ตร.ไซเบอร์ ทลาย 2 เครือข่ายเว็บพนัน ยึดทรัพย์รวม 90 ล้าน

25 พ.ค. – ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการ “FULL STEAM” บุกทลาย 2 เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “บ้านหวย.com” และ “new.8lsm.com” พบเงินหมุนรวมกันกว่า 90 ล้าน ยึดทรัพย์สินรวมกันกว่า 90 ล้าน
 
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท, พ.ต.อ.ขจร อบทอง รอง ผบก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลปฏิบัติการ FULL STEAM บุกทลาย 2 เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “บ้านหวย.com” และ “new.8lsm.com” พบเงินหมุนรวมกันกว่า 90 ล้าน ยึดทรัพย์สินรวมกันกว่า 90 ล้าน


พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า การแถลงข่าวจับกุมวันนี้ทั้ง 3 เครือข่าย เป็นเครือข่ายใหม่จะแฝงด้วยการไลฟ์สดมากขึ้น และมีการขยายผลจากเครือข่ายเก่าด้วย 1 เครือข่าย ทั้งนี้ได้แจ้งย้ำเตือนให้ผู้ปฏิบัติได้ปฏิบัติตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ขอให้มีการจับกุมอย่างจริงจังและต่อเนื่องจะเห็นได้ว่ามีการจับกุมทั้งบัญชีม้าขยายผลไปจนถึงเจ้าของเว็บพนัน สิ่งสำคัญที่สุดที่ตำรวจไซเบอร์ได้ดำเนินการคือการยึดทรัพย์ และได้มีการสั่งการให้ปิดกั้นเว็บไซต์การพนันต่างๆ ซึ่งแต่ละวันเฉลี่ยมีการส่งเว็บไซต์ไปปิดกั้นประมาณ 1000 เว็บไซต์

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีขีดเส้นให้มีการดำเนินการใน 30 วัน พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ได้รายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบ และนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้มีผลปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอ ส่วนการประเมินเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา เรามีหน้าที่ปฏิบัติ ก็ทำหน้าที่ ตั้งแต่รับตำแหน่งมีการประชุมขับเคลื่อนในทุกสัปดาห์ ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าจะมีการแถลงผลปฏิบัติการเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2-3 เคส


ขณะที่ พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า ตำรวจไซเบอร์มีไซเบอร์การ์ดในการตรวจสอบและปิดกั้นเพจทุกวัน ทั้งนี้คนร้ายมีการเปลี่ยนแผนประทุษกรรมเข้าสู่ระบบออนไลน์มากขึ้น มีการเปลี่ยนรูปแบบจากบนดินมาออนไลน์ มีการถ่ายเททรัพย์สินที่ได้จากการพนันเปลี่ยนเป็นการเทรดหุ้น ทองคำ คริปโต ส่วนผู้เล่นการพนัน 6-7 พันราย ที่อยู่ในแต่ละเครือข่ายจะต้องถูกตรวจสอบด้วยเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมามีการขยายผลจับกุมจากกลุ่มย่อยมาเป็นกลุ่มใหญ่ที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์
 
พ.ต.อ.ขจร กล่าวว่า ตำรวจไซเบอร์ได้สืบสวนหาเบาะแสการกระทำผิดเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ เพื่อดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรีและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทั่งพบข้อมูลว่ามีการลักลอบเปิดให้เล่นพนันออนไลน์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตโดยประชาชนคนไทยโดยทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ จำนวน 2 เครือข่าย ได้แก่ บ้านหวย.com และ new.8lsm.com ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายค้นและหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้หลายราย จนกระทั่งนำมาสู่ปฏิบัติการตรวจค้น ดังนี้
 
พ.ต.อ.ขจร กล่าวว่า เครือข่ายที่ 1 บ้านหวย.com มีสมาชิกผู้เล่นกว่า 22,000 คน พบยอดเงินหมุนเวียนเดือนกว่า 80ล้านบาทต่อเดือน สามารถรวบรวมพยานหลักฐานจนขอออกหมายจับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องรวม จำนวน 9 ราย ได้แก่ เจ้าของเว็บไซต์ 1 ราย ผู้จัดการ 2 ราย ผู้ดูแลการเงิน 3ราย และบัญชีม้า 3 ราย ต่อมาได้ขอหมายค้นจากศาล เพื่อเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 4 จุด ได้แก่
1.บ้านพักหลังหนึ่งซึ่งถูกใช้เป็นที่ทำการของศูนย์คอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่ ถนนพุทธมณฑล สาย 1 แขวงบางด้วน เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
2.บ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
3.บ้านพักหลังหนึ่งซึ่งถูกใช้เป็นที่ทำการของศูนย์คอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่ ถนนพุทธมณฑล สาย 5
ต.บางเตย อ.สามพราน จ.นครปฐม
4.บ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.เกวียนหัก อ.ขลุง จ.จันทบุรี
 
ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 8 ราย ทั้งเจ้าของเว็บไซต์ ผู้จัดการ ผู้ดูแลการเงิน และบัญชีม้า อีกทั้ง ยังพบผู้กระทำความผิดที่เป็นพนักงานแอดมินไลฟ์สดเล่นพนันออนไลน์เพิ่มเติม จำนวน 3 ราย จึงได้เชิญตัวมารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง รวมมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท ดังนี้ทองคำแท่ง 99.99% น้ำหนัก 6 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 17 ล้านบาท, โฉนดที่ดิน จำนวน 3 ฉบับ มูลค่ารวม 14.7 ล้านบาท, รถยนต์ Mercedes benz GLC, รถยนต์ Tesla Model Y, รถยนต์ Honda Civic, กองทุนรวม มูลค่า 22.3 ล้านบาท, พอร์ตหุ้นไทย มูลค่า 7.3 ล้านบาท, เงินในบัญชีธนาคาคารที่เกี่ยวข้อง 6.4 ล้านบาท, อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ, สมุดบัญชีธนาคาร และบัตรกดเงิน, อุปกรณ์ไลฟ์สดเล่นพนันออนไลน์

พ.ต.อ.ขจร กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้สามารถจับกุมเจ้าของเว็บไซต์ ซึ่งเดิมเป็นโปรแกรมเมอร์ ได้มีการเขียนโปรแกรมการพนันขึ้นมาเองและเปิดเว็บให้มีการเล่นการพนันโดยใช้ผลหวยต่างๆ จากเว็บไซต์ต่างประเทศ
 
เครือข่ายที่ 2 new.8lsm.com มีสมาชิกผู้เล่นกว่า 9,000 คน มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจนขออนุมัติหมายจับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องรวม จำนวน 3 ราย ได้แก่ ผู้ดูแลการเงินและรับผลประโยชน์ จำนวน 2 ราย และบัญชีม้า จำนวน 1 ราย ต่อมาได้ขออนุมัติหมายค้น จากศาลเพื่อเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ในซอยวชิรธรรมสาธิต 55 แยก1 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.
 
ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้รวม 2 ราย คือ ผู้ดูแลการเงินและรับผลประโยชน์พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาทดังนี้ เงินสด 1,098,000 บาท, ทองคำแท่ง น้ำหนัก 100 บาท มูลค่าประมาณ 4.1 ล้านบาท, โฉนดที่ดิน 2 ฉบับ มูลค่ารวมประมาณ 14.5 ล้านบาท, รถยนต์ Ford Everest, อาวุธปืน 3 กระบอก, พระเครื่อง, โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และบัตรกดเงิน
 
จากการปฏิบัติการในครั้งนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวมทั้งสิ้น 10 ราย ยึดทรัพย์ได้มูลค่ารวมกว่า 90 ล้านบาท โดยดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันเอาทรัพย์สินกันทางอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต และสบคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-419-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]

โฆษก ทบ. ซัดเขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมร

2 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก ซัด เขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมรจนพิการและมีปัญหาทางจิต ยันมีหลักฐานชัดทำทุกอย่างภายใต้กติกาสากล จากกรณี สื่อกัมพูชาปั่นข่าวหนักโจมตีกล่าวหาไทย อ้างว่าปฏิบัติโหดกับ 2 ทหารกัมพูชาที่ถูกส่งกลับ จนพิการและมีปัญหาทางจิต พร้อมจะยื่นเรื่องถึงยูเอ็นนั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 11.08 น. วันที่ 2 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีที่ทหารไทยจับกุม และควบคุมตัว ทหารกัมพูชา ภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่าไทยทำร้ายร่างกายอย่างไม่เป็นธรรมทำก่อนส่งกลับนั้น เป็นเพียงคำกล่าวหา บิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการหยุดยิงแบบฉับพลัน แต่สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธต่อกัน ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริงตามกฎหมายสากล กระบวนการฝ่ายทหารในการควบคุมตัวไว้ก่อน จึงยังสามารถทำได้ตามอนุสัญญาเจนีวา พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพบก มีแผนและพร้อมที่จะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ICRC มาดูความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งอยู่ในกรอบการดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาเจนีวาอย่างสมบูรณ์ และชัดเจน หากกังวลเรื่องความเป็นอยู่ เพราะรู้เท่าทันว่าฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายทหารไทย ทางผู้แทน UNHCR และ ICRC จึงสามารถขอเข้ามาดูได้ […]