กทม. 15 พ.ค. – กรณี ผอ.โรงพยาบาลดังตบเด็กวัย 14 เหตุแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำโรงพยาบาล เมื่อวานเด็กไปตรวจร่างกายเพื่อนำหลักฐานมาเอาผิดคู่กรณี ส่วนวันนี้ เข้าให้ปากคำตำรวจ แม่เด็กยอมรับแม้ลูกไม่ใช่คนดี แต่ ผอ.รพ. ที่ตบหน้าลูก ก็ต้องรับผิดชอบที่ทำเกินกว่าเหตุ
เด็กชาย อายุ 14 ปี พร้อมแม่ และทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำกรณีไปเยี่ยมภรรยา แล้วแอบไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านแจ้งวัฒนะ ก่อนจะถูก ผอ.โรงพยาบาล เดินมาเตือนพร้อมตบหน้า รวมถึงสั่งให้แก้ผ้าเดินออกจากโรงพยาบาล โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นกลางดึกวันที่ 13 พฤษภาคม
เด็กชาย เล่าย้อนเหตุการณ์ให้นักข่าวฟังว่า ช่วงก่อนเกิดไปเฝ้าภรรยาที่ท้อง ก่อนจะไปแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ชั้น 1 ของโรงพยาบาล พอเปิดประตูออกมาก็มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลประมาณ 7-8 คน มายืนรออยู่ ก่อนพาตัวไปที่ห้องโถงและบอกให้จ่ายค่าปรับ 5,000 บาท ฐานความผิดไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำ แล้วยึดมือถือไป จากนั้นมีชายสูงวัย เดินตรงมาถามว่า “มึงสูบบุหรี่ในนี้ได้ไง” แล้วก็ตบมาที่บริเวณใบหน้าของตนหลายครั้ง จากนั้นถูกนำตัวออกมานอก รพ. ซึ่งขณะนั้นตนถึงกับร้องไห้
ชายคนดังกล่าว ยังถามต่ออีกว่า “มึงจะร้องทำไม” จากนั้นก็เข้ามาเตะที่ใบหน้า อีก 2 ครั้ง รวมถึงแทงเข่ามาที่หางคิ้วซ้าย แม้ว่าเด็กชายจะพยายามขอโทษ แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ยอม แถมยังบังคับให้ถอดเสื้อและถอดกางเกง และสั่งให้เดินออกมาจากโรงพยาบาล ทำให้ตนเองต้องเดินเปลือยกายออกมาที่ปากซอยแจ้งวัฒนะ 12 และมาขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี ยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก และยอมรับว่า ไม่เคยรู้เรื่องกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในโรงพยาบาล และไม่เห็นป้ายประกาศเตือน ยืนยันจะเอาผิดผู้ก่อเหตุในการทำร้ายร่างกาย รวมถึงยืนยันว่า ไม่ได้เอาแก๊งแว๊น มาขี่ป่วนก่อกวนหน้าโรงพยาบาล
ด้านแม่ของเด็กชาย วันนี้ถึงกับยกมือไหว้ขอโทษผ่านสื่อ ฝากไปถึง ผอ.โรงพยาบาลที่มาตบลูก กรณีที่ลูกไปสูบบุหรี่ในโรงพยาบาล และยอมรับลูกไม่ใช่คนดี และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก็มองว่า ผอ. ก็ไม่น่าจะทำถึงขนาดนี้ และในเมื่อทำผิดแบบนี้ ก็ควรต้องยอมรับผิดเหมือนกัน ส่วนตัวไม่คิดรับคำขอโทษ และวันนี้เตรียมแจ้งความเอาผิด 5 ข้อหากับ ผอ.โรงพยาบาล คือ ทำร้ายร่างกาย ขืนใจผู้อื่นโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายหรือประทุษร้าย หน่วงเหนี่ยวกักขัง การกระทำอนาจาร และยักยอกทรัพย์ ส่วนเรื่องบาดแผล ต้องรอผลตรวจจากโรงพยาบาลก่อนว่าจะสามารถแก้ข้อหาใดต่อไปได้อีก
ด้านคู่กรณีที่เป็น ผอ.โรงพยาบาล คือ พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ นอกจากเมื่อวานได้โพสต์เฟซบุ๊กเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แบบค่อนข้างมีอารมณ์ว่า ได้โปรดแชร์ให้ทราบข้อเท็จจริงทั่วกันว่า เมื่อดึกคืนวันที่ 13 พ.ค.67 มีไอ้วัยรุ่นกุ๊ยมาสูบบุหรี่ในห้องสุขา แผนกผู้ป่วยนอก หรือ โอพีดี ชั้น 1 อาคาร 3 ซึ่งเป็นอาคารใหม่ส่งกลิ่นควันบุหรี่เข้าสู่ระบบปรับอากาศคละคลุ้งทั่วพื้นที่พักคอยสำหรับผู้ป่วย โอ พี ดี ที่รอรับการตรวจ ทั้งที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ก็ประกาศจัดการผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาดรุนแรง แต่ไอ้กุ๊ยตัวนี้ก็ยังท้าทายลองดี ทั้งที่ภริยาของมันได้เข้ารับการรักษาตัวใน รพ.มงกุฎวัฒนะ ด้วยสาเหตุทารกในครรภ์ไม่ดิ้น จนอาการดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินค่ารักษา แต่ไอ้กุ๊ยตัวนี้กลับตอบแทน รพ.มงกุฎวัฒนะด้วยการท้าทายสูบบุหรี่ ณ โอ พี ดี รพ.มงกุฎวัฒนะ อาคาร 3 ชั้น 1 ส่งความรำคาญแก่ผู้ป่วยที่มารอตรวจได้สูดควันบุหรี่ที่เป็นสารก่อมะเร็งปอดกันถ้วนหน้า ผมจัดการไอ้กุ๊ยรายนี้อย่างดุเดือดรุนแรงตามที่ผมประกาศไว้ ตามเสียงตามสายของ รพ.มงกุฎวัฒนะ ทุกๆ 2 ชั่วโมง เมื่อไอ้กุ๊ยละเมิดสิทธิผู้ป่วยรายอื่นๆ สร้างความสุ่มเสี่ยงต่ออัคคีภัยใน รพ. ที่มีผู้ป่วยนอนจำนวนมาก สุ่มเสี่ยงต่อโศกนาฏกรรมแล้ว ทั้งเคยเกิดเหตุอัคคีภัย ณ รพ.มงกุฎวัฒนะ จากการสูบบุหรี่ในพื้นที่ของ รพ.มาแล้วถึง 2 ครั้ง ในปี พ.ศ.2558 และ 2564 ดังนั้นผมจึงจัดการไอ้กุ๊ยรายนี้ด้วยตนเองด้วยการตบหน้าสั่งสอน ยึดมือถือ แล้วสั่งให้แก้ผ้าล่อนจ้อน ไล่ออกจากพื้นที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ไอ้กุ๊ยตัวนี้ยังยกพวกแก๊งมอเตอร์ไซค์มาข่มขู่หน้าทางเข้า รพ.มงกุฎวัฒนะ 6-7 คันเสียด้วย ผมขอเรียนว่าผมประกาศต่อสาธารณะมาเสมอว่าเราไม่ง้อ ไม่สนผู้ใช้บริการที่เป็นกุ๊ยอันธพาลเกเร คิดจะฝ่าฝืนสูบบุหรี่ เกเร อวดเบ่งบุคลากรทางการแพทย์ กระทำอะไรตามอำเภอใจ ก็ขอเชิญไป รพ.อื่นก็แล้วกัน
![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2024/05/15/1364875/1715750619_332911-tnamcot-1024x578.jpg)
ส่วนวันนี้ เมื่อช่วงเช้า หมอเหรียญทอง โพสต์อีกครั้ง ยืนยันว่า เมื่อผมกระทำผิดกฎหมาย ผมก็ต้องรับผิดตามกฎหมาย ผมเป็นอดีตหัวหน้านักเรียนผู้บังคับบัญชา ผมมีระบบเกียรติศักดิ์สูงยิ่ง ไม่โกหก ไม่หนีความผิด ติดคุกก็ติดคุก ไม่เคยรู้สึกอับอายหากต้องจำคุก คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ ตลอดจนผู้พิพากษาตัดสินคดีง่ายครับ เพราะผมจะรับผิดในสิ่งที่ผมกระทำ คดีนี้โจทก์ไม่จำเป็นต้องมีทนายเก่ง เพราะผมต้องการให้คดีนี้เป็นการพิสูจน์ความดี เก่ง กล้า ในการรับผิดตามกฎหมายของผม ถึงแม้ต้องจำคุกนานนับ 10 ปีก็ตาม แม้กฎหมายบ้านเราจะหน่อมแน้มในการปกป้อง รพ.ให้ปลอดภัยจากบุหรี่ ผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเมื่อกฎหมายจัดการผู้สูบบุหรี่ที่มีโทษเพียงแค่ปรับ ทั้งหากเป็นเยาวชนยังได้รับการยกเว้นโทษอีกด้วย ในขณะที่ผู้ประกอบการจะต้องรับผิดทั้งอาญาและแพ่ง หากเกิดอัคคีภัยจนเกิดโศกนาฏกรรม คนอย่างผม ผมกลับกล้ารับผิด ไม่โกหก ไม่ปฏิเสธความผิด แม้จะต้องจำคุกนานนับ 10 ปี ในวัย 64 แม้อาจต้องตายในคุกก็ไม่กลัว เพราะผมคือตำนานของลูกหลานเหลนโหลน นี่คือ An Officer and a Gentleman…อ่านว่า ‘แอนออฟฟิสเซอร์ แอนด์อะเจ็นเทิลแมน’ แปลว่า ‘นายทหาร และ สุภาพบุรุษ’ …ผมเป็นนายทหารสุภาพบุรุษ กล้ารับผิดเสมอ พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ 15 พ.ค.67 เวลา 8.32 น. -สำนักข่าวไทย