น้องเมียและลูกสาว “เสี่ยต้น” พร้อมทนาย เข้าให้ปากคำตำรวจ

กทม. 22 พ.ค.-น้องเมียและลูกสาว เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจนวดสปา พร้อมทนาย เข้าให้ปากคำตำรวจ ในฐานะพยานใกล้ชิด หลังน้องสาวสงสัยถูกวางยาดับ

คการเสียชีวิตของนาย พิชิต กลีบจินดา อายุ 45 ปี หรือ เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา หลังกลับไปหาภรรยา คือ นางมด ที่บ้านพักในจังหวัดมหาสารคาม กระทั่งน้องสาวของเสี่ยต้นเข้าปรึกษาเพื่อขอความช่วยเหลือกับนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ที่สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ โดยสงสัยว่าเป็นการตายอย่างมีเงื่อนงำ เพราะสภาพศพดำคล้ำผิดปกติ เหมือนถูกวางยาพิษ ได้เดินหน้าร้องขอให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีการตายของพี่ชาย และขอให้เร่งหาตัวคนร้ายที่ขี่ จยย.ตามประกบยิงรถตู้ของพี่ชาย เหตุเกิดในท้องที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 เม.ย.67 เพราะเชื่อว่าทั้ง 2 เหตุการณ์น่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน


ความคืบหน้าที่ สน.วังทองหลาง-22 พ.ค.67 นางสาวส้ม ซึ่งเป็นน้องสาวของนางมด ภรรยานายพิชิต หรือเสี่ยต้น ผู้เสียชีวิต และลูกสาววัย 16 ปี ของผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ หรือทนายพัฒน์ เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อมาสอบปากคำในฐานะพยานที่เป็นคนใกล้ชิด และเป็นคนที่พาเสี่ยต้นเข้ามาแจ้งความที่โรงพัก

นางสาวส้ม น้องสาวภรรยาของเสี่ยต้น เปิดเผยว่า ตนทราบเหตุการณ์ในวันที่เสี่ยต้นถูกลอบยิงในวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา โดยลูกสาวของเสี่ยต้น เป็นคนโทรศัพท์มาแจ้ง ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน หลังจากนั้นตนก็ออกไปหาพี่สาว ก่อนจะออกมาหาเสี่ยต้นแล้วเดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่ สน.วังทองหลาง


ซึ่งในวันเกิดเหตุก่อนที่จะเกิดเรื่องตามที่พี่สาวได้ให้สัมภาษณ์ว่า มีการนัดพบกับเสี่ยต้น ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่ตนไม่ได้ไปร่วมรับประทานอาหารด้วย และไม่ทราบว่าพี่สาวกับเสี่ยต้น ได้ไปรับประทานอาหารด้วยกันมาก่อน พอตนมาที่โรงพักก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่สาว โดยตัวของพี่สาวเองก็ไม่ได้สงสัยว่าใครที่เป็นคนมาลอบยิงเสี่ยต้น เพราะตัวของเสี่ยต้นเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร จึงทำให้ในตอนนั้น ตนเองก็คาดว่าน่าจะมาจากเหตุซึ่งหน้ามากกว่า เนื่องจากเสี่ยต้น เวลาที่ได้ดื่มเหล้ามักจะเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง

ส่วนภาพผู้ต้องสงสัยจำนวนสองคนที่ปรากฏตามสื่อ ตนยืนยันว่าไม่ได้รู้จัก และไม่คุ้นหน้าผู้ต้องสงสัยทั้งสองรายด้วย ส่วนข้อมูลที่เพื่อนสนิทของเสี่ยต้น หรือนางหมวย ให้ข้อมูลว่าพี่สาวตนน่าจะรู้ดีว่าใครเป็นคนยิง แต่ตนเชื่อว่าพี่สาวตนก็คงไม่รู้ เพราะถ้าหากมีรูปภาพ หรือหลักฐานที่เห็นใบหน้าผู้สงสัยที่ชัดกว่านี้แล้วเอามาให้ดู หากตนรู้จักพี่สาวตนก็คงรู้จักเช่นกัน แต่ถ้าหากตนไม่รู้จัก พี่สาวก็คงไม่รู้จักเหมือนกัน

