เด็ก 14 ให้ปากคำถูกหมอเหรียญทอง ตบหน้า

กทม. 15 พ.ค. – กรณี ผอ.โรงพยาบาลดังตบเด็กวัย 14 เหตุแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำโรงพยาบาล เมื่อวานเด็กไปตรวจร่างกายเพื่อนำหลักฐานมาเอาผิดคู่กรณี ส่วนวันนี้ เข้าให้ปากคำตำรวจ แม่เด็กยอมรับแม้ลูกไม่ใช่คนดี แต่ ผอ.รพ. ที่ตบหน้าลูก ก็ต้องรับผิดชอบที่ทำเกินกว่าเหตุ


เด็กชาย อายุ 14 ปี พร้อมแม่ และทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำกรณีไปเยี่ยมภรรยา แล้วแอบไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านแจ้งวัฒนะ ก่อนจะถูก ผอ.โรงพยาบาล เดินมาเตือนพร้อมตบหน้า รวมถึงสั่งให้แก้ผ้าเดินออกจากโรงพยาบาล โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นกลางดึกวันที่ 13 พฤษภาคม

เด็กชาย เล่าย้อนเหตุการณ์ให้นักข่าวฟังว่า ช่วงก่อนเกิดไปเฝ้าภรรยาที่ท้อง ก่อนจะไปแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ชั้น 1 ของโรงพยาบาล พอเปิดประตูออกมาก็มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลประมาณ 7-8 คน มายืนรออยู่ ก่อนพาตัวไปที่ห้องโถงและบอกให้จ่ายค่าปรับ 5,000 บาท ฐานความผิดไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำ แล้วยึดมือถือไป จากนั้นมีชายสูงวัย เดินตรงมาถามว่า “มึงสูบบุหรี่ในนี้ได้ไง” แล้วก็ตบมาที่บริเวณใบหน้าของตนหลายครั้ง จากนั้นถูกนำตัวออกมานอก รพ. ซึ่งขณะนั้นตนถึงกับร้องไห้


ชายคนดังกล่าว ยังถามต่ออีกว่า “มึงจะร้องทำไม” จากนั้นก็เข้ามาเตะที่ใบหน้า อีก 2 ครั้ง รวมถึงแทงเข่ามาที่หางคิ้วซ้าย แม้ว่าเด็กชายจะพยายามขอโทษ แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ยอม แถมยังบังคับให้ถอดเสื้อและถอดกางเกง และสั่งให้เดินออกมาจากโรงพยาบาล ทำให้ตนเองต้องเดินเปลือยกายออกมาที่ปากซอยแจ้งวัฒนะ 12 และมาขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี ยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก และยอมรับว่า ไม่เคยรู้เรื่องกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในโรงพยาบาล และไม่เห็นป้ายประกาศเตือน ยืนยันจะเอาผิดผู้ก่อเหตุในการทำร้ายร่างกาย รวมถึงยืนยันว่า ไม่ได้เอาแก๊งแว๊น มาขี่ป่วนก่อกวนหน้าโรงพยาบาล

ด้านแม่ของเด็กชาย วันนี้ถึงกับยกมือไหว้ขอโทษผ่านสื่อ ฝากไปถึง ผอ.โรงพยาบาลที่มาตบลูก กรณีที่ลูกไปสูบบุหรี่ในโรงพยาบาล และยอมรับลูกไม่ใช่คนดี และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก็มองว่า ผอ. ก็ไม่น่าจะทำถึงขนาดนี้ และในเมื่อทำผิดแบบนี้ ก็ควรต้องยอมรับผิดเหมือนกัน ส่วนตัวไม่คิดรับคำขอโทษ และวันนี้เตรียมแจ้งความเอาผิด 5 ข้อหากับ ผอ.โรงพยาบาล คือ ทำร้ายร่างกาย ขืนใจผู้อื่นโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายหรือประทุษร้าย หน่วงเหนี่ยวกักขัง การกระทำอนาจาร และยักยอกทรัพย์ ส่วนเรื่องบาดแผล ต้องรอผลตรวจจากโรงพยาบาลก่อนว่าจะสามารถแก้ข้อหาใดต่อไปได้อีก

