fbpx

น้องเมียและลูกสาว “เสี่ยต้น” พร้อมทนาย เข้าให้ปากคำตำรวจ

กทม. 22 พ.ค.-น้องเมียและลูกสาว เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจนวดสปา พร้อมทนาย เข้าให้ปากคำตำรวจ ในฐานะพยานใกล้ชิด หลังน้องสาวสงสัยถูกวางยาดับ

คการเสียชีวิตของนาย พิชิต กลีบจินดา อายุ 45 ปี หรือ เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา หลังกลับไปหาภรรยา คือ นางมด ที่บ้านพักในจังหวัดมหาสารคาม กระทั่งน้องสาวของเสี่ยต้นเข้าปรึกษาเพื่อขอความช่วยเหลือกับนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ที่สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ โดยสงสัยว่าเป็นการตายอย่างมีเงื่อนงำ เพราะสภาพศพดำคล้ำผิดปกติ เหมือนถูกวางยาพิษ ได้เดินหน้าร้องขอให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีการตายของพี่ชาย และขอให้เร่งหาตัวคนร้ายที่ขี่ จยย.ตามประกบยิงรถตู้ของพี่ชาย เหตุเกิดในท้องที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 เม.ย.67 เพราะเชื่อว่าทั้ง 2 เหตุการณ์น่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน


ความคืบหน้าที่ สน.วังทองหลาง-22 พ.ค.67 นางสาวส้ม ซึ่งเป็นน้องสาวของนางมด ภรรยานายพิชิต หรือเสี่ยต้น ผู้เสียชีวิต และลูกสาววัย 16 ปี ของผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ หรือทนายพัฒน์ เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อมาสอบปากคำในฐานะพยานที่เป็นคนใกล้ชิด และเป็นคนที่พาเสี่ยต้นเข้ามาแจ้งความที่โรงพัก

นางสาวส้ม น้องสาวภรรยาของเสี่ยต้น เปิดเผยว่า ตนทราบเหตุการณ์ในวันที่เสี่ยต้นถูกลอบยิงในวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา โดยลูกสาวของเสี่ยต้น เป็นคนโทรศัพท์มาแจ้ง ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน หลังจากนั้นตนก็ออกไปหาพี่สาว ก่อนจะออกมาหาเสี่ยต้นแล้วเดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่ สน.วังทองหลาง


ซึ่งในวันเกิดเหตุก่อนที่จะเกิดเรื่องตามที่พี่สาวได้ให้สัมภาษณ์ว่า มีการนัดพบกับเสี่ยต้น ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่ตนไม่ได้ไปร่วมรับประทานอาหารด้วย และไม่ทราบว่าพี่สาวกับเสี่ยต้น ได้ไปรับประทานอาหารด้วยกันมาก่อน พอตนมาที่โรงพักก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่สาว โดยตัวของพี่สาวเองก็ไม่ได้สงสัยว่าใครที่เป็นคนมาลอบยิงเสี่ยต้น เพราะตัวของเสี่ยต้นเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร จึงทำให้ในตอนนั้น ตนเองก็คาดว่าน่าจะมาจากเหตุซึ่งหน้ามากกว่า เนื่องจากเสี่ยต้น เวลาที่ได้ดื่มเหล้ามักจะเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง

ส่วนภาพผู้ต้องสงสัยจำนวนสองคนที่ปรากฏตามสื่อ ตนยืนยันว่าไม่ได้รู้จัก และไม่คุ้นหน้าผู้ต้องสงสัยทั้งสองรายด้วย ส่วนข้อมูลที่เพื่อนสนิทของเสี่ยต้น หรือนางหมวย ให้ข้อมูลว่าพี่สาวตนน่าจะรู้ดีว่าใครเป็นคนยิง แต่ตนเชื่อว่าพี่สาวตนก็คงไม่รู้ เพราะถ้าหากมีรูปภาพ หรือหลักฐานที่เห็นใบหน้าผู้สงสัยที่ชัดกว่านี้แล้วเอามาให้ดู หากตนรู้จักพี่สาวตนก็คงรู้จักเช่นกัน แต่ถ้าหากตนไม่รู้จัก พี่สาวก็คงไม่รู้จักเหมือนกัน

สำหรับตัวของเสี่ยต้น เท่าที่ตนรู้จักมา ยอมรับเลยว่าเป็นคนที่ถ้าหากได้ดื่มสุราแล้ว นิสัยจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อย่างตนเองก็เคยเจอเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้ว ด้วยการถูกต่อว่าด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรง ด่าตน พี่สาว และแม่ รวมถึงเพื่อนที่นั่งดื่มเหล้าด้วยกันก็เคยโดนมาแล้ว จนมาช่วงหลังแม้จะไม่ได้ดื่มเหล้าก็จะเป็นคนที่มีอารมณ์หงุดหงิดง่าย


ที่ผ่านมาตนเองยอมรับว่าเคยได้ยินเสี่ยต้น ด่าตนผ่านพี่สาวด้วยถ้อยคำแรงๆ เช่น คำว่า ”เดี๋ยวมึงก็เป็นเหมือนน้องมึงที่เลิกกับแฟนเก่าแล้วไปมีแฟนใหม่“ ซึ่งตนมองว่านี่เป็นชีวิตส่วนตัว หากอยากจะด่าก็ด่าไป เพราะตนยังสามารถทำงานให้กับบริษัทได้ตามปกติ ตนเองไม่ได้รู้สึกโกรธที่ถูกเสี่ยต้นด่า แต่รู้สึกงงมากกว่าว่ามาด่าทำไม ทั้งที่เป็นเรื่องส่วนตัว และคิดว่าสาเหตุที่เสี่ยต้น มาด่าตนคงเป็นเพราะว่าตนเป็นคนชอบเที่ยวชอบดื่ม ซึ่งเสี่ยต้น ไม่ชอบผู้หญิงประเภทนี้

แม้ที่ผ่านมาตัวของเสี่ยต้น มักจะใช้ถ้อยคำรุนแรงกับครอบครัวของตน แต่ขอยืนยันว่าเหตุผลเหล่านี้ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวของตนกับเสี่ยต้น มีความขัดแย้งกัน และที่ผ่านมา ยอมรับว่า พี่สาวก็เคยมาระบายให้ฟังว่าเสี่ยต้น เมาแล้วมาหาเรื่อง ส่วนประเด็นเรื่องผู้หญิงอื่น พี่สาวก็เคยมาปรึกษา แต่ตนก็บอกไปว่า ผู้หญิงเขาทำงานจะไปตามเสี่ยต้น แบบ ‘ผัวฉันต้องกลับบ้าน’ ให้อายคนอื่นทำไม และแนะนำให้อยู่เฉยๆ ไป

ส่วนกรณีการเสียชีวิตของเสี่ยต้น ที่จังหวัดมหาสารคาม ตนก็ทราบแต่วันแรกที่เกิดเรื่องเนื่องจากตอนนั้นตนก็อยู่บ้านที่จังหวัดมหาสารคามด้วยเช่นกัน โดยหลังจากเสี่ยต้นเสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งกับตนว่าสามารถนำร่างไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้เลย ซึ่งตนก็ได้ไปจัดการเรื่องงานศพ

ส่วนประเด็นการเสียชีวิตของเสี่ยต้น ด้วยความที่ตนอยู่ที่บ้านด้วย จึงได้เห็นคืนก่อนวันที่เสี่ยต้นจะเสียชีวิต เห็นเสี่ยต้นดื่มเหล้าไปในปริมาณมาก โดยลักษณะจะเป็นการดื่มเพียว วันที่เสี่ยต้นถูกพบว่าเสียชีวิต ทางครอบครัวก็ไม่ได้ติดใจอะไร เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่แจ้งกับครอบครัวว่าไม่ได้มีอะไรผิดปกติ

จนถึงวันที่จะมีพิธีฌาปนกิจร่างของเสี่ยต้น ก็ได้มีการเปิดโลงออกมา ซึ่งตนเองไม่ได้เข้าไปดูจึงทำให้เห็นไม่ชัด แต่ยอมรับว่าพอที่จะเห็นว่าร่างของเสี่ยต้น อยู่ในสภาพที่ดำคล้ำ และอืด โดยตอนนั้นเธอตกใจมาก แต่ก็ทราบว่าก่อนหน้านั้นที่ร่างของเสี่ยต้นอยู่ในโลงเย็น ปรากฏว่าโลงเย็นเสียจนทำให้เริ่มมีกลิ่น จึงได้มีการเปลี่ยนโลงเย็นอันใหม่

ส่วนกรณีที่น้องสาวของเสี่ยต้น ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ส่วนตัวยอมรับว่างง เพราะนานหลายปีแล้วที่น้องสาวเสี่ยต้น มาทำงานบริษัทก่อนหายหน้าหายตาไป ซึ่งตอนที่มาทำงานด้วยกันก็ได้ทำงานอยู่คนละห้อง เท่าที่จำได้มีการพูดคุยกับพี่สาวตนตามปกติไม่ได้ดูว่ามีความขัดแย้งอะไรกันเลย

ด้านทนายพัฒน์ เปิดเผยว่า การที่นางสาวส้ม น้องสาวภรรยาของเสี่ยต้น รวมถึงลูกสาววัย 16 ปีของเสี่ยต้น ได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในวันนี้ เนื่องจากเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตครอบครัว รวมถึงพามาแจ้งความที่โรงพักด้วย และอาจจะเป็นบุคคลที่ให้ถ้อยคำแล้วเป็นประโยชน์ สำหรับประเด็นความขัดแย้งระหว่างครอบครัวของนางมด และเสี่ยต้น เท่าที่ทราบก็ไม่ได้มีอะไรที่เกินเลยจนถึงขั้นต้องฆ่า หรือวางยากัน

ส่วนในวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่นางมดภรรยาของเสี่ยต้น ได้เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน ก็เป็นการให้ถ้อยคำเพิ่มเติมในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้จากการที่สอบถามนางมด ส่วนตัวเขาก็ไม่ได้สงสัยใครเป็นพิเศษ ก็เหมือนกับการให้ข่าวไปก่อนหน้านี้ว่าอาจจะเป็นเหตุการณ์ซึ่งหน้ามากกว่า