สำหรับตัวของเสี่ยต้น เท่าที่ตนรู้จักมา ยอมรับเลยว่าเป็นคนที่ถ้าหากได้ดื่มสุราแล้ว นิสัยจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อย่างตนเองก็เคยเจอเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้ว ด้วยการถูกต่อว่าด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรง ด่าตน พี่สาว และแม่ รวมถึงเพื่อนที่นั่งดื่มเหล้าด้วยกันก็เคยโดนมาแล้ว จนมาช่วงหลังแม้จะไม่ได้ดื่มเหล้าก็จะเป็นคนที่มีอารมณ์หงุดหงิดง่าย


ที่ผ่านมาตนเองยอมรับว่าเคยได้ยินเสี่ยต้น ด่าตนผ่านพี่สาวด้วยถ้อยคำแรงๆ เช่น คำว่า ”เดี๋ยวมึงก็เป็นเหมือนน้องมึงที่เลิกกับแฟนเก่าแล้วไปมีแฟนใหม่“ ซึ่งตนมองว่านี่เป็นชีวิตส่วนตัว หากอยากจะด่าก็ด่าไป เพราะตนยังสามารถทำงานให้กับบริษัทได้ตามปกติ ตนเองไม่ได้รู้สึกโกรธที่ถูกเสี่ยต้นด่า แต่รู้สึกงงมากกว่าว่ามาด่าทำไม ทั้งที่เป็นเรื่องส่วนตัว และคิดว่าสาเหตุที่เสี่ยต้น มาด่าตนคงเป็นเพราะว่าตนเป็นคนชอบเที่ยวชอบดื่ม ซึ่งเสี่ยต้น ไม่ชอบผู้หญิงประเภทนี้

แม้ที่ผ่านมาตัวของเสี่ยต้น มักจะใช้ถ้อยคำรุนแรงกับครอบครัวของตน แต่ขอยืนยันว่าเหตุผลเหล่านี้ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวของตนกับเสี่ยต้น มีความขัดแย้งกัน และที่ผ่านมา ยอมรับว่า พี่สาวก็เคยมาระบายให้ฟังว่าเสี่ยต้น เมาแล้วมาหาเรื่อง ส่วนประเด็นเรื่องผู้หญิงอื่น พี่สาวก็เคยมาปรึกษา แต่ตนก็บอกไปว่า ผู้หญิงเขาทำงานจะไปตามเสี่ยต้น แบบ ‘ผัวฉันต้องกลับบ้าน’ ให้อายคนอื่นทำไม และแนะนำให้อยู่เฉยๆ ไป

ส่วนกรณีการเสียชีวิตของเสี่ยต้น ที่จังหวัดมหาสารคาม ตนก็ทราบแต่วันแรกที่เกิดเรื่องเนื่องจากตอนนั้นตนก็อยู่บ้านที่จังหวัดมหาสารคามด้วยเช่นกัน โดยหลังจากเสี่ยต้นเสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งกับตนว่าสามารถนำร่างไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้เลย ซึ่งตนก็ได้ไปจัดการเรื่องงานศพ

ส่วนประเด็นการเสียชีวิตของเสี่ยต้น ด้วยความที่ตนอยู่ที่บ้านด้วย จึงได้เห็นคืนก่อนวันที่เสี่ยต้นจะเสียชีวิต เห็นเสี่ยต้นดื่มเหล้าไปในปริมาณมาก โดยลักษณะจะเป็นการดื่มเพียว วันที่เสี่ยต้นถูกพบว่าเสียชีวิต ทางครอบครัวก็ไม่ได้ติดใจอะไร เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่แจ้งกับครอบครัวว่าไม่ได้มีอะไรผิดปกติ

จนถึงวันที่จะมีพิธีฌาปนกิจร่างของเสี่ยต้น ก็ได้มีการเปิดโลงออกมา ซึ่งตนเองไม่ได้เข้าไปดูจึงทำให้เห็นไม่ชัด แต่ยอมรับว่าพอที่จะเห็นว่าร่างของเสี่ยต้น อยู่ในสภาพที่ดำคล้ำ และอืด โดยตอนนั้นเธอตกใจมาก แต่ก็ทราบว่าก่อนหน้านั้นที่ร่างของเสี่ยต้นอยู่ในโลงเย็น ปรากฏว่าโลงเย็นเสียจนทำให้เริ่มมีกลิ่น จึงได้มีการเปลี่ยนโลงเย็นอันใหม่