ด้านคู่กรณีที่เป็น ผอ.โรงพยาบาล คือ พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ นอกจากเมื่อวานได้โพสต์เฟซบุ๊กเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แบบค่อนข้างมีอารมณ์ว่า ได้โปรดแชร์ให้ทราบข้อเท็จจริงทั่วกันว่า เมื่อดึกคืนวันที่ 13 พ.ค.67 มีไอ้วัยรุ่นกุ๊ยมาสูบบุหรี่ในห้องสุขา แผนกผู้ป่วยนอก หรือ โอพีดี ชั้น 1 อาคาร 3 ซึ่งเป็นอาคารใหม่ส่งกลิ่นควันบุหรี่เข้าสู่ระบบปรับอากาศคละคลุ้งทั่วพื้นที่พักคอยสำหรับผู้ป่วย โอ พี ดี ที่รอรับการตรวจ ทั้งที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ก็ประกาศจัดการผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาดรุนแรง แต่ไอ้กุ๊ยตัวนี้ก็ยังท้าทายลองดี ทั้งที่ภริยาของมันได้เข้ารับการรักษาตัวใน รพ.มงกุฎวัฒนะ ด้วยสาเหตุทารกในครรภ์ไม่ดิ้น จนอาการดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินค่ารักษา แต่ไอ้กุ๊ยตัวนี้กลับตอบแทน รพ.มงกุฎวัฒนะด้วยการท้าทายสูบบุหรี่ ณ โอ พี ดี รพ.มงกุฎวัฒนะ อาคาร 3 ชั้น 1 ส่งความรำคาญแก่ผู้ป่วยที่มารอตรวจได้สูดควันบุหรี่ที่เป็นสารก่อมะเร็งปอดกันถ้วนหน้า ผมจัดการไอ้กุ๊ยรายนี้อย่างดุเดือดรุนแรงตามที่ผมประกาศไว้ ตามเสียงตามสายของ รพ.มงกุฎวัฒนะ ทุกๆ 2 ชั่วโมง เมื่อไอ้กุ๊ยละเมิดสิทธิผู้ป่วยรายอื่นๆ สร้างความสุ่มเสี่ยงต่ออัคคีภัยใน รพ. ที่มีผู้ป่วยนอนจำนวนมาก สุ่มเสี่ยงต่อโศกนาฏกรรมแล้ว ทั้งเคยเกิดเหตุอัคคีภัย ณ รพ.มงกุฎวัฒนะ จากการสูบบุหรี่ในพื้นที่ของ รพ.มาแล้วถึง 2 ครั้ง ในปี พ.ศ.2558 และ 2564 ดังนั้นผมจึงจัดการไอ้กุ๊ยรายนี้ด้วยตนเองด้วยการตบหน้าสั่งสอน ยึดมือถือ แล้วสั่งให้แก้ผ้าล่อนจ้อน ไล่ออกจากพื้นที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ไอ้กุ๊ยตัวนี้ยังยกพวกแก๊งมอเตอร์ไซค์มาข่มขู่หน้าทางเข้า รพ.มงกุฎวัฒนะ 6-7 คันเสียด้วย ผมขอเรียนว่าผมประกาศต่อสาธารณะมาเสมอว่าเราไม่ง้อ ไม่สนผู้ใช้บริการที่เป็นกุ๊ยอันธพาลเกเร คิดจะฝ่าฝืนสูบบุหรี่ เกเร อวดเบ่งบุคลากรทางการแพทย์ กระทำอะไรตามอำเภอใจ ก็ขอเชิญไป รพ.อื่นก็แล้วกัน


ส่วนวันนี้ เมื่อช่วงเช้า หมอเหรียญทอง โพสต์อีกครั้ง ยืนยันว่า เมื่อผมกระทำผิดกฎหมาย ผมก็ต้องรับผิดตามกฎหมาย ผมเป็นอดีตหัวหน้านักเรียนผู้บังคับบัญชา ผมมีระบบเกียรติศักดิ์สูงยิ่ง ไม่โกหก ไม่หนีความผิด ติดคุกก็ติดคุก ไม่เคยรู้สึกอับอายหากต้องจำคุก คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ ตลอดจนผู้พิพากษาตัดสินคดีง่ายครับ เพราะผมจะรับผิดในสิ่งที่ผมกระทำ คดีนี้โจทก์ไม่จำเป็นต้องมีทนายเก่ง เพราะผมต้องการให้คดีนี้เป็นการพิสูจน์ความดี เก่ง กล้า ในการรับผิดตามกฎหมายของผม ถึงแม้ต้องจำคุกนานนับ 10 ปีก็ตาม แม้กฎหมายบ้านเราจะหน่อมแน้มในการปกป้อง รพ.ให้ปลอดภัยจากบุหรี่ ผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเมื่อกฎหมายจัดการผู้สูบบุหรี่ที่มีโทษเพียงแค่ปรับ ทั้งหากเป็นเยาวชนยังได้รับการยกเว้นโทษอีกด้วย ในขณะที่ผู้ประกอบการจะต้องรับผิดทั้งอาญาและแพ่ง หากเกิดอัคคีภัยจนเกิดโศกนาฏกรรม คนอย่างผม ผมกลับกล้ารับผิด ไม่โกหก ไม่ปฏิเสธความผิด แม้จะต้องจำคุกนานนับ 10 ปี ในวัย 64 แม้อาจต้องตายในคุกก็ไม่กลัว เพราะผมคือตำนานของลูกหลานเหลนโหลน นี่คือ An Officer and a Gentleman…อ่านว่า ‘แอนออฟฟิสเซอร์ แอนด์อะเจ็นเทิลแมน’ แปลว่า ‘นายทหาร และ สุภาพบุรุษ’ …ผมเป็นนายทหารสุภาพบุรุษ กล้ารับผิดเสมอ พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ 15 พ.ค.67 เวลา 8.32 น. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย