึ่งฝ่ายไทยยึดถือศักดิ์ศรีของ 2 ประเทศ […]

“สุริยะ” ปัดตอบตื่นเต้นหรือไม่ รักษาราชการแทนนายกฯ วันแรก

ทำเนียบ 2 ก.ค.- “สุริยะ” ยิ้มรับสื่อฯ ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี ปีที่ 93 ปัดตอบตื่นเต้นหรือไม่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้าโดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม ปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนว่าตื่นเต้นหรือไม่ ในการทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเป็นวันแรก จากนั้นนายสุริยะ เป็นประธานในพิธีเนื่องในโอกาสวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี ปีที่ 93 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นภารกิจแรกหลังทำหน้าที่รักษาราชการนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

“ทักษิณ” ฟังสืบพยานโจทก์ นัดที่ 2 คดีหมิ่นเบื้องสูง

2 ก.ค.- “ทักษิณ” ถึงศาลอาญา เข้าฟังสืบพยานโจทก์ นัดที่ 2 คดีหมิ่นเบื้องสูง ทนายเผยคุยกับลูกความแค่เรื่องคดี ปัดคุยเรื่องการเมือง ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดที่ 2 คดีดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม.112 ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีเมื่อปี 2558 นายทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อทีวีต่างประเทศประเทศเกาหลีใต้พาดพิง ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว วันนี้ นายทักษิณ จะเดินทางเข้ามาฟังการสืบพยานโจทก์เป็นวันที่สอง โดยเดินทางมาถึงศาล เวลาประมาณ 09.26 น. ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้เป็นการสืบพยานโจทก์นัดที่ 2 โดยเป็นการสืบพยานโจทก์ทั้งหมด 4 ปาก แต่ตนไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นใครบ้าง และในส่วนของพยานจำเลยจะเริ่มในสัปดาห์ถัดไป เมื่อถามว่าหลังจากการสืบพยานโจทก์นัดแรก เมื่อวานเสร็จสิ้นได้มีการพูดคุยกับนายทักษิณหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ได้มีการคุยกันในฐานะทนายความกับลูกความ […]