ส่วนกรณีที่น้องสาวของเสี่ยต้น ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ส่วนตัวยอมรับว่างง เพราะนานหลายปีแล้วที่น้องสาวเสี่ยต้น มาทำงานบริษัทก่อนหายหน้าหายตาไป ซึ่งตอนที่มาทำงานด้วยกันก็ได้ทำงานอยู่คนละห้อง เท่าที่จำได้มีการพูดคุยกับพี่สาวตนตามปกติไม่ได้ดูว่ามีความขัดแย้งอะไรกันเลย

ด้านทนายพัฒน์ เปิดเผยว่า การที่นางสาวส้ม น้องสาวภรรยาของเสี่ยต้น รวมถึงลูกสาววัย 16 ปีของเสี่ยต้น ได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในวันนี้ เนื่องจากเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตครอบครัว รวมถึงพามาแจ้งความที่โรงพักด้วย และอาจจะเป็นบุคคลที่ให้ถ้อยคำแล้วเป็นประโยชน์ สำหรับประเด็นความขัดแย้งระหว่างครอบครัวของนางมด และเสี่ยต้น เท่าที่ทราบก็ไม่ได้มีอะไรที่เกินเลยจนถึงขั้นต้องฆ่า หรือวางยากัน

ส่วนในวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่นางมดภรรยาของเสี่ยต้น ได้เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน ก็เป็นการให้ถ้อยคำเพิ่มเติมในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้จากการที่สอบถามนางมด ส่วนตัวเขาก็ไม่ได้สงสัยใครเป็นพิเศษ ก็เหมือนกับการให้ข่าวไปก่อนหน้านี้ว่าอาจจะเป็นเหตุการณ์ซึ่งหน้ามากกว่า

ส่วนประเด็นการเสียชีวิตที่จังหวัดมหาสารคาม นางมดก็ได้ให้ปากคำไปตั้งแต่หลังจากที่เกิดเหตุแล้ว และเมื่อวานนี้ก็ได้เข้าไปให้ปากคำเพิ่มเติมในประเด็นที่สื่อ และสังคมตั้งข้อสงสัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการให้ดูแชทรวมถึงโทรศัพท์มือถือของนางมด ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องรอขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป โดยเรื่องดังกล่าวตัวของนางมด เองก็ไม่ได้มีความกังวลอะไร

สำหรับความคืบหน้าทางคดีจากข้อมูลทางการสืบสวนล่าสุด ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งเกะรอยหาเบาะแสคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ซึ่งพบว่า หลังจากก่อเหตุแล้วคนร้ายได้ขี่รถจยย. ไปที่ปั๊มน้ำมันซอยนวมินทร์ 92 ก่อนจะหลบหนีต่อไปที่ย่านพระโขนง แล้วหายไปจากกล้องวงจรปิด เบื้องต้นคาดว่า คนร้ายเป็นมืออาชีพ เพราะมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ซึ่งหลังก่อเหตุได้มีการขี่รถวนในลักษณะหลอกทำให้ตำรวจหลงทาง แต่ตำรวจกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ คาดว่า จะได้ตัวคนร้ายในเร็วๆ นี้.-419.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ข้ามไปหารือผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจย ชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตย

สระแก้ว 17 ก.ย.-ผู้ว่าฯ สระแก้ว เดินทางข้ามไปหารือ ผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจย แก้ปัญหาชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” บอกว่า ถ้าไม่มั่นใจ ก็ไม่ไป ก่อนเวลาประมาณ 10.00 น. นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ได้เดินทางจากฝั่งคลองลึกอรัญประเทศของไทย ข้ามไปบริเวณปอยเปต ของกัมพูชา เพื่อหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ที่ตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา ปอยเปต เพื่อแก้ปัญหาชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย ในจุดหลังเส้นสีแดงบริเวณบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ข้อพิพาท แต่เป็นอธิปไตยของไทย โดยมี อุม เรีย ไต ผู้ ว่าราชการจังหวัดมันเตรียมเวนเจ มารอต้อนรับที่กลางสะพานมีการทักทายกันอย่างเป็นกันเอง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ยังได้ทักทายกับพลโทเป็กวันนา หัวหัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนกัมพูชา- ไทย ความสัมพันธ์ที่ดีในช่วงที่ผ่านมาว่า พลโทเป๊กวันนา ก็เคยข้ามมารักษาพยาบาลที่ฝั่งไทย โดยก่อนเดินทางไปร่วมประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่าถ้าไม่มั่นใจก็ไม่เดินทางไปเจรจาเพราะการหารือที่ขึ้นเป็นไปตามข้อตกลงของจากการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC.-สำนักข่าวไทย

ไม่รอด! ศาลสั่งจำคุก “เจ๋ง ดอกจิก-ศรีสุวรรณ” กับพวก ร่วมกันรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว

17 ก.ย. – ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดฟังคำพิพากษา กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา กับเจ๋ง ดอกจิก พร้อมพวกรวม 5 คน ร่วมกันเรียกรับทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ด้าน “ศรีสุวรรณ” เผยมั่นใจและเชื่อมั่นในคำพิพากษาว่าศาลจะให้กลับไปทำหน้าที่เหมือนเดิม ล่าสุดศาลพิพากษาคุก “เจ๋ง ดอกจิก” 6 ปี ด้าน “ศรีสุวรรณ” พร้อมพวกโดนด้วยคนละ 4 ปี นายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องเรียน, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมพวกรวม 5 คน เดินทางเข้ารับฟังคำพิพากษาในข้อหาเรียกรับทรัพย์สินจากอธิบดีกรมการข้าว ก่อนขึ้นฟังคำพิพากษานายศรีสุวรรณ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า คดีนี้เป็นคดีการเมืองที่ผู้มีอำนาจต้องการเตะตัดขา เพราะไม่ต้องการให้ทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง เพราะสิ่งที่ทำมานับ 10 ปี เป็นที่หวาดผวาของนักการเมืองและข้าราชการจำนวนมาก เรื่องร้องเรียนนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองหลายพรรค จบอนาคตการเมืองของนักการเมืองดังหลายคน จึงเป็นที่มาของการหาเหตุให้ต้องคดี โดยใช้เทคนิควิธีการ ซึ่งในภาษากฎหมายเรียกว่าล่อให้กระทำความผิด โดยการเอาถุงเงินไปแขวนหน้าบ้าน หากพฤติกรรมแบบนี้ถือเป็นความผิด อนาคตอาจนำไปใช้กันทั่วประเทศและก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อประชาชน นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า […]

“ลูกหมี” นำ สส.ชุมพร-อบจ.ชุมพร-ทีมพลังชุมพร ซบพรรคภูมิใจไทย

พรรคภูมิใจไทย 17 ก.ย.-“ลูกหมี” นำ สส.ชุมพร-อบจ.ชุมพร-ทีมพลังชุมพร ซบพรรคภูมิใจไทย มั่นใจพรรคนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า ไม่หวังประโยชน์ส่วนตัว แจงไม่ขัดแย้งกับ รทสช. ชี้เป็นเรื่องภายในพรรค ด้าน “พิพัฒน์” ตั้งเป้ากวาดที่นั่งภาคใต้มากขึ้น พร้อมเดินหน้าแลนด์บริดจ์ นายชุมพล จุลใส นำ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ และนายสุพล จุลใส 2 สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดตัวเตรียมร่วมงานที่พรรคภูมิใจไทย รวมถึง นายนพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพร ที่นำทีมพลังชุมพร 27 คน สมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับและสวมเสื้อพรรคภูมิใจไทยให้กับ นายก อบจ. นายศุภชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นเกียรติอย่างยิ่งได้ต้อนรับ คณะจากจังหวัดชุมพร ที่มาให้กำลังใจนายอนุทินโดย ได้รับการยืนยันว่า จะร่วมกันพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ให้แข็งแกร่งเติบโต และมีความเจริญขึ้น โดยการนำของนายอนุทินและพรรคภูมิใจไทย ขอบคุณที่ให้โอกาสภาคภูมิใจไทยได้ไปร่วมทำงานกับพี่น้องจังหวัดชุมพร ทุกคนมีเจตจำนงที่จะสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งในสมัยต่อไป นายชุมพล กล่าวว่า ตนขอพูดในนามส่วนตัวว่ามีความมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยสามารถนำพาประเทศไปได้และทำทุกอย่างให้ประเทศมีความมั่นคงให้ประเทศเดินไปข้างหน้า […]