ตร.เรียกภรรยา “เสี่ยต้น” สอบอีกรอบ หลังพบคำให้การยังขัดแย้งกัน

สน.วังทองหลาง 23 พ.ค. – ตำรวจเรียกสอบปากคำ ภรรยา “เสี่ยต้น” อีกรอบกลางดึกเมื่อคืน หลังพบคำให้การยังขัดแย้งกัน ด้านรอง ผบช.น. เรียกประชุมชุดทำคดีเย็นวันนี้


ความคืบหน้าการเสียชีวิตของนายพิชิต กลีบจินดา อายุ 45 ปี หรือ เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจสอนสปาและนวดแผนไทย ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา หลังกลับไปหาภรรยา คือ นางมด ที่บ้านพักในจังหวัดมหาสารคาม กระทั่งน้องสาวของเสี่ยต้นเข้าปรึกษาเพื่อขอความช่วยเหลือกับนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ที่สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ โดยสงสัยว่าเป็นการตายอย่างมีเงื่อนงำ เพราะสภาพศพดำคล้ำผิดปกติ เหมือนถูกวางยาพิษ ได้เดินหน้าร้องขอให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีการตายของพี่ชาย และขอให้เร่งหาตัวคนร้ายที่ขี่ จยย.ตามประกบยิงรถตู้ของพี่ชาย เหตุเกิดในท้องที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 เม.ย.67 เพราะเชื่อว่าทั้ง 2 เหตุการณ์น่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน

พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เปิดเผยผ่านโทรศัพท์ว่า ในคดีลอบยิงเมื่อวานนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ “ส้ม” น้องสาวของมด ภรรยาของเสี่ยต้น นานกว่า 3 ชั่งโมง จากนั้นได้เรียกมด มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งในช่วงดึก ซึ่งเป็นการสอบในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการไปร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา ของเสี่ยต้น ก่อนถูกลอบยิง เพื่อหาข้อเท็จจริงให้ได้ว่า ใครโทรหาใครเพื่อชวนใครไป แล้วเหตุผลอะไรทำไมจึงต้องไปที่นั่น รวมถึงสอบในประเด็นที่ตำรวจยังสงสัยเพิ่ม เพราะยังมีคำให้การขัดแย้งกัน ในฝั่งภรรยาและฝั่งของพ่อแม่เสี่ยต้นผู้เสียชีวิต


ทั้งนี้ จากการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องยังพบข้อมูลว่า เสี่ยต้น เมื่อถูกลอบยิงแล้ว นอกจากโทรศัพท์ไปหามด เพื่อบอกว่าถูกลอบยิงแล้วก็ยังโทรศัพท์ไปบอกน้องชาย คือ นายเต้ ด้วย แล้วก็มีการพูดคุยกับน้องชายในประเด็นที่ไม่สามารถพูดคุยกับคนอื่นได้

ล่าสุดนางสาวณัฐปภัษร์ หรือ เจ น้องสาวของเสี่ยต้น ได้เดินทางมาที่ สน.วังทองหลาง เพื่อติดต่อขอรับโทรศัพท์มือถือของแม่คืนจากตำรวจ หลังจากตำรวจได้นำมาดูข้อมูลการใช้โทรศัพท์ เพื่อไปตรวจสอบหาความเชื่อมโยงทางคดีหลังพบเบาะแสของคนร้าย

นางสาวณัฐปภัษร์ เปิดเผยว่า วันนี้ ตนเองมารับมือถือของแม่ หลังตำรวจได้ขอไปดูข้อมูล เพราะมีข้อมูลการโทรเข้า-ออก ของแม่หลังเกิดเหตุ โดยพบว่าพี่ชายคือ เสี่ยต้น ได้พูดคุยกับแม่ และก็พาแม่ไปกินข้าว พาไปรดน้ำมนต์


ส่วนกรณีที่ เสี่ยต้นถูกยิง แล้วโทรศัพท์ไปหานายเต้ น้องชาย และเสี่ยต้นบอกกับนายเต้ในประเด็นที่บอกใครไม่ได้นั้น นางสาวณัฐปภัษร์ กล่าวว่า ตนเองก็ทราบและได้ให้ข้อมูลกับตำรวจไปหมดแล้ว ซึ่งพี่ต้นกับเต้ได้คุยกันทั้งก่อนหน้าถูกยิง และหลังจากถูกยิง และยืนยันว่าการเดินทางไปที่ร้านอาหาร มีการชักชวนกันเกิดขึ้นจริง ส่วนใครชวนใครขอให้ตำรวจเป็นคนสรุป เพราะขณะนี้ก็เริ่มมีหน้าผู้ต้องสงสัยมาแล้ว ซึ่งหากมีการออกหมายจับก็จะเห็นกันเอง

นางสาวณัฐปภัษร์ ยอมรับว่า ส่วนตัวได้เห็นภาพของผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจให้ดูแล้ว ซึ่งพบว่ามีบุคคลที่หน้าชัด 1 คน ส่วนจะเป็นคนใกล้ตัวหรือไม่ และเป็นคนที่ตนเองหรือพี่ชายรู้จักหรือไม่ ขอให้ตำรวจเป็นคนสรุป