ส่วนประเด็นการเสียชีวิตที่จังหวัดมหาสารคาม นางมดก็ได้ให้ปากคำไปตั้งแต่หลังจากที่เกิดเหตุแล้ว และเมื่อวานนี้ก็ได้เข้าไปให้ปากคำเพิ่มเติมในประเด็นที่สื่อ และสังคมตั้งข้อสงสัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการให้ดูแชทรวมถึงโทรศัพท์มือถือของนางมด ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องรอขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป โดยเรื่องดังกล่าวตัวของนางมด เองก็ไม่ได้มีความกังวลอะไร

สำหรับความคืบหน้าทางคดีจากข้อมูลทางการสืบสวนล่าสุด ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งเกะรอยหาเบาะแสคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ซึ่งพบว่า หลังจากก่อเหตุแล้วคนร้ายได้ขี่รถจยย. ไปที่ปั๊มน้ำมันซอยนวมินทร์ 92 ก่อนจะหลบหนีต่อไปที่ย่านพระโขนง แล้วหายไปจากกล้องวงจรปิด เบื้องต้นคาดว่า คนร้ายเป็นมืออาชีพ เพราะมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ซึ่งหลังก่อเหตุได้มีการขี่รถวนในลักษณะหลอกทำให้ตำรวจหลงทาง แต่ตำรวจกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ คาดว่า จะได้ตัวคนร้ายในเร็วๆ นี้.-419.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

บุกเดี่ยวชิงทองห้างดังเชียงใหม่ กวาดทอง 50 บาทหนี

คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทองในร้านทองกลางห้างดังที่เชียงใหม่ กวาดทองไปกว่า 50 บาท โดยใช้เวลาแค่ 1 นาที 40 วินาที เจ้าหน้าที่ไล่ล่าคนร้าย

รวบแล้ว ‘บอล ปากแหว่ง’ ก่อเหตุชิงทรัพย์ 3.3 ล้าน

รวบแล้ว “บอล ปากแหว่ง” ก่อเหตุชิงทรัพย์เงินสด 3.3 ล้านบาท บริเวณลานจอดรถห้างดังย่านพัฒนาการ หลังหนีกบดานที่ สปป ลาว กำลังประสานส่งตัวมาดำเนินคดีที่ไทย

เต็นท์รถดิ้นหนีตาย ขายขาดทุนคันเป็นแสน

ท่ามกลางสงครามราคา ทั้งรถไฟฟ้าและรถน้ำมัน รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจ ทำให้รถถูกยึดจำนวนมาก ไฟแนนซ์เข้มงวดปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้เต็นท์รถมือสองใน จ.เชียงใหม่ ซบเซาอย่างหนัก ปิดตัวลงไปเยอะ ที่เหลือต้องดิ้นรนอย่างหนัก ยอมขายขาดทุน เพื่อประคองตัวให้รอด ขณะที่อีกมุมอาจเป็นโอกาสทองของผู้บริโภค

สาวใหญ่ อสม. ยอมคืนลอตเตอรี่ถูกรางวัลให้ “ตาอ้าย” แล้ว

หวยอลเวง จ.ลำปาง กรณี “ตาอ้าย” อายุ 74 ปี ถูกสาวใหญ่ อสม.ขโมยสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 ไป ล่าสุด สาวใหญ่ ยอมรับสารภาพว่าเอาไปจริง และนำสลากมาคืนให้แล้ว โดยมอบให้ผ่านตำรวจ สภ.เสริมงาม

ข่าวแนะนำ

รวบแล้วหนุ่มบุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดังเชียงใหม่

รวบแล้วหนุ่มบุกเดี่ยวชิงทองเกือบร้อยบาท ในร้านทองกลางห้างดัง จ.เชียงใหม่ วางแผนลวงเจ้าของรถเก๋งไปฆ่า เพื่อชิงรถมาก่อเหตุชิงทอง ก่อนจัดฉากนำรถและศพไปทิ้งบนดอยสุเทพ

ทั่วไทยเวียนเทียนสมโภชน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์

จังหวัดต่างๆ ประกอบพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567

พฐ.สันนิษฐานไฟไหม้เยาวราช เกิดจากจุดธูปเทียนไหว้พระ

พฐ.ตรวจสอบบ้านต้นเพลิง เหตุไฟไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ ย่านเยาวราช เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุจากจุดธูปเทียนไหว้พระ ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันรอบชุมชนมีประปาหัวแดง-ถังดับเพลิงเพียงพอ แต่เพลิงลุกไหม้เร็วมาก จนควบคุมไม่ทัน

ทร.นำกำลังพลฝึกซ้อมฝีพายเรือพระที่นั่งจริงทั้ง 4 ลำ ครั้งแรก

ทร.นำกำลังพลฝีพายขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค ลงฝึกซ้อมกับเรือพระที่นั่งจริงทั้ง 4 ลำ เป็นครั้งแรก