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องสงสัยคนนี้ เป็นคนที่เสี่ยต้นเคยเล่าให้นายเต้ น้องชายฟังหรือไม่ และเป็นคนที่เสี่ยต้นรู้จักหรือไม่นั้น นางสาวณัฐปภัษร์ ระบุว่า ขอให้ตำรวจเป็นคนดำเนินการ แต่มีแนวโน้มที่ดีและคดีคืบหน้าไปมาก เพราะคำให้การที่ตนเองและญาติๆ ได้ให้กับตำรวจไป สอดคล้องกับภาพผู้ต้องสงสัย ทำให้ตำรวจจึงมุ่งไปทางนี้

ถามต่อว่าเคยคิดมาก่อนหรือไม่ว่าผู้ต้องสงสัยคนนี้จะเป็นคนก่อเหตุ น้องสาวเสี่ยต้น กล่าว มีใกล้เคียง เพราะเรามีการพูดคุยกันหลายคนในกลุ่มญาติ ว่าน่าจะเป็นคนนี้ จึงได้ส่งข้อมูลให้กับตำรวจ และตำรวจจึงได้มาขอข้อมูลจากโทรศัพท์แม่และญาติๆ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนผู้ต้องสงสัยเคยเป็นประเด็นกับพี่ชายมาก่อนหรือไม่นั้น เมื่อดูจากสภาพแวดล้อมและความน่าจะเป็นจึงได้สรุปข้อมูลของญาติไปในหลาย ๆ อย่าง และพอมีกล้องวงจรปิด จึงสอดคล้องกับข้อมูลที่ได้คุยกัน ทั้งนี้ ส่วนตัวของตนเองไม่มีข้อมูลทั้งหมด แต่ญาติคนอื่น ๆ มีข้อมูลของผู้ต้องสงสัยและปมความขัดแย้ง แต่ขอให้รอตำรวจสรุปมูลเหตุจูงใจดีกว่า

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เป็นคนนี้กี่เปอร์เซ็นต์ที่เชื่อว่าก่อเหตุ นางสาวณัฐปภัษร์ เปิดเผยว่า มีลักษณะใกล้เคียง ส่วนจะเชื่อมโยงกับแชทลับหรือไม่ ตนเองไม่ทราบเพราะตนเองไม่ได้มีข้อมูลทั้งหมด และส่วนถ้าเป็นบุคคลนี้มูลเหตุมาจากเรื่องไหนนั้น มูลเหตุก็มาจากหลายอย่าง แต่ทั้งหมดขอให้รอตำรวจเป็นคนสรุป

ส่วนคดีที่ สภ.ยางสีสุราช จ.มหาสาคาม นั้น นางสาวณัฐปภัษร์ กล่าวว่า ตำรวจได้มีการนัดตนเองกับหลวงพ่อไปให้ปากคำเพิ่มเติม เป็นข้อมูลทั้งหมดที่มีโดยเฉพาะข้อสงสัยการเสียชีวิต และขณะนี้ตำรวจก็จะรอการจับตัวคนร้ายที่ สน.วังทองหลาง ก่อน เพราะหากจับคนร้ายได้ ก็จะขยายผลได้ง่ายขึ้นด้วย

นางสาวณัฐปภัษร์ กล่าวว่า วานนี้ (22 พ.ค.) แม่ของตนได้ย้ายจากบ้านย่านพัฒนาการ 20 ไปอยู่คอนโด พร้อมยอมรับว่า สภาพจิตใจแม่แย่มาก ทั้งนี้ หากมีอะไรก็ขอให้ติดต่อผ่านตนเองคนเดียว เพราะหลังจากนี้ต้องมีการขึ้นศาลจึงต้องรักษาตัวให้ดีขึ้น ตอนนี้แย่มากจากการดูข่าวเพราะโดนโจมตีหนักมาก โดยเฉพาะประเด็นเรื่องหวังเงินซึ่งตามกฎหมายตนเองไม่มีสิทธิ์ได้อยู่แล้วแต่ตนเองทำเพื่อพ่อกับแม่ ส่วนที่ย้ายไปคอนโด เพราะภรรยาของเสี่ยต้นไล่ไปหรือไม่ ก็ขอให้ตำรวจเป็นคนสรุป และให้ตำรวจแจ้งเลยว่าใช่หรือไม่ และตอนนี้ ตนเองก็เอาหลานไปฝากญาติแล้ว เพราะหลังมีข่าวก็มีผลกระทบกับการใช้ชีวิตและทำงานลำบากเพราะต้องเดินเรื่องทางคดี

มีรายงานว่า ในวันนี้จะมีการเรียกพยานแวดล้อมมาสอบปากคำเพิ่มเติมประมาณ 2-3 ปาก คือ พนักงานร้านนวดสปา ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพบเห็นพฤติกรรมของเสี่ยต้น ในฐานะลูกน้องกับเจ้านาย เพื่อให้ครบถ้วน

ขณะเดียวกันในเวลา 18.00 น.วันนี้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีทั้ง ชุดสืบสวน สน.วังทองหลาง ชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ชุดสืบสวนนครบาล เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี หลังพบเบาะแสของผู้ก่อเหตุ 2 คน ตามภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว ซึ่งมีรายงานจากชุดทำคดีด้วยว่า ขณะนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการคลี่คลายคดีและติดตามตัวผู้ก่อเหตุแล้ว คาดว่าจะสามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้แน่นอน. -419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย